“ไม่อยากให้ดูดบุหรี่ใช่ไหม แล้วจะให้ดูดอะไรแทนครับ...ปากคุณรึ?”
“ไม่อยากให้ดูดบุหรี่ใช่ไหม แล้วจะให้ดูดอะไรแทนครับ...ปากคุณรึ?”
แล้วแต่คุณจะการุญ
บทนำ
.
.
.
ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งอัปโหลดคลิปวิดีโอที่เจ้าหล่อนรู้ได้ทันทีว่าจะต้องเป็นประเด็นร้อนในสังคมลงในแพลตฟอร์มดังกล่าว พร้อมด้วยข้อความเรียกทัวร์จากชาวเน็ต ‘ทุกคนมามุงด่วน คนดังคนไหนคือคนที่จะไปตีท้ายครัวของมะไฟกับแฟนอะ ชีใบ้ว่าเป็นนักร้อง เพิ่งปล่อยเพลงใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว คืนนี้โคนันไทยไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้วจ้า’
เพียงไม่กี่นาทียอดรีทวีตก็พุ่งแตะหลักร้อย และยังทะยานขึ้นเรื่อยๆ ไปถึงหลักพัน อีกไม่นานคงแตะหลักหมื่น พร้อมการคาดเดาต่างๆ นานาของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
‘ถ้านักร้องหญิงที่ปล่อยเพลงเมื่อเดือนที่แล้วก็มีอยู่สามคน แต่คนที่เข้าเค้าที่สุดคือ ต ตน หรือเปล่านะ เพราะแฟนของมะไฟก็ไปเป็นพระเอก MV ให้ชีนิ เมื่อต้นเดือนชีลงรูปอยู่ภูเก็ตอย่างที่มะไฟเล่าด้วย’
‘ต ตน คือใคร’
‘ตอบไม่ได้ค่ะ’
‘ค่า ถ้าตอบไม่ได้วันหลังก็ไม่ต้องพูดเนาะ วงนงวงในรู้เยอะกว่าใครเพื่อนแต่รู้อยู่คนเดียวก็ไม่ต้องแง้มค่ะ’
‘ชื่อเพลง ตอบไม่ได้ ค่ะ ใครร้องเพลงนี้ก็คนนั้นแหละ’
‘อ้อ ขอโทษค่ะ ว่าแต่เป็นคนนี้จริงเหรอคะ ไม่น่าเชื่อเลย เห็นใสๆ ไม่เคยมีข่าวเสียหาย’
‘วงการมายาอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ’
เพียงเท่านั้นคนอื่นๆ ก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร พวกเธอจำเป็นต้องเลี่ยงบาลีโดยการไม่เอ่ยชื่ออย่างตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้หมายศาลมาหาถึงบ้าน แต่เอ่ยถึงชื่อผลงานแทน ซึ่งชื่อเพลงที่เพิ่งพิมพ์ออกไปก็เป็นเพลงดัง ทุกคนรู้ว่านักร้องคือใคร หากไม่ทราบจริงๆ สามารถหาในอินเทอร์เน็ตได้
และใน MV เพลงนั้นก็จะพบว่าคนที่ตกเป็นประเด็นอย่าง เทียน ธเนศ แฟนหนุ่มของดาราแห่งยุคอย่าง มะไฟ เฟื่องนรี มารับบทเป็นพระเอกคู่กับตัวนักร้องที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของสังคม ณ เวลานี้
หลังทราบตัวการแล้วความเห็นของผู้คนก็ร้อนระอุเพราะชอบเสพสื่อคาวๆ เป็นทุนเดิม เรื่องใดเล่าจะน่าติดตามเท่าเรื่องผัวๆ เมียๆ ของพวกคนดัง
เสียงกีตาร์โปร่งดังคลอเบาๆ ภายในห้องพักบนชั้นสี่สิบของคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ด้านหน้ามีกระดาษหนึ่งแผ่นที่ถูกเขียนบางอย่างลงไป ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งซ้ำๆ จนแทบไม่เหลือที่ว่าง ด้วยยังไม่พึงพอใจกับเนื้อเพลงที่ถูกกลั่นออกจากหัวสมองของตนเอง
ตาว ตรีนาถ นักร้องหัวตารางของเมืองไทยนั้นนอกจากจะมีน้ำเสียงอันไพเราะและเป็นเอกลักษณ์ชนิดหาตัวจับยาก ยังมีความสามารถในการแต่งเพลงอีกด้วย ทุกเพลงที่ปล่อยออกไปจะมีชื่อของตนเป็นหนึ่งในผู้แต่งอยู่เสมอ กับเพลงต่อไปเธอก็กำลังแต่งอยู่ แต่ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงยังขึ้นท่อนแรกไม่ได้เลย
สาวเจ้าบิดขี้เกียจไปมา คว้ามือถือมาดูนาฬิกาก็พบว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เธอลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าสตางค์มาถือไว้ ตั้งใจจะลงไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหาอะไรทานก่อนนอน วันนี้เธอมีตารางงานทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็น ช่วงกลางคืนจึงไม่ได้รับงานร้านเหล้าไว้
ทว่ายังไม่ทันจะก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ เสียงเรียกเข้าจาก ‘เจ๊เป็ด’ หญิงวัยสามสิบต้นๆ ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
ตรีนาถกลอกตาไปมา ถึงกระนั้นก็ยอมรับสายแต่โดยดี
“มีอะไร-”
(ตาว! เป็นเรื่องแล้ว)
คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นโบ หน้าผากมนย่นอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นเรื่องอะไรคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ๊ มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา-”
(เอาอะไรมาเย็น เจ๊จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่เธอยังไม่เห็นข่าวใช่ไหม)
คนเด็กกว่ายังคงมีสีหน้าฉงน “ข่าวอะไรคะเจ๊”
เสียงกระแทกลมหายใจหนักๆ ของปลายสายลอยมาเข้าโสตประสาท นอกเหนือจากนั้นน้ำเสียงที่เปรมหทัยใช้เอื้อนเอ่ยก็ไม่เหมือนทุกครั้ง อยู่ด้วยกันมาหลายปี ไม่เคยได้ยินโทนเสียงร้อนรนขนาดนี้ของคุณผู้จัดการส่วนตัวมาก่อนเลย
(ก่อนเธอจะไปตามอ่าน เจ๊ขอถามเรื่องหนึ่ง)
“...คะ?”
(เธอกับเทียนไม่ได้แอบกินกันลับหลังแน่นะ)
“...”
(ถ้าเธอทำอะไรลับหลังเจ๊ เจ๊ช่วยไม่ได้นะตาว เจ๊บอกตลอดว่าไม่ว่าอะไรก็ต้องบอกเจ๊ทุกเรื่อง)
ใช้เวลาเกือบนาทีกว่าตรีนาถจะทำความเข้าใจได้ หล่อนทิ้งสะโพกนั่งลงที่เดิม ล้มเลิกความคิดเรื่องที่จะออกไปหาอะไรทานที่ร้านสะดวกซื้อเพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาดึงความสนใจจนไม่รู้สึกหิว “เจ๊คิดว่าตาวมีซัมติงกับคุณเทียนเหรอคะ”
(เจ๊ไม่ได้คิด แต่คนอื่นเขาคิด)
“หา!?” เธอร้องเสียงหลง “บ้าน่า ตาวคุยกับเขาแค่เรื่องงานที่กองถ่ายอย่างเดียว ไม่เคยคุยนอกรอบหรืออะไร แล้วตาวก็ไม่เคยยุ่มย่ามอะไรกับเขาด้วย ไม่ได้ชอบสักหน่อย เขามีแฟนแล้วนี่ แต่ต่อให้ไม่มีแฟนตาวก็ไม่ได้ชอบ ไม่ใช่สเปกอะ”
ธเนศอายุสามสิบหรือสามสิบเอ็ดก็ไม่แน่ใจ เธอไม่ให้ความสนใจในตัวเขาในแง่ชู้สาวเลยสักนิด เธออยากคบกับคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองสักปีสองปี อยากเป็นพี่สาวคนสวยของหมาเด็ก ไม่ได้อยากเป็นชู้ของหมาแก่ที่ไหน
เรื่องที่อีกฝ่ายมาเป็นพระเอกเอ็มวีให้ก็ไม่ใช่ธุระที่เธอเป็นฝ่ายจัดการ มันเป็นเรื่องของทางต้นสังกัด เธอมีหน้าที่ทำไปตามที่เบื้องบนสั่งมาเท่านั้น ใครจะเป็นพระเอกหรืออะไรก็ไม่เคยไปจิ้มเลือกเอง เพราะหากผู้ใหญ่คัดมาแล้วเธอก็ร่วมงานได้กับทุกคน
(ถ้าเธอยืนยันความบริสุทธิ์ได้แบบนั้น แก๊งตัวมัมมันจะกล้าพูดแบบนั้นเชียวเหรอ) ก่อนเปรมหทัยจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง (ตาว เธอต้องไม่โกหกเจ๊)
“ตาวยังงงอยู่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ที่ตาวมั่นใจคือตาวไม่ได้ยุ่งกับผู้ชายคนไหน พูดก็พูดนะเจ๊ ที่ผ่านมาตาวเคยมีข่าวเสียหายหรือมีเรื่องผู้ชายมาให้เจ๊ปวดหัวไหมคะ”
คนฟังทอดถอนลมหายใจอย่างหนักอก เพราะมันเป็นเช่นที่ตรีนาถว่ามาทุกประการ ยายเด็กนี่คือเด็กที่ตนเห็นแววจึงชวนมาเข้าวงการ ปูมหลังเป็นอย่างไรก็ทราบดีกว่าใคร และไม่เชื่อว่าตรีนาถจะทำเช่นนั้น แต่การที่คู่กรณีกล้าออกมาโจมตีโต้งๆ จึงต้องเค้นเอากับคนของตนเอง
เปรมหทัยว่าเสียงอ่อย (ก็ไม่เคย)
“ใช่ค่ะ ตาวไม่เคยทำตัวเหลวไหล ว่าแต่ต้นเรื่องมาจากไหนคะ เมื่อกี้เจ๊บอกว่าแก๊งตัวมัม แก๊งคุณมะไฟน่ะเหรอคะ”
(อือ)
“ทำไมเขาพูดงั้น”
(เจ๊ก็ไม่รู้ เธอไปดูเองแล้วจำไว้ว่าอย่าตอบโต้เด็ดขาด ไม่ต้องโพสต์หรือเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตาม หุบนิ้วให้ดีเดี๋ยวมันไม่จบ นี่นักข่าวโทร. มาที่เจ๊จนสายไหม้แล้ว พรุ่งนี้คงจะมีคนถาม ไว้ค่อยพูดทีเดียว เดี๋ยวเจ๊จะเขียนสคริปต์ให้)
“เจ๊”
(ว่า)
“ตาวโดนด่าเหรอคะ หมายถึงว่าขึ้นเทรนด์อะไรทำนองนั้นน่ะ”
ปลายสายระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ (อันดับสามจ้ะ แต่อย่าเพิ่งไปตามอ่าน เดี๋ยวนอนไม่หลับ)
“ค่ะ แล้วตาวจะไปดูต้นเรื่องได้ที่ไหนคะ ใครโพสต์หรือคุณมะไฟไปออกรายการอะไร”
(จะรายการอะไรล่ะ ก็ช่องของยายมาดามชิชาที่ชอบจับหัวทำคลิปกันนั่นแหละ)
“อ้อ งั้นเดี๋ยวตาวไปดูก่อนนะคะ”
หลังวางสายจากผู้จัดการส่วนตัว หัวใจดวงน้อยก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อน วันๆ มีแค่ร้องเพลง หาเงินเลี้ยงชีพ ไม่ค่อยได้สุงสิงอะไรกับคนอื่นเขา พยายามทำตัวดีๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นสนามอารมณ์ของชาวเน็ต แต่แล้ววันที่กลัวก็เดินทางมาถึง
คลิปวิดีโอจากช่อง CHICHA TALK ที่เพิ่งอัปโหลดเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ถูกตรีนาถเปิดเพื่อที่ตนจะได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด
เป็นคลิปที่แก๊งตัวมัมนั่งอยู่ในรถคันหนึ่ง โดยมีปภาพินนั่งตำแหน่งคนขับ เบาะข้างๆ เป็นของเจ้าของช่องอย่างช่อชมพู ด้านหลังเป็นเฟื่องนรีและคติยา ทั้งหมดคือบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของเมืองไทยที่จับพลัดจับผลูมาเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน
ป่าน ปภาพินอายุน้อยที่สุดแต่ก็มากกว่าตรีนาถอยู่เกือบสามปี เป็นนักแสดงอิสระ มีแฟนเป็นผู้จัดละคร ด้านครีม คติยานั้นเป็นถึงหลานสาวเจ้าของช่องโทรทัศน์ Top 3 ของประเทศ มีข่าวว่ากำลังปลูกต้นรักกับทายาทเศรษฐี ส่วนคู่กรณีของตรีนาถอย่างมะไฟ เฟื่องนรีก็เป็นดาราแห่งยุคที่มีผลงานทั้งจอแก้วและจอเงิน เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นับสิบแบรนด์ ในขณะที่ชิชา ช่อชมพูไม่ได้เป็นนักแสดง ไม่เคยมีผลงานใดๆ ด้านนี้ แต่ก็เป็นเซเลบแถวหน้าของเมืองไทยที่สังคมให้ความสนใจอยู่ตลอด ด้วยไลฟ์สไตล์หรูหราเกินเอื้อม หยิบจับอะไรก็เป็นกระแส อีกทั้งสามียังเป็นนักธุรกิจชื่อดัง
โลกเหวี่ยงสี่คนนี้ให้มารู้จักกันในนาม ‘แก๊งตัวมัม’ ที่ใครก็ไม่อยากมีปัญหาด้วย
แต่ตรีนาถกำลังมี...
ช่อชมพูมักถ่ายคลิปการใช้ชีวิตสุดลักซ์ชัวรีมาลงในอินเทอร์เน็ต และมีการถ่ายรายการชิชาทอล์กกับแก๊งเพื่อนในหัวข้อต่างๆ โดยที่ทั้งสี่จะนั่งโดยสารอยู่ในรถแล้วขับรถไปคุยไป เดี๋ยวนี้คนมักชอบทำรายการแบบนี้ ตัวตรีนาถเองก็เคยไปออก เพียงแต่ไม่ได้ไปของช่อชมพู เธอและคนพวกนั้นไม่ใกล้เคียงคำว่าสนิทกันเลย
คลิปวันนี้มีชื่อว่า ‘เรื่องชวนปวดหัวของแก๊งตัวมัม’ ที่แม้จะเพิ่งลงไปได้ไม่นานแต่ยอดวิวพุ่งไปสามแสนแล้ว
วิดีโอนั้นถูกเล่นไปเรื่อยๆ สี่สาวคุยสัพเพเหระกระทั่งมาถึงหัวข้อที่เป็นประเด็น
ช่อชมพูเป็นฝ่ายเอ่ย ‘ช่วงนี้ความรักของพวกเธอราบรื่นกันดีใช่ไหม’
ปภาพิน คติยา ได้ช่องอวดแฟนกันยกใหญ่ ต่างกับนางเอกแห่งยุคที่ทำทีเป็นเบะปากคล้ายคนจะร้องไห้ ‘การมีแฟนเป็นขวัญใจชาวบ้านก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ’
ทั้งสามมีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกันคืออยู่ในอารามตกใจ แต่ตรีนาถรู้ดี มันเป็นสคริปต์ ก่อนถ่ายจะต้องคุยกันแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร ไอ้ตกใจแบบนี้น่ะ แสดงทั้งนั้น
‘ฮะ ยังไง ไหนเล่า’
‘ก็พี่เทียนเขาไปทำงานใช่ไหม แล้วก็เจอคนนู้นคนนี้ตามประสาดารา แต่สังคมก็รับรู้ว่าเขาคบกับฉัน’
คติยาว่า ‘อาฮะ คู่รักที่ดังที่สุดในพ.ศ. นี้ใครจะไม่รู้จัก’
‘ก็ใช่ แต่บางคนมันก็ไม่กลัวอะไรเลย รู้ทั้งรู้ก็ยังเก็บอาการไว้ไม่ได้ พวกเธอก็รู้ใช่ปะว่าพี่เทียนเขาเป็นคนยังไง ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็เล่าให้ฟังตลอด จะเรื่องเล็กเรื่องน้อยเกิดอะไรขึ้นรายงานทุกฝีก้าว ทีนี้เขาก็มีงานของเขา แล้วเวลาออกงานไปเจอผู้คนเขาจะเป็นกันเองมาก ทักทายทุกคนในกองเลยมั้ง’ หล่อนว่ายิ้มๆ ‘แล้วมันมีคนหนึ่งมาชวนเขาคุย เขาก็คุย เป็นคนเฟรนด์ลี่อะ ตรงนี้ไอ้เราก็ไม่ได้หึงได้หวงอะไร ไว้ใจเขา ร่วมงานกันก็เข้าใจว่าต้องคุยกันบ้างอะไรบ้าง แต่งานจบคนไม่จบซะงั้น’
‘ทำไม’
‘นางก็พยายามติดต่อชวนพี่เทียนออกไปหาตลอด ชวนไปปาร์ตี้บ้าง สังสรรค์บ้าง อ้างว่าอยากขอบคุณเรื่องงานอะไรทำนองนั้น ซึ่งงานจบไปแล้วจ้ะสาว ไม่ต้องนอกรอบ แต่นางรอบคอบมากนะ’ พอเพื่อนๆ มีท่าทีอยากรู้ แม่นางเอกแห่งยุคก็ว่าต่อ ‘ไม่แชตมาเองเพราะมันจะมีหลักฐาน เลยเข้าหาทางเพื่อนพี่เทียนให้เพื่อนช่วยนัดให้อีกที แต่พี่เทียนก็ไม่เคยไป ล่าสุดพี่เทียนบินไปภูเก็ต อีกวันนางก็โผล่ภูเก็ตเลยจ้า ดีที่ฉันบินตามไปทีหลัง ไม่งั้นไม่อยากจะคิด’
‘แรงมาก กล้าทำได้ไงอะ คนในวงการปะ’
‘ในวงการสิ แต่ไม่ใช่ดารา’
‘งั้น?’
‘นักร้อง’
สามสาวเบิกตาโต ปฏิกิริยานั้นบอกให้รู้ว่าตกใจเพียงใด
ช่อชมพูเป็นฝ่ายถาม ‘เธอทำให้ฉันอยากรู้ แง้มให้นิดหนึ่งได้ไหม’
‘พูดได้เหรอ’
‘เร็วๆ เลย ใบ้มา คนมันอยากรู้’
‘อะๆ ก็ได้ เพิ่งปล่อยเพลงเมื่อเดือนที่แล้ว นอกนั้นไม่พูดละ แต่ก็แค่เล่าสู่กันฟังนะไม่ได้จะโจมตีอะไร น้องก็ยังเด็กยังต้องเจอโลกอีกมาก ทุกวันนี้พี่เทียนก็ไม่ได้สนใจจะเล่นด้วยอะไรเลยจบๆ กันไป ไม่อยากมีเรื่อง แต่นิสัยแบบนี้แนะนำว่าให้รีบปรับปรุงตัวก่อนจะสายนะ อนาคตน้องยังอีกยาวไกลมาก ทางนี้ก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไร แต่ถ้ายังไม่เลิกทำตัวแบบนี้แล้วไปเจอคนที่เขาเอาจริงขึ้นมาจะยุ่ง’
คลิปถูกกดปิดก่อนเจ้าหล่อนจะแค่นหัวเราะ ทว่าในทรวงกลับขมขื่นจนกลืนก้อนความรู้สึกจุกอกลงคอไม่ได้
นักร้องที่ปล่อยเพลงเมื่อเดือนที่แล้วก็เธอ คนที่เพิ่งร่วมงานกับธเนศก็เธอ เมื่อต้นเดือนเพิ่งบินไปภูเก็ตก็เธอ
ทว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่เฟื่องนรีพูดสักประการเดียว แต่วงการมายาใครมีพรรคมีพวกก็รอด พวกหัวเดียวกระเทียมลีบจะเอาอะไรไปสู้
“เฮ้อ วงการบันเทิงอะเนอะ”
ทั้งวัยเยาว์และตอนนี้...เธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ เช่นเดียวกับเขา...ที่เป็นแค่คนอื่นในสายตาของเธอมาตลอดเช่นกัน
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY