ใครๆก็บอกว่าคุณสส. น่ะใจร้าย
ใครๆก็บอกว่าคุณสส. น่ะใจร้าย
ใจคุณร้ายดังเขาว่า
บทนำ
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์คับคั่งไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากหลายประเทศ ที่ล้วนหลั่งไหลเข้ามาเพื่อร่วมงาน ASEAN Ceramics Expo Bangkok 2024 ซึ่งเป็นงานด้านเซรามิกที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงฟากรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศษฐกิจและยกระดับสินค้าจากฝีมือชาวไทย
มีสินค้าเข้าร่วมโครงการมากกว่าหนึ่งพันแบรนด์ โดยคิดเป็นของคนไทยห้าสิบเปอร์เซ็นต์และต่างชาติอีกห้าสิบ ผู้ประกอบการต่างเข้ามาร่วมงานเพื่ออวดโฉมสินค้าจากฝีมือของตน ทั้งยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่สนใจจับจ่ายเลือกซื้อ
เสียงของพิธีกรหญิงดังเข้าโสตประสาทอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนมันจะกลายเป็นเสียงที่เรียกให้ร่างกำยำในชุดสูทสุภาพจำต้องลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ขอเรียนเชิญท่านสัตรา เจียรโณทัย ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาให้เกียรติกล่าวเปิดพิธีด้วยค่ะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมเจ้าของชื่อที่ก้าวขาตรงไปยังเวทีด้านหน้า ทุกการก้าวเดินของนักการเมืองหนุ่มล้วนสะกดสายตาแขกเหรื่อให้มองราวถูกต้องมนตร์ ด้วยมาพร้อมใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาดำขลับรับกับจมูกโด่ง ผิวสีแทนอย่างคนชอบกิจกรรมกลางแจ้งเสริมให้มาดเข้มขรึมแสนสุขุมนั่นถูกกระตุ้นจนเตะตาใครหลายคน ผนวกกับความสูงร้อยแปดสิบกลางๆ ยิ่งส่งให้ดูสง่าทุกอิริยาบถ
หากไม่อยู่ในแวดวงการเมือง คนคนนี้ควรไปโลดแล่นบนหน้านิตยสาร
ไม่พอเท่านั้น เจ้าตัวยังพ่วงมาด้วยตำแหน่งหน้าที่ระดับประเทศในขณะที่มีอายุเพียงสามสิบหกปีเท่านั้น ทั้งเป็นสส. บัญชีรายชื่อลำดับที่เก้าของพรรคการเมืองที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งจนได้จัดตั้งรัฐบาล บทบาทในพรรคก็ยังได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ แม้ว่าจะมีผู้อาวุโสอยู่มากก็ตาม แต่เขาก็สามารถคว้าตำแหน่งสูงๆ รวมถึงปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้นๆ มาได้ และยังได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
ทั้งหมดนั่นนอกจากความสามารถแล้ว เขาก็ยอมรับว่ามีเส้นสายที่ดีอย่างบิดา ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของพรรคที่หลังส่งลูกชายคนโตลงสนามเลือกตั้งได้สำเร็จในสมัยแรก พอสมัยที่สองเขาก็หายห่วง ปัจจุบันจึงเกษียณตัวเองอยู่บ้านเฉยๆ ใช้เงินที่โหมหามาทั้งชีวิตกับการพาภรรยาคู่บุญท่องเที่ยวไปตามต้องการ
สัตรากล่าวตามสคริปต์ที่ได้รับก่อนหน้าด้วยท่าทีแสนสุภาพและสุขุมไปในที ใช้เวลาชั่วครู่ก็มาถึงการตัดริบบิ้นโดยมีผู้เกี่ยวข้องขึ้นมายืนขนาบข้างร่วมสิบคน เสร็จสรรพแล้วจึงพากันลงไปนั่งที่เดิมเพื่อชมการแสดงเปิดงานซึ่งเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญของเมืองไทยอย่างนาฏศิลป์
เสียงดนตรีไทยถูกบรรเลงพาคนฟังจรรโลงใจ ก่อนนางรำจะสืบเท้าเดินออกมาจากหลังม่าน ก้าวขึ้นบันไดฝั่งละหนึ่งคนจนพาตัวเองมายืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเวที ก่อนมีนางรำมาอีกหนึ่งคู่ ประกบกันเป็นฝั่งละสองคน ทว่าพวกหล่อนก็ทำเพียงตั้งท่าแต่ไม่เริ่มทำการแสดงเสียที
และแล้วนางรำคนสุดท้ายก็ออกมาจากหลังม่านก่อนไปหยุดยืนประจำตำแหน่งของตน
ก็ถ้าสี่คนก่อนหน้าเปรียบดังนางฟ้า คนสุดท้ายคงเป็นถึงราชินีแห่งสรวงสวรรค์กระมัง
นักการเมืองหนุ่มรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจยามได้มองสาวงามร่ายรำขยับร่างกายด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย ใบหน้าขาวผ่องตัดกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ชฎาที่ถูกสวมส่งให้เจ้าหล่อนแลดูงดงามราวกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาโปรดมวลมนุษย์ก็ไม่ปาน ชุดสีทองอร่ามกับผิวขาวผ่องยิ่งขลับกันได้อย่างลงตัว
ภายใต้ใบหน้าเรียบสนิทนั้น สัตราค่อนข้างพึงพอใจที่ได้เชยชมการแสดงชุดนี้
ผู้คนต่างก็ยกมือถือขึ้นมาบันทึกภาพความสวยงามอันน่าประทับใจ แต่เขาเพียงแค่นั่งมองหล่อนด้วยตาเนื้อ เก็บกักความสวยงามไว้ด้วยดวงตาคู่คม
จังหวะหนึ่งของการร่ายรำ นัยน์ตาสวยสบเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่สะกดจนเธอเกือบจะรำพลาด ก่อนรีบดึงสายตาไปทางผู้ชมท่านอื่นโดยเร็ว ที่ก็เห็นเพียงกล้องหลังของโทรศัพท์มือถือที่บันทึกวิดีโออยู่เท่านั้น
เกือบห้านาทีให้หลังรำอัปสราก็มาถึงช่วงท้ายของการแสดง ห้าสาวสวยดุจดังนางฟ้าพากันเดินลงไปยังด้านล่างก่อนรับพานขนาดเล็กที่มีกลีบกุหลาบบรรจุอยู่มาถือไว้ แล้วค่อยๆ ย่างกรายต่อแถวเดินผ่านเหล่าคนใหญ่คนโต
นางรำต่างหยิบกลีบสีแดงสดของกุหลาบมาโปรยลงพื้นอย่างเชื่องช้าและอ่อนช้อย ราวเป็นการละเล่นของนางในวรรณคดีก็ไม่ปาน ทุกอิริยาบถยังคงสง่างามดุจนางฟ้านางสวรรค์ ทว่าสาวงามทั้งสี่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของใครคนนั้นเลย นัยน์ตาคมเข้มตวัดไปมองคนสุดท้ายอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งเจ้าหล่อนก็จำต้องเดินผ่าน
แม้จะพยายามหลบสายตาที่พาให้คันยุบยิบในใจแต่ก็ไม่เป็นผล
กลีบกุหลาบถูกโปรยลงตรงหน้าท่านประธานในพิธีวันนี้ และมันควรลงไปนอนอยู่บนพื้นอย่างที่เคยเป็นมาตลอด สี่คนที่โปรยต่อหน้าเขาก็มีหลักฐานทนโท่ว่ามันนอนแอ้งแม้งอยู่ที่ปลายเท้า แต่กับกลีบสีแดงสดที่ร่วงหล่นลงมาจากมือของนางรำคนสุดท้าย กลับไปอยู่บนฝ่ามือหนาที่เอื้อมมารับไว้
ลมหายใจของหล่อนสะดุดไปหนึ่งห้วง รีบดึงสายตาไปหามนุษย์คนอื่นแทนที่จะมองใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ของฝ่ายชาย
ร่างระหงในชุดสง่าก้าวเดินขึ้นเวทีมาหยุดอยู่ตรงกลาง ร่ายรำต่ออีกนิดก็เป็นการจบการแสดง
เสียงปรบมือดังกระฉ่อนไปทั่วบริเวณ รวมถึงคนที่เก็บกลีบกุหลาบเข้ากระเป๋าเสื้อก็มิวายปรบมือให้ด้วยความชื่นชม
“จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะสำหรับการแสดงรำอัปสราจากคณะร่ายดาหลา” พิธีกรกล่าวดำเนินงานตามหน้าที่ โดยห้าสาวงามต่างพากันมุ่งหน้าลงไปจากเวที “น้องนางรำเดี๋ยวขอถ่ายรูปรวมหน่อยนะคะ”
ทั้งหมดเป็นอันชะงักเท้า แล้วจึงเดินกลับมายืนที่เดิม
“ขอเชิญท่านผู้บริหารทุกท่านขึ้นมาเก็บภาพความประทับใจกับการแสดงของน้องๆ ทั้งห้าหน่อยค่ะ”
นั่นก็คงจะรวม ‘เขา’ ด้วยกระมัง
สัตราจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วก้าวไปยังเวทีพร้อมกับพลพรรค เลือกที่จะหยุดยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเจ้าของกลีบกุหลาบสีแดงสดในกระเป๋า ที่มันแดงพอๆ กับริมฝีปากบางที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติก
เจ้าหล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรงพลางเหลียวหลังมามอง
ริมฝีปากหยักขยับพอให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา “มองกล้อง”
คนตัวเล็กไม่ตอบเป็นคำพูดแต่ปฏิบัติตามทันควัน เธอก็แค่สงสัยว่าเขาหยุดอยู่ข้างหลังเธอจริงหรือไม่ เพราะตอนเห็นชายผู้นี้เดินมา หางตายังไม่เห็นว่าเขาเดินผ่านตัวเองไป เพื่อความแน่ใจจึงชำเลืองมองซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“น้องนางรำรบกวนนั่งได้ไหมคะ”
เพราะบรรดาผู้บริหารมีความหลากหลายสูงมาก ทั้งสูงลิ่วและสูงเกินหลักกิโลเมตรมานิดหน่อย หากสาวๆ ยืนอยู่แถวหน้าก็มีโอกาสที่จะบดบังคนแถวหลังจนมิด ไหนเล่าเหล่านางฟ้ายังมีชฎาสวมบนศีรษะอีกด้วย
ทั้งห้าชีวิตก็ทำตามอย่างว่าง่าย หลังได้รูปถ่ายจนพอใจสื่อมวลชนแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของพวกเธอ ครั้นพอจะลุกขึ้นยืนดันทำได้ลำบากกว่าชาวบ้านชาวช่องเพราะชุดที่ใส่ค่อนข้างรัดรูป เดินเหินก็ไม่สะดวก คนที่อยู่ใกล้เคียงจึงต้องยื่นมือมาช่วยพยุง สร้างรอยยิ้มให้แก่บรรดาแขกเหรื่อที่ได้เห็นภาพบรรยากาศน่ารักน่าเอ็นดูของเหล่านางฟ้าได้เป็นอย่างดี
จะมีก็แต่นางฟ้าคนสุดท้ายที่ยิ้มไม่ออกเมื่อคนที่ให้การช่วยเหลือเธอคือเจ้าของนัยน์ตาดำขลับแสนลึกลับนั่น
สุ้มเสียงทุ้มดังทะลุโสตประสาท “ขออนุญาต”
ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร รู้อีกทีเขาก็คว้าเข้าที่ต้นแขนใกล้ๆ กับพาหุรัดสีทองอร่าม ผิวเนื้อสัมผัสกันครั้งแรกก่อนเจ้าตัวจะออกแรงดึง เธอก็รีบยันตัวลุกขึ้นแล้วจึงถดกายออกเล็กน้อย
เจ้าหล่อนหันไปค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายตามมารยาทพลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอบคุณค่ะ”
แล้วจึงสับเท้าลงจากเวทีอย่างกับเท้าเปล่าๆ นั่นสัมผัสเปลวไฟก็ไม่ปาน
ทั้งวัยเยาว์และตอนนี้...เธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ เช่นเดียวกับเขา...ที่เป็นแค่คนอื่นในสายตาของเธอมาตลอดเช่นกัน
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
หยุนซีแต่งงานกับกู้ซือเฉิน คุณชายที่สูญเสียสิทธิ์ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลแทนน้องสาว ตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ว่าที่สามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวของหยุนซีถูกค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่คิดเลย ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นทั้งแฮ็กเกอร์มืออาชีพ นักประพันธ์เพลงลึกลับ และทายาทคนเดียวของนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับชาติ.... มีทั้งนักร้องชื่อดัง นักแสดงที่เคยได้รับรังวัลมากมายและผู้สืบทอดของตระกูลที่ร่ำรวยมาตามจีบว่าที่ภรรยาของเขา กู้ซือเฉินควรทำอย่างไรดี?
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
จู่ๆ ก็มีแม่สาวน้อยฝีปากกล้าตกตุ๊บลงมาในอ้อมแขนโดยไม่ทันตั้งตัว ผู้ชายที่หัวใจ ถูกปิดตายมาเนิ่นนานอย่าง ฟินิกซ์ อีเมอร์สัน จึงจำต้องอ้าแขนรับแม่นกน้อยเอาไว้ในกรงทอง ด้วยตำแหน่ง ‘เมียขัดดอก’ จดหมายของคุณย่าผู้ล่วงลับ นำพาให้มิรินต้องเดินทางข้ามขุนเขามาเพื่อพบกับเขา ฟินิกซ์ อีเมอร์สัน พ่อเทพบุตรนกไฟ ผู้ชายเย่อหยิ่ง เขาขโมยหัวใจสาวไปตั้งแต่แรกสบตา และยิ่งได้รู้ว่าเขาคือผู้ชายที่กำลังจะได้ครอบครองพรหมจารีย์ที่แสนหวงแหนของตัวเอง หญิงสาวก็ยิ่งเต็มไปด้วยความพรั่นพรึงที่แสนวาบหวาม
© 2018-now MeghaBook
บนสุด