ลืมตาตื่นอีกครั้งในร่างของคนอื่นว่าแย่แล้ว วิญญาณเจ้าของร่างก็ยังตามทวงร่างคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแย่กว่า
ลืมตาตื่นอีกครั้งในร่างของคนอื่นว่าแย่แล้ว วิญญาณเจ้าของร่างก็ยังตามทวงร่างคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแย่กว่า
ณ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ดินแดนอันเลื่องชื่อจากการมีรถไฟลอยน้ำบนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สะพานผุดกลางแม่น้ำ ทุ่งทานตะวันเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งเมือง ก็ยังมีอีกของดีอีกอย่างหนึ่งที่รอวันถูกค้นพบ
มนุษย์ที่เป็นมิตรกับสรรพสิ่งบนโลก ไม่เว้นแม้แต่...
“หนูลูก มาหาพี่เร็ว อย่าไปทางนั้นเลย พวกพี่สาวเขาตกใจ”
พนักงานคนหนึ่งของร้านนั่งชิลเบะปากออกคล้ายอยากร้องไห้ ซ่อนตัวเองอยู่หลังเสาพลางตะโกนบอกกับอีกฝ่าย “อย่ามัวแต่คุยได้ไหม คนอื่นจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มกลับยิ้ม ไม่ได้ถือสาอะไรที่เจ้าหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์
“น่า ใจเย็นๆ ต้องให้เวลาน้องเขาด้วย”
เหล่าพี่สาวต่างก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่รู้จักหยุดเมื่อ ‘น้อง’ ตัวนั้นไม่ยอมเลื้อยเข้าขวดสักที
สายตาทุกคู่มองดูงูเห่าตัวเล็กที่หัวดื้อไม่ยอมให้ ‘คีรี’ จับง่ายๆ ยังคงดึงเชิงประวิงเวลาอยู่อย่างนั้น ถ้าปากขวดอยู่ทางซ้ายงูก็จะเลื้อยไปทางขวา ถ้าปากขวดอยู่ทางขวางูก็จะเลื้อยไปทางซ้าย เป็นแบบนี้มาหลายนาที คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ลุ้นตัวโก่ง เพราะแม้จะเป็นลูกงูแต่ก็เป็นงูเห่าที่มีพิษร้ายแรง บางจังหวะน้องของคีรียังชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อๆ อยู่เลย
มันน่าเอ็นดูตรงไหนทำไมเจ้านั่นถึงยังมองสัตว์ชนิดนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนกัน
ห้านาทีให้หลังลูกงูเห่าก็เลื้อยเข้าไปอยู่ในขวดที่เจาะรูระบายอากาศเรียบร้อย ทำให้พนักงานของทางร้านพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจวนจะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว หากเจองูช่วงที่มีลูกค้าคงได้วุ่นวายกว่านี้ ดีที่พนักงานขนส่งนำพัสดุชิ้นสุดท้ายที่ลูกค้านัดรับมาส่งให้พนักที่ร้านพอดี ผนวกกับมีทักษะอยู่บ้างเลยช่วยจับงูไว้ได้โดยไม่ต้องถึงมืออาสากู้ภัย
“ขอบใจแกมากนะคีน”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาน้องไปไว้ที่ศูนย์ก่อนแล้วกันครับ”
ใช้เวลาไม่กี่นาทีคีรีก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าไปในมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมขวดพลาสติกที่บรรจุเจ้างูน้อยไว้หนึ่งตัว เมื่อเจอกับใครสักคนที่ทำงานอยู่ในนี้ก็ส่งขวดที่ว่าให้ “ผมฝากพี่พาน้องไปปล่อยด้วยนะครับ”
อีกฝ่ายก็รับมาถือไว้อย่างไม่อิดออด เพ่งพินิจเพียงครู่สั้นๆ ก็เอ่ยปากถาม “งูเห่ารึ”
“ครับพี่ ไปได้มาจากร้านเฮียผา”
“เอ็งจับงูเป็นตั้งแต่เมื่อไร”
“เคยเห็นในเน็ตครับ เลยเอามาปรับใช้”
“ครั้งแรก?” เขาพยักหน้ารับ “คนจริงว่ะ ไงก็ขอบใจเอ็งมาก เอาๆ กลับบ้านไปนอนได้แล้ว”
คีรีรับปากพี่กู้ภัยเสียดิบดี แต่แล้วก็มาติกแหง็กอยู่ด้านหน้าศูนย์กับสุนัขหลังอานแสนขี้อ้อนที่เดินมาพันแข้งพันขา พอเขายอบกายลงไปหาพลางยื่นมือไปเกาพุงให้เท่านั้นล่ะ ดูเหมือนเจ้าด่างนี่จะชอบใจมากทีเดียว
คล้อยหลังการเกาพุงน้องหมาเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พี่ชายใจดีก็กล่าวเสียงอ่อน “ไว้พี่มาเล่นด้วยนะคนเก่ง”
แล้วจึงได้ฤกษ์กลับสำนักงานเพื่อทำเรื่องเลิกงาน
มอเตอร์ไซค์คู่ใจเคลื่อนไปบนท้องถนนอย่างไม่เร่งรีบ แต่ไม่นานก็มาถึงที่ทำงาน คีรีนำพัสดุที่ส่งไม่สำเร็จในวันนี้ไปเก็บ เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกที่จะรับของและเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แทน เขาจัดการทุกอย่างด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
คีรีเดินทางกลับบ้านช่วงหนึ่งทุ่มเศษๆ เขาแวะซื้ออาหารสำหรับคนเดียวเพื่อนำกลับไปทานที่บ้านเช่า
เกิดมายี่สิบห้าปีคีรีไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง เขาอยู่บ้านเช่ามาตั้งแต่จำความได้ ในบ้านหลังนั้นเคยมีเขา พ่อ แม่และย่า แต่ตอนนี้เหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว โดยที่สมาชิกของครอบครัวคนสุดท้ายเพิ่งจากไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะโรคชรา ในขณะที่พ่อและแม่เสียไปเมื่อช่วงโรคระบาดหนักๆ ทั้งโลกเมื่อห้าปีที่แล้ว
การอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินใจจะทำ
ระหว่างทางกลับบ้านต้องผ่านคลองสายเล็กๆ สายหนึ่ง ปกติแล้วเขาก็แค่ต้องขี่รถข้ามสะพานไป แต่วันนี้ต่างไปจากเดิมเมื่อมีรถหรูทะเบียนกรุงเทพฯ คันหนึ่งจอดอยู่ที่เชิงสะพานซึ่งไม่ค่อยมีใครนิยมจอดรถตรงนี้ พอขี่ผ่านมาครู่หนึ่งสายตาก็สบเข้ากับร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ราวสะพาน
คีรีผ่อนความเร็วลงในขณะที่สายตาไม่ละไปจากแผ่นหลังนั้น ในที่สุดล้อรถก็หยุดหมุน พร้อมชายหนุ่มที่ตวัดขาลงไปยืนอยู่ที่พื้น เขาก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน
ชายผู้นั้นหันหน้ามามองคนมาใหม่ ก่อนหันกลับไปทางเดิม
ความเงียบปกคลุมพื้นที่อยู่นาน ก่อนเจ้าถิ่นจะเอ่ยขึ้นหวังชวนคุย “สวัสดีครับ ผมคีนนะ คุณล่ะ” อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ “มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ ลมแรงออก”
ชายหนุ่มผิวพรรณดีชำเลืองมองคนปากมากเป็นระยะ “ยุ่ง”
“กินข้าวยังครับ กินข้าวก่อนไหม ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะเลย” เพราะคำว่ายุ่งหรือท่าทีไม่เป็นมิตรนั้นไม่สามารถพรากความมีไมตรีจิตของคีรีไปได้ เขาก็แค่อยากให้คนคนนี้ได้มีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น “ผมไม่รวยหรอกนะ แต่มื้อนี้ผมเลี้ยงคุณได้”
“อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป”
คงจะเจอเรื่องไม่ดีมาสิท่า
“นั่นรถคุณเหรอ คันหรูๆ นั่นน่ะ” คนเจ้าอารมณ์ยังคงเงียบ “ไปนั่งบนรถแพงๆ แบบนั้นเถอะ อย่ามายืนตากลมตรงนี้เลย”
“โคตรน่ารำคาญ” ว่าจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทางซีดานสีขาว
คีรีไม่ยี่หระกับคำตำหนิ แค่เห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเปลี่ยนใจไม่มายืนสุ่มเสี่ยงตรงราวสะพานก็พอใจแล้ว เขาตะโกนไปว่า “นี่คุณ ถ้าไม่ให้ผมเป็นเจ้ามือก็อย่าลืมหาข้าวอร่อยๆ กินสักมื้อนะ”
แล้วจึงควบมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับบ้านของตน ทว่ายังไม่ทันจะพ้นเชิงสะพานอีกฝั่ง เสียงวัตถุบางอย่างก็ตกกระแทกผืนน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่น เขารีบพาตัวเองเข้าไหล่ทางพร้อมกับที่ได้ยินเสียงชาวบ้านแถวนั้นตะโกนพูดว่ามีคนกระโดนสะพาน
หัวใจกระตุกวูบ
เป็นคนคนนั้นหรือ คนที่เขาเพิ่งคิดว่าได้ช่วยไว้แล้ว
คีรีว่ายน้ำเป็น และเขาก็ห้ามขาตัวเองไม่ทันถึงได้รีบถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงไปในน้ำ ก่อเกิดเสียงกระแทกไม่ต่างจากเมื่อครู่ เขาออกแรงว่ายสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ถึงจุดที่มีมือของผู้ประสบภัยชูขึ้นหวังขอความช่วยเหลือ เขาคว้าตัวของชายผู้นั้นไว้ได้ในที่สุด แต่แล้วพ่อหนุ่มหน้ายุ่งก็กอดรัดรอบลำคอและพยายามตะเกียกตะกายเพื่อพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องช่วยคนอื่นแล้ว คีรียังต้องช่วยตัวเองให้ไม่จมดิ่งสู่ใต้น้ำ
ไม่ทันที่คีรีจะได้พาอีกฝ่ายขึ้นฝั่ง ร่างทั้งสองก็จมดิ่งไปพร้อมๆ กัน
จริงอยู่ที่คีรีว่ายน้ำเป็น แต่เขาไม่เคยช่วยคนจมน้ำ เขาลืมไปชั่วขณะว่าหากไม่มีความเชี่ยวชาญก็ไม่ควรเสนอตัวทำเรื่องเกินความสามารถ แต่นาทีนั้นมันยั้งขาตัวเองไม่ทัน
เขายังไม่อยากตาย แต่ความทรมานนี้บอกเขาว่าตัวเองใกล้สิ้นใจแล้ว
พ่อ แม่ ย่า ผมกำลังจะไปหานะ
ในท้ายที่สุดภาพทุกอย่างก็ดับลง...
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY