ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
จ้าวหลันอวี่นั่งหลับตานิ่งงันหวนคะนึงถึงวันที่นางคิดว่าตนเองเป็นนางพญาหงส์ มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือ นางยังจำได้ดีว่าวันพระราชพิธีสถาปนาฮองเฮาของแคว้นตงหยางถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เพียงใด
ร่างอรชรสวมชุดประจำตำแหน่งอย่างเต็มยศแหงนหน้ามองขึ้นไปบนสุดของปลายบันไดหยก ที่บนสุดของพระที่นั่งมีร่างสูงใหญ่สวมชุดมังกรสีเหลืองนั่งมองอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยน
มงกุฎหงส์ประดับไข่มุกแวววาวเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ มันสั่นไหวตามการเคลื่อนของศีรษะ ใบหน้าหวานพลันแย้มยิ้มออกมา ในที่สุดนางก็มีวันนี้ และในที่สุดความแค้นที่ท่านแม่ถูกวางยาก็จะได้รับการพลิกคดีขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือของนางเอง อำนาจของฮองเฮาด้อยกว่าก็แค่เพียงฮ่องเต้ แล้วผู้ใดเล่าจะกล้าขัดขวาง ทว่าความยิ่งใหญ่นั้นก็คล้ายกลายเป็นเพียงหมอกควันที่จางหายไป
เพราะยามนี้จ้าวฮองเฮาที่เคยยิ่งใหญ่อยู่ในอำนาจได้แค่เพียงสามเดือน กลับถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็นเพียงลำพัง ดวงตาหงส์จ้องมองไปยังปลายแสงสว่างที่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดมังกรสีเหลืองเดินเข้ามาช้า ๆ สายตาคมจ้องมองไปยังเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ หนานกงกงเห็นดังนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุมวางลงบนเก้าอี้ และเดินค้อมตัวออกไปยืนรอรับคำสั่งอยู่ที่ด้านหลัง
“เจ้าสบายดีหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามเหมือนห่วงใยกัน ทว่าความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หากเขาห่วงใยนางจริง เขาจะส่งนางมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน ข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันบัดนี้เขาตระบัดสัตย์หักหลังนางอย่างโหดร้าย ร่างอรชรยืดตัวขึ้นแผ่นหลังตั้งตรง อาภรณ์ที่สวมใส่มิได้ยับย่นไปเลยแม้แต่น้อย เคยงดงามเช่นไร ก็ยังคงงดงามเช่นนั้น
“พระองค์ก็ลองถูกกักขัง และถูกใส่ร้ายดูบางสิเพคะ จะได้รู้ว่าหม่อมฉันสบายดีหรือไม่?”
“หลันอวี่เราเองก็จนใจ หากไม่กำจัดเจ้าทิ้งเสีย บัลลังก์ของเราก็จะไม่มั่นคง นังเฒ่าหวังอรพิษนั่นมีราชโองการ...”ตวนมู่หมิงฮ่าวฮ่องเต้หยุดพูดกลางคันพลางถอนหายใจออกมา
“ช่างเถอะ บอกเจ้าไปก็ไม่ประโยชน์อันใดอีกแล้ว อวี่เอ๋อร์ความจริงในใจเราชื่นชอบเจ้าเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้เราก็อยากจะเก็บเจ้าไว้ข้างกาย แต่เราไม่อาจทำได้ หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ เจ้าเองก็คงต้องเลือกเหมือนเช่นเราจริงหรือไม่” ใช่!..หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ นางย่อมเลือกอำนาจ มิเช่นนั้นนางจะเลือกผลักดันเขาขึ้นนั่งบัลลังก์หรือ
“พระองค์จะสังหารหม่อมฉันใช่หรือไม่?” นางเชิดหน้าขึ้นถามออกไป มิได้มีความกลัวแม้แต่น้อย จะต้องกลัวไปไย ในเมื่อเส้นทางนี้นางเลือกด้วยมือของตนเอง นางลิขิตมันด้วยตนเอง หากมันจะต้องจบนางก็หากลัวไม่
เพียงแต่ข้อหาที่เขาป้ายลงมาบนศีรษะนางช่างน่าขำนัก วางยาพิษไทเฮาเช่นนั้นหรือ แน่นอนว่านางอยากให้ไทเฮาชั่วนั่นตายไปเสีย ทว่านางคงไม่โง่ถึงขั้นวิ่งไปวางยาพิษที่ตำหนักเฉินเฉียนกงกระมัง?
“เลือกมาเถิด ผ้าขาว หรือสุราพิษ” ดวงตาเรียวหดเกร็งหากบอกว่าไม่กลัวความตายก็คงเป็นการโกหก ผู้ใดบ้างจะอยากตาย นางยังไม่ได้แก้แค้นให้มารดา หวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮายังไม่ได้รับโทษฐานที่สังหารมารดานางเลย ใต้หล้ายังมิได้รู้ถึงความชั่วที่คนพวกนั้นร่วมมือกันทำร้ายมารดานางเลย นางจะยอมได้อย่างไร
“เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดต้องใส่ร้ายหม่อมฉัน” นางหันหน้าไปมองพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถึงแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเพราะนางหมดประโยชน์เป็นเพียงหมากไร้ค่าก็ต้องถูกกำจัดเป็นธรรมดา
“เพราะเราไม่มีทางเลือก หากเจ้าไม่ตายเราก็แต่งตั้งจ้าวม่านฟางเป็นฮองเฮาไม่ได้ แต่เจ้าไม่ต้องกลัว จ้าวม่านฟางก็ถือตราหงส์ได้ไม่นานหรอก หึ...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จ้าวม่านฟางน้องสาวต่างมารดาของนางเองหรอกหรือ มีความเป็นไปได้เพราะมารดาของม่านฟางเป็นน้องสาวของไทเฮาย่อมอยากผลักดันกันขึ้นมาแทนที่นางอยู่แล้ว
“พระองค์บอกหม่อมฉันว่าจะสังหารหวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮาคืนความเป็นธรรมให้มารดาหม่อมฉัน นี่มิใช่ว่าข้ามแม่น้ำรื้อสะพานหรอกหรือ” นางมิได้สนใจว่าผู้ใดจะได้เป็นฮองเฮาต่อจากนาง สิ่งที่สนใจคือศัตรูของนางยังไม่ตาย!...
“วางใจเถอะ แม่เลี้ยงเจ้าเราจะสังหารให้เอง และนังเฒ่าอสรพิษนั่นด้วย แต่...มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าไปดีเถิดนะ หากจะแค้นก็แค้นที่โชคชะตาเถิด” ตวนมู่หมิงฮ่าวมองใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับหนานกงกง เขาลุกขึ้นยืนสะบัดชายอาภรณ์เหลือทองเดินออกไปจากตรงนั้น
“ฮองเฮา...กระหม่อมล่วงเกินแล้ว”หนานกงกงและขันทีน้อยเดินถือถาดสองถาดเข้ามาตรงหน้า
จ้าวหลันอวี่หัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ ริมฝีปากบางบิดเบี้ยวลงไป ตวนมู่หมิงฮ่าวหยุดเดินอยู่หน้าประตู หันกลับมามองหญิงสาวที่เคยร่วมชีวิตกันมา สายตาจ้องมองกันหนึ่งสว่างหนึ่งมืดมิด
“ตวนมู่หมิงฮ่าวหากข้ามีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ข้าสาบานว่าจะไม่มีวันเลือกเจ้า สุราพิษจอกนี้ข้าจะคืนมันให้เจ้าแน่นอน” พูดจบก็คว้าเอาจอกเหล้าผสมยาพิษขึ้นกระดกลงไปในลำคอ หากได้เลือกใหม่อีกครั้งต่อให้ทุกภพชาติจะมิได้เกิดเป็นมนุษย์อีก นางก็ยอม...
“เช่นนั้นชาติหน้าเจ้าก็คืนมันมาให้เราเถิด แต่หากเป็นชาตินี้...อวี่เอ๋อร์เจ้าหมดสิทธิ์แล้ว”
ภาพยามเยาว์วัยผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าของบุรุษผู้เป็นคู่หมั้นลอยเข้ามาในห้วงแห่งความคิด หากนางเลือกเขาตั้งแต่แรก นางจะตายอนาถเช่นนี้หรือไม่ หากนางแต่งไปอยู่ต่างเมืองกับเขา เขาจะแก้แค้นให้กับมารดาของนางหรือไม่
คำถามมากมายที่ไร้คำตอบ เพราะบัดนี้ร่างอรชรพลันล้มลงบนตั่ง ริมฝีปากบางมีโลหิตไหลออกมา ทว่าดวงตายังคงเบิกโพลง มองเงาร่างสูงใหญ่นั่นไกลออกไปทุกที
เปรี้ยง!...เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วท้องนภา สายอสุนีบาตฟาดลงไปที่ต้นไม้หน้าตำหนักเย็นเกิดประกายไฟลุกไหม้ เพียงไม่นานสายฝนก็สาดลงมาดั่งฟ้าพิโรธ
ตวนมู่หมิงฮ่าวเงยหน้ามองท้องฟ้า และหันไปมองต้นไม้ต้นนั้น ดวงตาคมเบิกกว้างเหมือนเป็นดั่งลางร้าย ฝนตกหนักถึงเพียงนี้แล้วเหตุใดไฟที่ต้นไม้จึงไม่ดับ ฮ่องเต้หนุ่มรีบส่งเสียงคำรามสั่งหนานกงกงให้ดับไฟนั้นเสีย ควันไฟลอยคลุ้งหลังจากที่ไฟบนต้นไม้ดับลง
เขามองดูกลุ่มควันไฟ อดจะหันกลับเข้าไปมองในห้องมิได้ สายตาที่เบิกโพลงยังคงจ้องตรงมาที่เขา ถึงแม้จะรู้ว่ายามนี้นางหาได้มีชีวิตอยู่แล้ว แต่กระนั้นขนบนแขนก็ยังคงตั้งชัน
************************
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
อดีตที่เธอเคยทำร้ายจิตใจเขาเอาไว้ ยังคงเป็นรอยแผลใจยากจะสมานกลับคืนได้ คนเคยร้ายอย่างเธอต่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียังไง เขากลับมองเป็นเพียงผู้หญิงร้ายกาจไม่เปลี่ยนแปลง
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY