“หนูชื่นคะ หนูจะฟันแล้วทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เสียหาย”
“หนูชื่นคะ หนูจะฟันแล้วทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เสียหาย”
บทนำ
หน้าจอสี่เหลี่ยมของสมาร์ตโฟนเครื่องบางปรากฏภาพของหนึ่งในไพ่ยิปซีอย่าง The Chariot หรือก็คือไพ่เทพแห่งสงคราม พร้อมการอ่านไพ่ที่ว่าด้วยหมวดหมู่ของความรักที่ตนเป็นคนกดเลือก
‘คุณจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งรอบตัวจนมิอาจสนใจเรื่องความรักได้ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีโอกาสพบรักเลย สำหรับคนโสดอาจทำให้พบรักได้ แต่หากว่าไปชอบใครอยู่ก็ต้องลุยเข้าไปจีบถึงจะมีลุ้น ถ้าไม่ทำอะไรรับรองว่าชวดแน่ๆ’
ชื่นพธูถอนหายใจพรืด พึมพำกับตัวเอง “ไม่สนแล้วฉันจะเลือกหมวดนี้ทำไมยะหล่อน”
นานแล้วที่เธอก้าวเข้าสู่วงการไพ่ยิปซี ในทุกๆ เช้าจะต้องเข้ามาเลือกไพ่ในเว็บไซต์ชื่อดังที่สามารถดูดวงได้ฟรี หลักๆ เพราะมันฟรี เพื่อที่จะได้รู้ว่าดวงวันนี้เป็นอย่างไร ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ปะปนกันไป แต่มันกลายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำไปเสียแล้ว
ช่วงเรียนเธอค่อนข้างหมกหมุ่นอยู่กับหมวดการเรียน ทว่าหลังจบมาก็เปลี่ยนมาเป็นการเงินและการงาน แต่ตั้งแต่หัวใจเริ่มไม่รักดี ปาทูคิดมีรัก รู้ตัวอีกทีมันก็เปิดเป็นแต่หมวดนี้
ชื่นพธู ชื่น หรือปาทู เรียกชื่อไหนเธอก็หัน เดิมทีชื่อชื่นเฉยๆ แต่ปาทูได้มาจากพธู หลายคนเรียกเธอเช่นนั้น ด้วยมองว่าน่ารักดีจึงนับเป็นอีกชื่อของเธอ
นัยน์ตากลมโตจดจ้องประโยคท้ายอย่างคิดไม่ตก เธอเข้าใจดีว่าควรทำอะไรสักอย่าง แต่อะไรสักอย่างที่ว่ามันเสี่ยงเกินไป ก็ถ้าคนที่เธอปันใจให้ไม่ได้คิดเหมือนกัน มันแปลได้ว่าเธอและเขาอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย
แบบนั้นมันก็แย่มิใช่หรือ
ก่อนจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น หน้าจอพลันเปลี่ยนจากไพ่ยิปซีเป็นชื่อของเพื่อนสนิทที่โชว์หราพร้อมเสียงเรียกเข้าที่ดังกระทบโสตประสาท นิ้วเรียวแตะเพื่อกดรับสายอย่างไม่รอช้า
(อยู่หน้าหอแล้ว)
“โอเค เดี๋ยวลงไป”
เธอเลิกสนใจเรื่องไพ่ความรักประจำวันเพราะอย่างไรก็ไม่กล้าหาญมากพอที่จะเดินเกมรุก อาจจะเพราะเธอไม่ได้เก่งแบบพี่สาวคนสนิทที่จีบคนที่ตัวเองชอบจนตอนนี้เป็นว่าที่คุณแม่ไปแล้วอย่างพินรี ทว่าตอนนี้เจ้าหล่อนไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะกลับไปอยู่บ้านเกิดเนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง หากจำไม่ผิดก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่แม่ค้าน้ำหอมหายหน้าหายตาไป ไม่ต่างกับบาริสต้าสาวสวยอย่างอัปสรากับมือขวานามว่าสดายุ
หนึ่งเดือนแล้วที่ชื่นพธูต้องทำงานกับเจ้าของร้านเพียงสองคนเพราะอัปสราลาคลอด ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงจะเป็นเร็วๆ นี้ที่เธอจะได้เป็นคุณน้า
ขาเรียวก้าวออกจากห้องพักที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะหลังเรียนจบก็เลือกที่จะทำงานในร้านกาแฟใกล้ๆ กัน ทำให้ไม่ต้องหาที่พักใหม่ ทันทีที่เดินออกไปก็พบเข้ากับกัทลี ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน
เป็นคนช่างจ้อที่เอ่ยทักทายก่อน “มาถึงนานยัง”
“ตอนโทร. ไปนั่นแหละ”
“งั้นไปกันเถอะ”
สองสาวจึงพากันไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองเพื่อใช้เวลาในวันหยุดไปด้วยกันอย่างที่มักทำเป็นประจำ แม้ว่าจะทำงานคนละที่ พักคนละหอ แต่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อกัน ยังคงนัดเจอกันอยู่บ่อยครั้งด้วยพวกเธอก็มีกันอยู่แค่สองคน
ระหว่างทางชื่นพธูก็ชวนคุย “วันนี้ดวงฉันไม่ค่อยดีเลย”
“ดวงเธอมันเคยดีด้วยหรือไง”
คนบ้าดวงทำหน้าซังกะตายพร้อมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “มันต้องมีสักวันที่เป็นวันของฉันแหละ แต่มาช้าโคตรๆ”
รถเมล์แล่นไปตามท้องถนน ชื่นพธูก็เบือนหน้าออกไปสนใจด้านนอก แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ผินหน้ากลับมาทางคนข้างกาย
“สรุปว่าเธอไม่เปลี่ยนใจจริงเหรอเกี๊ยะ”
เจ้าของชื่อครางรับสั้นๆ “เรื่อง?”
“ก็เรื่องที่จะไป Road Trip กับพวกพี่ใหญ่ตอนต้นเดือนหน้าไง”
กัทลีส่ายหน้าเบาๆ ประกอบคำพูด “เธอไปเถอะ ไม่สนิทอะ ไม่ค่อยอยากไปด้วย”
“ไม่มีเพื่อนไปคงเหงาแย่เลย” สิ้นคำนั้นชื่นพธูก็ได้รับสายตาเรียบสนิทของกัทลี เจ้าหล่อนเพียงปรายตามองนิ่งๆ เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม “หือ มีไรเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร เธอมองฉันแปลกๆ นะเกี๊ยะ มันทำไมฮึ”
“ไม่มีอะไร”
“เดี๋ยวนี้หัดโกหกเพื่อนเหรอยะ”
เจ้าของผมยาวสลวยเพียงระบายยิ้มกลับไปให้เพื่อนสาวร่างเล็ก ผมสั้นระลำคอขาวผ่องที่เพิ่งไปตัดมาเมื่อเดือนที่แล้ว นัยน์ตากลมโตสีดำขลับ จมูกรั้นนิดๆ ปากบางหน่อยๆ เครื่องหน้าของชื่นพธูจัดว่าน่ารักแต่ไม่รู้ทำไมคนน่ารักคนนี้ถึงหาแฟนไม่ได้สักที
สาวระยองทอดสายตาออกนอกหน้าต่างพร้อมคิดถึงใครบางคนไปด้วย
หัวสมองก็เริ่มจินตนาการภาพตัวเองได้นั่งที่เบาะข้างคนขับโดยมีคนคนนั้นนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ขับรถไปเรื่อยๆ ตามท้องถนน เปิดเพลงคลอไปตลอดทาง นั่นคงจะเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษ
เมื่อไรจะเดือนหน้านะ...?
หน้าปัดสีดำเข้มของ Rolex Yacht-Master 42 ราคาครึ่งล้านบอกเวลาสิบเอ็ดโมงนิดๆ ราวกับต้องการย้ำกับเจ้าของว่าใช้เวลาตรงนี้ไปมากเกินพอดีและควรจากไปได้แล้ว
ทว่าเสียงหวานเจือความหนักใจก็ดังกระทบโสตประสาทอีกครั้ง เรียกให้นัยน์ตาดำขลับคาดเดาได้ยากละจากข้อมือไปมองทางต้นเสียง
“เรารู้ว่าพี่ช่วยเราได้”
เขาเลือกที่จะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
หญิงสาวย้ำ “พี่ตง”
“อือ ว่า”
“ช่วยเราอีกสักครั้งนะ ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”
ไตรทศระบายลมหายใจอย่างไม่ปิดบัง แววตาฉายชัดถึงความเบื่อหน่ายระคนเอือมระอาใจ “ครั้งที่แล้วก็บอกว่าครั้งสุดท้าย” ไม่วายยังถามแกมตำหนิ “เธอใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ได้ไง”
“มันจำเป็น”
“พ่อกับแม่ล่ะ”
“เขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา ให้เราแก้ปัญหาเอง”
“ก็ถูกแล้ว ปัญหาของเธอทำไมไม่หาทางแก้เอง”
สาวเจ้าสวนเสียงเจือสะอื้น โดยมีความขุ่นเคืองแฝงอยู่ทุกอณู “ไหนตอนนั้นพี่บอกว่าถ้ามีปัญหาอยากให้ช่วยก็ติดต่อได้ตลอด พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ก็ตอนนี้เรามีปัญหาพี่จะไม่ช่วยหรือไง”
ผู้ชำนาญการประจำตัวสส. ระดับประเทศได้แต่มองหน้า ‘แฟนเก่า’ ด้วยสายตาเรียบสนิทไร้คลื่นอารมณ์ ที่ผ่านมาเขารู้สึกติดค้างในใจอยู่เสมอว่าดูแลคนรักได้ไม่ดี ไม่มีเวลาให้เธอเพราะง่วนอยู่กับการทำงาน ตรงนี้เขายอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันไปจึงยังหวังดีอยู่เสมอ และอยากช่วยเหลือเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองตลอดเวลาที่คบหากัน
แต่มันมากเกินไป เธอมีเรื่องให้เขาช่วยมากเกินงามและเขาไม่อยากช่วยเหลืออีกแล้ว
ก่อนคนอายุน้อยกว่าจะลดเสียงลง “นะพี่ ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”
“ที่ผ่านมาพี่ช่วยเธอทุกครั้งนะเข็ม แต่มันไม่เคยพอเลย เงินที่พี่ให้ไปเพราะเห็นว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยรักกัน พี่เองก็อยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันถึงจะเลิกกันไปแล้วก็เลยให้ไป แต่แค่ไหนถึงจะพอ ที่สำคัญนะ...”
คู่สนทนาสบตากับเขานิ่งๆ
“เธอไม่เคยคืนพี่เลย นับๆ ดูแล้วพี่ให้ไปไม่ต่ำกว่าแสนแน่ๆ”
“ถ้าเรามีเราจะคืน เราคืนแน่นอน”
“ไม่จำเป็น ที่ให้ไปแล้วพี่ไม่คิดเอาคืน พี่คิดให้เธอตั้งแต่แรกเพราะรู้ว่าถ้ารอเธอคืนเงินเธอคงไม่คืน แต่มันเกินลิมิตจะให้แล้ว จากนี้มันไม่ได้แล้วเข็ม”
มือบางกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดเด่นชัด ถึงกระนั้นใบหน้างามก็ยังไร้แววขุ่นเคือง น้ำสีใสไหลมาคลอหน่วยอยู่ที่เบ้าตา มันเริ่มแดงก่ำและร้อนผ่าวแลดูน่าสงสาร
หล่อนเอ่ยเสียงอ่อยอย่างขอความเมตตา “พี่ตง”
แต่นัยน์ตากร้าวสีเข้มกลับมองมายังหญิงสาวอย่างไม่นึกแยแส “เธอก็ทำงานไม่ใช่รึ แฟนเธอก็ทำ”
“ก็มันไม่พอใช้”
“ใช้ไรเยอะแยะ ใช้เท่าที่หาได้สิ”
“พี่ไม่เข้าใจ” เจ้าหล่อนยกมือมากุมขมับอย่างเครียดจัด ก่อนสบสายตาเข้ากับชายหนุ่ม “แต่เศษเงินของพี่ช่วยชีวิตเราได้ ขอร้องเถอะนะพี่ตง”
เขาเอาแต่เงียบจนเขมจิราใจไม่ดี
“นะพี่ แค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องได้เงินห้าหมื่นจากไตรทศ ไม่อย่างนั้นเธอและแฟนหนุ่มแย่แน่ๆ
“ครั้งที่แล้วต่างหากสุดท้าย”
เธอเปลี่ยนมาตัดพ้อ “พี่เป็นคนใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“เพราะไม่ช่วยครั้งหนึ่งเลยใจร้ายรึ นี่ถ้าพี่ช่วยเธออีกพี่ก็ยังเป็นคนใจดีอยู่ใช่ไหม”
ไตรทศรู้ดี สิบลบหนึ่งไม่เคยเหลือเก้า มันเหลือศูนย์ ต่อให้ทำดีมาสิบครั้งแต่ทำไม่ดีครั้งเดียว สิ่งที่หมั่นทำมาตลอดก็กลายเป็นไม่มีค่าให้ใครมองเห็น
หล่อนเอ่ยเจือสะอื้น รู้สึกว่าครั้งนี้ตึงมือกว่าครั้งไหนๆ “ไม่ใช่นะ พี่เป็นคนใจดี พี่ช่วยเราทุกครั้งที่เรามีปัญหา เราก็แค่หวังว่าครั้งนี้พี่จะช่วยเราอีก เราสัญญานะพี่ตงว่าหลังจากนี้เราจะไม่ขอความช่วยเหลืออะไรจากพี่อีกแต่จะพยายามเก็บเงินมาคืนพี่ให้ครบทุกบาททุกสตางค์”
ขณะนั้นเองที่สายตาคู่คมมองออกไปนอกกระจกของร้านเครื่องดื่มภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่นัดหมายของเขาและแฟนเก่า ก็ดันเห็นใครบางคนที่พอจะรู้จักอยู่ในครรลองจักษุ
เขาเหลือบสายตามายังโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก่อนคว้ามาถือไว้แล้วลดมือลงไปอยู่ใต้โต๊ะ
เขมจิรายังคงพยายามหว่านล้อมให้ไตรทศเห็นใจและยอมโอนเงินครึ่งแสนให้กับตนเอง เพราะเจ้าหนี้ที่แฟนหนุ่มไปกู้เงินเพื่อไปเล่นพนันออนไลน์ขีดเส้นตายแค่พรุ่งนี้ ถึงเธอไม่อยากบากหน้ามาหาเขาแต่เขาก็ดันเป็นท่อน้ำเลี้ยงเดียวที่เธอมี คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครให้หยิบยืม และเงินมากมายขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ไตรทศก็ไม่รู้แล้วว่าจะไปหาเอาจากใคร
“เรารู้ว่าพี่คงไม่พอใจที่เราเอาแต่ขอเงิน แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากมาเจอพี่ในสภาพแบบนี้”
ไตรทศละสายตาจากช่องแชตของน้องชายคนสนิทไปมองคู่สนทนา เขมจิราในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันมาก เธอซูบกว่าเดิม ขอบตาคล้ำเหมือนพวกอดหลับอดนอน แต่เท่าที่เขาได้เคยช่วยเหลือในฐานะคนเคยรักกันก็ถือว่าทำได้ดีไม่มีอะไรบกพร่อง หรืออาจจะดีกว่าหลายๆ คู่ที่จากกันด้วยดีด้วยซ้ำ
หล่อนยังคงส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอนไปให้เขา “เราไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากพี่แล้ว มีแค่พี่คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือเราได้ ตอนนี้เรามืดแปดด้าน แม้แต่ที่บ้านยังไม่คิดยื่นมือมาให้จับ แล้วเราจะทำยังไงถ้าไม่บากหน้ามาหาพี่ที่เป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด”
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ เลือกที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ โดยไม่คิดถึงความสัมพันธ์อันดีในอดีต เพราะเขาก็ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มให้ใครมากดเงินตามใจชอบ “ไม่ได้หรอกเข็ม พี่ช่วยเธอไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยเรามาตลอด ช่วยอีกครั้งไม่ได้เหรอ อีกอย่างเราสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ”
“ไม่ได้ พี่ไม่อยากมีปัญหา”
“ปัญหาอะไร” หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็งกระด้าง “พี่ไม่ได้ขัดสน เรารู้ว่าพี่รวย” ก่อนสายตาผู้พูดจะเหลือบไปยังนาฬิกาหรูที่อยู่บนข้อมือซ้ายของอดีตคนรัก “พี่มีของแพงประโคมตัวเยอะแยะไปหมด เงินพี่มีเหลือใช้ขนาดนั้นจะมีปัญหาเรื่องอะไรอีกพี่ตง”
“แฟน”
หัวคิ้วคนฟังมุ่นจนจะผูกเป็นโบได้ “หมายถึง...?”
“แฟนพี่คงไม่พอใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพี่ยังติดต่อกับแฟนเก่า”
เธอยิงคำถามใส่ทันที “พี่มีแฟน?”
“อาฮะ”
“ทำไมเราไม่รู้”
“แล้วทำไมเธอต้องรู้ด้วย มันเรื่องของพี่”
ก่อนไตรทศจะพิมพ์อะไรยิกๆ ลงไปในมือถือของตน
คุณตง: ยี่ ขอไลน์น้องปาทูหน่อย
ทั้งวัยเยาว์และตอนนี้...เธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ เช่นเดียวกับเขา...ที่เป็นแค่คนอื่นในสายตาของเธอมาตลอดเช่นกัน
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด