เธอ…ไม่เคยรักใครนอกจากเขา เขา…มองข้ามความรักของเธอมาตลอดชีวิต
เธอ…ไม่เคยรักใครนอกจากเขา เขา…มองข้ามความรักของเธอมาตลอดชีวิต
“ไมค์ เดี๋ยวเจก็กลับมาแล้ว” แม่บ้านวัยสามสิบต้นๆ กระซิบบอกคนสวนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพราะอีกฝ่ายกำลังเล้าโลมเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก็รีบๆ ทำสิครับคุณนายจะได้เสร็จไวๆ” ไมเคิลคนสวนสุดล่ำได้รับทิปแบบนี้ทุกครั้งเวลามาแต่งต้นไม้หรือตัดหญ้าให้บ้านหลังนี้ ถึงเธอจะไม่ใช่สาวรุ่นแต่ส่วนสัดก็ยังเต่งตึงหนั่นแน่นไปทุกส่วน ก็คนมีอันจะกินเขามีเวลาดูตัวเอง วันๆ ไม่ต้องทำงานทำการอะไรแค่อยู่บ้านไม่ก็ออกไปช้อปปิ้งแล้วก็กลับมารอรับลูกตอนบ่ายๆ
“ซี๊ด มะ ไมค์ อ๊า ไม่ไหวแล้ว” สุดาไม่อาจต้านทานอารมณ์ตัวเองได้เธอจึงลากพ่อหนุ่มให้มายืนแอบอยู่ตรงทางขึ้นชั้นสองขาเรียวยาวข้างนึงพาดไปบนราวบันได
“พั่บๆๆๆ” ไอ้หนุ่มคนสวนเสียบท่อนเอ็นอันโตเข้าไปจนสุดลำแล้วซอยกระหน่ำไม่นับครั้ง สองมือหนากร้านขยำขยี้ทรวงอกนิ่มหยุ่นคุณนายเจ้าของบ้านจนขึ้นรอยแดง เกมกามต้องห้ามดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งสองคนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว
“มามี๊” เด็กชายเจเดนเดินตามเสียงประหลาดมาเรื่อยๆ และก็พบว่ามารดาของตัวเองกำลังยืนหันหน้าเข้าหาคนสวน ทั้งคู่ส่งเสียงที่แปลไม่ออกว่ามันเจ็บปวดหรือกำลังจะพูดอะไรและร่างกายมีเหงื่อไหลโทรมตัว
“เจ” สุดารีบผลักคนสวนให้ห่างออกจากตัวแล้วถลกกระโปรงกลับลงไปส่วนคนสวนสุดล่ำก็เดินหนีออกหลังบ้านไปเลย
“มามี๊ทำอะไรครับ” เจเดนในวัยอนุบาลถามคุณแม่ด้วยความสงสัย
“เอ่อ มามี๊ปวดหัวจ้ะรู้สึกเหมือนตัวร้อนจะเป็นไข้ ไมค์เขาเลยช่วยดูให้”
“จริงด้วย มามี๊เหงื่อออกเต็มเลยผมไปหาผ้ามาให้นะครับ” เจเดนตัวน้อยวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วคว้าผ้าขนหนูนุ่มๆ วิ่งกลับมาหามารดาด้วยความร้อนใจ
“ดีขึ้นไหมครับมามี๊” เจเดนซับเหงื่อของมารดาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วจ้ะ” สุดาตอบลูกชาย
“มามี๊ไปเอาของว่างมาให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ มามี๊นั่งนะครับผมไปหยิบเองได้” และอีกครั้งที่เด็กชายเจเดนวิ่งกลับไปที่ครัว เขาปีนไปบนเก้าอี้เพื่อหยิบขนมปังกับถ้วยแยมบนโต๊ะแล้วถือกลับมาหามารดาด้วยความระมัดระวัง สองมือเล็กๆ ทาแยมรสส้มไปบนขนมปังเนื้อนิ่มแล้วบิเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนให้แม่ของเขาก่อน
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อยจ้ะ” สุดาตอบแล้วหอมแก้มลูกชาย
“มามี๊ต้องไปหาหมอไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เจป้อนขนมปังให้แม่อีกสามคำแม่ก็หายแล้ว”
“มามี๊หายแล้วเห็นไหมจ๊ะ” สุดายิ้มออกมาหลังจากกินขนมครบสามคำและลูกชายของเธอก็เลิกทำคิ้วขมวดในที่สุด
“เจขึ้นไปอาบน้ำนะครับแล้วเราลงมาช่วยทำมันบดกัน วันนี้ปาป๊าจะกลับมากินมื้อเย็นจ้ะ”
“เย้ๆ ดีใจที่สุดเลย” เจเดนวิ่งปรู๊ดขึ้นไปบนห้องของตัวเองแล้วสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว
“ไมค์” สุดาอุทานด้วยความตกใจ ไมเคิลลากคุณนายคนสวยหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำภารกิจที่ค้างไว้
“อ๊ะ ซี๊ดดด ถ้าผัวฉันอึดได้ครึ่งของเธอก็ดี”
“งั้นก็ให้ผมมาทำสวนทุกวันสิครับคุณนาย พั่บๆๆๆ”
“บะ บ้า คนก็ผิดสังเกตพอดี โอ๊ววว”
“เสร็จพร้อมกันนะครับคุณนาย อู๊ววววว” สุดาและไมเคิลประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเพื่อเก็บเสียงครวญครางเอาไว้ ไมเคิลใส่เสื้อผ้ากลับเข้าที่เดิมแล้วเดินผิวปากออกไปส่วนสุดาก็จับผมเผ้าและชุดกระโปรงให้เข้าที่เข้าทางเพื่อไปรับบทบาทแม่และเมียที่ดี
“มามี๊ค้าบ” เจเดนวิ่งตึงตังลงมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว
“นี่ครับ เจบดได้เลย” สุดายื่นถ้วยมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ลูกชาย เจเดนมีหน้าที่บดมันให้ละเอียดด้วยช้อนอันโตเพราะเธอไม่กล้าให้ลูกชายใช้มีดหรืออุปกรณ์ทำครัวอื่นๆ
“เมื่อยรึยังครับเจ” สุดาหันมาถาม เธอหมักเนื้อไว้แล้วเหลือก็แค่เอาไปย่างบนเตาเท่านั้น
“ยังครับมามี๊ มันยังไม่ละเอียดเลย”
“มามี๊ช่วยทำนะครับ” สุดาเอาช้อนมาอีกคันแล้วนั่งลงข้างๆ ลูกชาย ระหว่างที่ช่วยกันบดเธอก็คุยกับลูกไปด้วย
“จริงหรอจ๊ะ” ลูกชายของเธอกำลังเล่าถึงบทเรียนวันนี้ คุณครูเอ็มม่าพาออกไปที่สวนหลังโรงเรียนแล้วพาไปดูดักแด้
“จริงครับมามี๊ คุณครูเอ็มม่าบอกว่าหนอนพวกนั้นจะโตเป็นผีเสื้อแสนสวยผมเห็นผีเสื้อตอมดอกไม้เต็มเลยครับแต่ละตัวปีกสีไม่เหมือนกันด้วย บางตัวสีส้ม บางตัวสีฟ้า บางตัวมีตั้งหลายสีบนปีกเดียวกัน” เด็กชายตัวน้อยเล่าด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่ไปเห็นมาเมื่อบ่ายและมันทำให้หัวสมองของเจเดนลืมภาพของมารดากับคนสวนไปแทบจะทันที
“แล้วโตขึ้นเจอยากเป็นอะไรจ๊ะ”
“เป็นนักแมลงครับ” คำตอบของเด็กน้อยเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันสักวันและสุดาก็ไม่ได้กังวลใจด้วย เด็กๆ มีความคิดและจินตนาการอันกว้างไกลลูกสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่เขาต้องการขอแค่สิ่งนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ
“คนที่ศึกษาด้านแมลงเขาเรียกว่านักกีฏวิทยาจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง
“นักกินวิดทะยาหรอครับ” เจเดนทวนคำด้วยความงุนงง ทำไมนักแมลงชื่อเรียกยากจัง
“ไม่ใช่จ้ะออกเสียงว่า กี-ตะ-วิด-ทะ-ยา” สุดาพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ลูกชายฟังอีกครั้ง ต้องหัดกันอยู่หลายรอบกว่าเจเดนจะพูดถูก
“โอเคจ้ะ ละเอียดแล้ว” สุดานำมันฝรั่งเนื้อละเอียดผสมนมและเครื่องเทศอีกเล็กน้อยจากนั้นจึงนำเข้าเตาอบ สองแม่ลูกช่วยกันเตรียมมื้อเย็นด้วยความตั้งใจเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยปีเตอร์ก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“ปาป๊า” เจเดนวิ่งไปหาบิดาแล้วชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมก็อุ้มเด็กชายตัวน้อยไปฟัด
“วันนี้มีอะไรกินบ้างเจค” ปีเตอร์ถามลูกชาย
“มีสเต๊กหมู สลัดแล้วก็มันบดที่ผมช่วยมามี๊ทำครับ”
“ว้าว มันบดต้องอร่อยที่สุดแน่ๆ”
“สเต๊กของมามี๊อร่อยที่สุดครับ ผมยังเด็กยังไม่มีสีมือ”
“ฝีมือจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง ถ้าเป็นสำนวนลูกชายของเธอมักจะใช้ผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เธอพยายามให้ลูกพูดกับเธอด้วยภาษาไทยและสนทนากับบิดาด้วยภาษาอังกฤษและเยอรมัน
“เหนื่อยไหมคะ” สุดารับเสื้อสูทของสามีไปแขวนเข้าที่แล้วถามด้วยความห่วงใย
“นิดหน่อย วันนี้ประชุมเกือบทั้งวัน” ปีเตอร์ตอบภรรยาแล้วปลดกระดุมตรงข้อมือออก จากนั้นก็ขยับเนกไทให้มันคลายปมแล้วภรรยาผู้แสนดีก็เอาน้ำเย็นเจี๊ยบมาให้
“ปาป๊าเท่สุดๆ เลย” เจเดนชอบดูเวลาบิดาปลดกระดุมเสื้อและคลายเนกไท มันเป็นสิ่งที่เด็กแบบเขาคิดว่าเจ๋งและเท่ที่สุดในโลกเพราะมันคือท่าทางของผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัว
“โตขึ้นเจคจะเท่กว่าปาป๊าอีก” ปีเตอร์ลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู
เจเดนเกิดในครอบครัวของคนมีอันจะกินและคนภายนอกต้องอิจฉาเด็กชายคนนี้แน่ๆ เพราะมีมารดาที่แสนจะเรียบร้อยงานบ้านงานเรือนก็เก่งไม่เป็นรองใครส่วนบิดาก็เป็นชายหนุ่มที่ขยันขันแข็งเอาการเอางานแต่ก็ไม่ลืมภรรยาและลูกชาย สามคนพ่อแม่ลูกจะต้องทานข้าวด้วยกันอย่างต่ำสัปดาห์ละสองครั้ง
แต่มันก็เป็นแค่ภาพลวงตาความเอาใจใส่จอมปลอมจากสุดาจะมีให้สามีเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าลูกชายเท่านั้นและปีเตอร์ก็ประพฤติแบบนั้นเช่นกัน สองสามีภรรยาทนอยู่กันไปเพราะไม่ต้องการให้ลูกชายต้องมีปมด้อยการฟ้องหย่าในประเทศนี้มันละเอียดอ่อนและซับซ้อนและคนที่จะได้รับผลเสียที่สุดก็คือเด็ก
ปีเตอร์ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์และเขารู้ดีว่าเด็กที่เข้าระบบบ้านอุปถัมภ์น่าสงสารขนาดไหนเขาไม่มีวันให้ลูกชายคนเดียวต้องตกอยู่ในสถานะนั้นแน่ๆ ส่วนสุดาก็หอบผ้ามาอยู่กับผู้ชายที่เธอยังรู้จักไม่ดีพอแต่ด้วยความคิดง่ายๆ ว่าการมีสามีฝรั่งจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นเธอจึงเดินทางมาค่อนโลกแล้วอยู่ในประเทศที่ไม่รู้จักใครเลยสักคนนอกจากสามีตัวเอง
แรกเริ่มความรักมันก็หวานชื่นดีแต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ นิสัยเสียเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนที่มันขัดตาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกทีจนในที่สุดทั้งปีเตอร์และสุดาก็เบื่อหน่ายกันไปเองแต่ก็เลิกกันไม่ได้เพราะมีลูกรั้งเอาไว้ ถึงทั้งคู่จะเอือมระอากันแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่เป็นจุดเชื่อมทุกอย่างเอาไว้ก็คือเจเดน
สุดาไม่อยากอยู่ที่นี่ ลอนดอนเมืองที่อึมทึมและห่างไกลบ้านเกิดแต่เธอก็ไปไหนไม่ได้เพราะเป็นห่วงลูกชายและที่สำคัญเธอไม่มีเงินไม่มีงานครั้นจะกลับเมืองไทยไปเริ่มต้นใหม่อยู่แบบอดมื้อกินมื้อเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดเลือกทำแน่ๆ เธอจึงทนอยู่กับสามีหน้านิ่งเพื่อความอยู่รอดและเริงรักกับผู้ชายเป็นกิจกรรมแก้เซ็ง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
ทั้งเมืองรู้กันดีว่า หลังจากที่ลู่ซิงหลานถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวปลอม เธอก็ถูกสามีขับไล่ออกจากชีวิต พ่อแม่ก็ทอดทิ้ง พี่ชายก็รังเกียจ ครอบครัวของสามีตัดสินใจไล่เธอออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับไปพึ่งพา ลี่จิ่งเหยียน ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแทนในทันที ขณะที่ทุกคนรอให้ลี่จิ่งเหยียนถีบลู่ซิงหลานออกไปนั้น ลู่ซิงหลานก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างใจเย็น มันมีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นแถว สามีเก่าที่เป็นคนไม่ดีอยากกลับมาง้อขอคืนดี ลู่ซิงหลานก็จัดการเขาทิ้งทันที และกลับยิ้มให้สามีใหม่แล้วพูดว่า "ที่รัก คุณสามารถพึ่งพาฉันได้นะ" ใครจะคิดว่าลี่จิ่งเหยียนเองก็เป็น ผู้ทรงอิทธิพลไม่เบา พร้อมยิ้มแย้ม "แต่ที่รัก ผมอยากครองใจคุณมากกว่า" องค์กรระหว่างประเทศเพิ่งเผชิญกับสามเหตุการณ์สำคัญ หนึ่งคือการที่ลู่ซิงหลานหย่าร้าง สองคือการที่ลี่จิ่งเหยียนแต่งงาน และสามคือคู่รักที่มีตัวตนลับมากมายที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกลวง ทั้งสองสมคบคิด ทำอะไรไม่ดี
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด