ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
จ้าวหลันอวี่นั่งหลับตานิ่งงันหวนคะนึงถึงวันที่นางคิดว่าตนเองเป็นนางพญาหงส์ มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือ นางยังจำได้ดีว่าวันพระราชพิธีสถาปนาฮองเฮาของแคว้นตงหยางถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เพียงใด
ร่างอรชรสวมชุดประจำตำแหน่งอย่างเต็มยศแหงนหน้ามองขึ้นไปบนสุดของปลายบันไดหยก ที่บนสุดของพระที่นั่งมีร่างสูงใหญ่สวมชุดมังกรสีเหลืองนั่งมองอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยน
มงกุฎหงส์ประดับไข่มุกแวววาวเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ มันสั่นไหวตามการเคลื่อนของศีรษะ ใบหน้าหวานพลันแย้มยิ้มออกมา ในที่สุดนางก็มีวันนี้ และในที่สุดความแค้นที่ท่านแม่ถูกวางยาก็จะได้รับการพลิกคดีขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือของนางเอง อำนาจของฮองเฮาด้อยกว่าก็แค่เพียงฮ่องเต้ แล้วผู้ใดเล่าจะกล้าขัดขวาง ทว่าความยิ่งใหญ่นั้นก็คล้ายกลายเป็นเพียงหมอกควันที่จางหายไป
เพราะยามนี้จ้าวฮองเฮาที่เคยยิ่งใหญ่อยู่ในอำนาจได้แค่เพียงสามเดือน กลับถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็นเพียงลำพัง ดวงตาหงส์จ้องมองไปยังปลายแสงสว่างที่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดมังกรสีเหลืองเดินเข้ามาช้า ๆ สายตาคมจ้องมองไปยังเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ หนานกงกงเห็นดังนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุมวางลงบนเก้าอี้ และเดินค้อมตัวออกไปยืนรอรับคำสั่งอยู่ที่ด้านหลัง
“เจ้าสบายดีหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามเหมือนห่วงใยกัน ทว่าความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หากเขาห่วงใยนางจริง เขาจะส่งนางมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน ข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันบัดนี้เขาตระบัดสัตย์หักหลังนางอย่างโหดร้าย ร่างอรชรยืดตัวขึ้นแผ่นหลังตั้งตรง อาภรณ์ที่สวมใส่มิได้ยับย่นไปเลยแม้แต่น้อย เคยงดงามเช่นไร ก็ยังคงงดงามเช่นนั้น
“พระองค์ก็ลองถูกกักขัง และถูกใส่ร้ายดูบางสิเพคะ จะได้รู้ว่าหม่อมฉันสบายดีหรือไม่?”
“หลันอวี่เราเองก็จนใจ หากไม่กำจัดเจ้าทิ้งเสีย บัลลังก์ของเราก็จะไม่มั่นคง นังเฒ่าหวังอรพิษนั่นมีราชโองการ...”ตวนมู่หมิงฮ่าวฮ่องเต้หยุดพูดกลางคันพลางถอนหายใจออกมา
“ช่างเถอะ บอกเจ้าไปก็ไม่ประโยชน์อันใดอีกแล้ว อวี่เอ๋อร์ความจริงในใจเราชื่นชอบเจ้าเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้เราก็อยากจะเก็บเจ้าไว้ข้างกาย แต่เราไม่อาจทำได้ หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ เจ้าเองก็คงต้องเลือกเหมือนเช่นเราจริงหรือไม่” ใช่!..หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ นางย่อมเลือกอำนาจ มิเช่นนั้นนางจะเลือกผลักดันเขาขึ้นนั่งบัลลังก์หรือ
“พระองค์จะสังหารหม่อมฉันใช่หรือไม่?” นางเชิดหน้าขึ้นถามออกไป มิได้มีความกลัวแม้แต่น้อย จะต้องกลัวไปไย ในเมื่อเส้นทางนี้นางเลือกด้วยมือของตนเอง นางลิขิตมันด้วยตนเอง หากมันจะต้องจบนางก็หากลัวไม่
เพียงแต่ข้อหาที่เขาป้ายลงมาบนศีรษะนางช่างน่าขำนัก วางยาพิษไทเฮาเช่นนั้นหรือ แน่นอนว่านางอยากให้ไทเฮาชั่วนั่นตายไปเสีย ทว่านางคงไม่โง่ถึงขั้นวิ่งไปวางยาพิษที่ตำหนักเฉินเฉียนกงกระมัง?
“เลือกมาเถิด ผ้าขาว หรือสุราพิษ” ดวงตาเรียวหดเกร็งหากบอกว่าไม่กลัวความตายก็คงเป็นการโกหก ผู้ใดบ้างจะอยากตาย นางยังไม่ได้แก้แค้นให้มารดา หวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮายังไม่ได้รับโทษฐานที่สังหารมารดานางเลย ใต้หล้ายังมิได้รู้ถึงความชั่วที่คนพวกนั้นร่วมมือกันทำร้ายมารดานางเลย นางจะยอมได้อย่างไร
“เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดต้องใส่ร้ายหม่อมฉัน” นางหันหน้าไปมองพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถึงแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเพราะนางหมดประโยชน์เป็นเพียงหมากไร้ค่าก็ต้องถูกกำจัดเป็นธรรมดา
“เพราะเราไม่มีทางเลือก หากเจ้าไม่ตายเราก็แต่งตั้งจ้าวม่านฟางเป็นฮองเฮาไม่ได้ แต่เจ้าไม่ต้องกลัว จ้าวม่านฟางก็ถือตราหงส์ได้ไม่นานหรอก หึ...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จ้าวม่านฟางน้องสาวต่างมารดาของนางเองหรอกหรือ มีความเป็นไปได้เพราะมารดาของม่านฟางเป็นน้องสาวของไทเฮาย่อมอยากผลักดันกันขึ้นมาแทนที่นางอยู่แล้ว
“พระองค์บอกหม่อมฉันว่าจะสังหารหวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮาคืนความเป็นธรรมให้มารดาหม่อมฉัน นี่มิใช่ว่าข้ามแม่น้ำรื้อสะพานหรอกหรือ” นางมิได้สนใจว่าผู้ใดจะได้เป็นฮองเฮาต่อจากนาง สิ่งที่สนใจคือศัตรูของนางยังไม่ตาย!...
“วางใจเถอะ แม่เลี้ยงเจ้าเราจะสังหารให้เอง และนังเฒ่าอสรพิษนั่นด้วย แต่...มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าไปดีเถิดนะ หากจะแค้นก็แค้นที่โชคชะตาเถิด” ตวนมู่หมิงฮ่าวมองใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับหนานกงกง เขาลุกขึ้นยืนสะบัดชายอาภรณ์เหลือทองเดินออกไปจากตรงนั้น
“ฮองเฮา...กระหม่อมล่วงเกินแล้ว”หนานกงกงและขันทีน้อยเดินถือถาดสองถาดเข้ามาตรงหน้า
จ้าวหลันอวี่หัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ ริมฝีปากบางบิดเบี้ยวลงไป ตวนมู่หมิงฮ่าวหยุดเดินอยู่หน้าประตู หันกลับมามองหญิงสาวที่เคยร่วมชีวิตกันมา สายตาจ้องมองกันหนึ่งสว่างหนึ่งมืดมิด
“ตวนมู่หมิงฮ่าวหากข้ามีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ข้าสาบานว่าจะไม่มีวันเลือกเจ้า สุราพิษจอกนี้ข้าจะคืนมันให้เจ้าแน่นอน” พูดจบก็คว้าเอาจอกเหล้าผสมยาพิษขึ้นกระดกลงไปในลำคอ หากได้เลือกใหม่อีกครั้งต่อให้ทุกภพชาติจะมิได้เกิดเป็นมนุษย์อีก นางก็ยอม...
“เช่นนั้นชาติหน้าเจ้าก็คืนมันมาให้เราเถิด แต่หากเป็นชาตินี้...อวี่เอ๋อร์เจ้าหมดสิทธิ์แล้ว”
ภาพยามเยาว์วัยผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าของบุรุษผู้เป็นคู่หมั้นลอยเข้ามาในห้วงแห่งความคิด หากนางเลือกเขาตั้งแต่แรก นางจะตายอนาถเช่นนี้หรือไม่ หากนางแต่งไปอยู่ต่างเมืองกับเขา เขาจะแก้แค้นให้กับมารดาของนางหรือไม่
คำถามมากมายที่ไร้คำตอบ เพราะบัดนี้ร่างอรชรพลันล้มลงบนตั่ง ริมฝีปากบางมีโลหิตไหลออกมา ทว่าดวงตายังคงเบิกโพลง มองเงาร่างสูงใหญ่นั่นไกลออกไปทุกที
เปรี้ยง!...เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วท้องนภา สายอสุนีบาตฟาดลงไปที่ต้นไม้หน้าตำหนักเย็นเกิดประกายไฟลุกไหม้ เพียงไม่นานสายฝนก็สาดลงมาดั่งฟ้าพิโรธ
ตวนมู่หมิงฮ่าวเงยหน้ามองท้องฟ้า และหันไปมองต้นไม้ต้นนั้น ดวงตาคมเบิกกว้างเหมือนเป็นดั่งลางร้าย ฝนตกหนักถึงเพียงนี้แล้วเหตุใดไฟที่ต้นไม้จึงไม่ดับ ฮ่องเต้หนุ่มรีบส่งเสียงคำรามสั่งหนานกงกงให้ดับไฟนั้นเสีย ควันไฟลอยคลุ้งหลังจากที่ไฟบนต้นไม้ดับลง
เขามองดูกลุ่มควันไฟ อดจะหันกลับเข้าไปมองในห้องมิได้ สายตาที่เบิกโพลงยังคงจ้องตรงมาที่เขา ถึงแม้จะรู้ว่ายามนี้นางหาได้มีชีวิตอยู่แล้ว แต่กระนั้นขนบนแขนก็ยังคงตั้งชัน
************************
นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
คุณแต่งกับผมเพราะอยากแต่ง ผมแต่งกับคุณเพราะต้องแต่ง เราต่างกัน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
© 2018-now MeghaBook
บนสุด