คุณท่านเจ้าคะ … เบาหน่อยเถอะค่ะ
คุณท่านเจ้าคะ … เบาหน่อยเถอะค่ะ
“แน่นจัง” หนุ่มใหญ่ครางกระเส่าเมื่อความเป็นชายสอดเข้าไปสุดลำ
“พี่จักร ไหนว่าเหนื่อยไงคะ” หญิงสาวตัดพ้อด้วยความเป็นห่วง
“เหนื่อยงานอาบน้ำก็หายแต่ถ้าไม่ได้เหนื่อยก่อนนอนคงหลับไม่สนิท”
“ปากหวานนัก”
“ก็หวานแบบนี้มาสิบปีแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอจ๊ะ”
“อืม … ไม่ชินเลยค่ะ พี่จักรอย่าทำแบบนี้สิคะ” เธอต่อว่าเมื่อเขาอัดเข้ามาแบบหนักหน่วง
“แบบไหนจ๊ะแข” หนุ่มใหญ่แกล้งทำเป็นงงทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการทำแบบนั้นมันยากเกินทนไหว
“แกล้งแขอีกแล้ว”
“แกล้งเพราะอยากให้แขของพี่เสียวสุดๆ ไงจ๊ะ”
“เสียวค่ะพี่จักร เสียวมาก” หญิงสาวดิ้นเร่าๆ เหมือนจะขาดใจเมื่อแท่งกำยำกระแทกเข้ามาซ้ำๆ ไม่มีหยุดพัก
“พี่ก็เสียว แขของพี่สวยเหลือเกิน” ทั้งสองมองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มแม้จะอยู่กินมาสิบปีแต่ความหลงใหลในกันและกันไม่เคยเปลี่ยน
แขไขอายุสามสิบห้าปี ส่วนสัดโค้งเว้าเข้ารูปเหมาะเจาะ ดวงหน้าหวานซึ้งยากที่จะมองผ่าน เธอเป็นลูกสาวของตระกูลขุนนาง
บวรจักรอายุสี่สิบห้าปี วัยใกล้เลขห้าไม่ใช่อุปสรรคในการร่วมรักหรือกิจกรรมอื่นๆ เขาสูงล่ำหน้าตาคมเข้มเป็นที่หมายปองของหญิงสาวแม้กระทั่งตอนนี้
จะมีหญิงใดกล้ามองผ่านหนุ่มใหญ่ที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมฐานะมั่งคั่ง บวรจักรคือบุตรชายคนเดียวของตระกูลชั้นสูง ที่ที่เขาเติบโตคือเรือนภิรมย์ซึ่งคนภายนอกมักเรียกว่าวังภิรมย์
ชายหนุ่มจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ เมื่อกลับบ้านเกิดสาวๆ หมายตาอยากได้เป็นของตนแต่บวรจักรยังไม่ถูกใจใครจนได้พบแขไข เขาจึงได้รู้ว่ารักแรกพบมีอยู่จริง
ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่คนอวยพรเพราะเหมาะสมกันทุกประการแม้จะขาดไปบ้างตรงที่ไม่มีทายาทสืบสกุลแต่บวรจักรก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เขาให้กำลังใจภรรยาและอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
ถึงจะเป็นเด็กนอกแต่บวรจักรรักเดียวใจเดียว เมื่อแต่งงานสายตาของเขามีไว้มองแค่ภรรยาแม้จะมีหญิงสาวเข้าหาแต่เขาไม่เคยเผลอใจ
“สิบปีแล้ว แขไม่ใช่สาวๆ เหมือนเดิมสักหน่อย” หญิงสาวอดกังวลไม่ได้แม้ว่าเขาจะชื่นชมทุกเช้าค่ำว่าเธองดงามเพียงใด
“โธ่ๆ แล้วพี่ล่ะแข จะห้าสิบแล้ว แก่เป็นไอ้เฒ่าเลยนะ” บวรจักรเย้ากลับ
“อืม … มันไม่เหมือนกันนี่คะ พี่ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ” ดูเอาเถอะจะห้าสิบแล้วแต่ยังมีแรงจัดหนักได้ทุกวัน
“แขของพี่ ยิ่งนานวันยิ่งแน่น พี่เสียวจนจะแตกแล้วจ้ะ”
“แตกข้างในนะคะคุณพี่” หญิงสาวออดอ้อน
“แขจ๋า ยั่วพี่อีกแล้ว”
“แขรักคุณพี่” แขไขยิ้มกริ่ม
ทุกครั้งที่โดนเรียกว่าคุณพี่ บวรจักรจะฮึกเหิมเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน หนุ่มใหญ่สาวเอ็นเข้าออกจนเตียงสั่นอึดใจต่อมาทั้งสองก็ครางระงมเพราะเสร็จสมพร้อมกัน
เรือนภิรมย์มีอายุร้อยกว่าปีแต่ยังงดงามไม่เปลี่ยนเพราะบวรจักรซ่อมบำรุงอยู่เสมอ เขาเคยวาดฝันว่าจะมีภรรยาและเจ้าตัวเล็กมาวิ่งเล่นสนามหน้าบ้านแต่คนเราแม้จะมั่งมีหรือสูงส่งเพียงใดก็ไม่พ้นต้องพบความผิดหวัง
แขไขตั้งครรภ์ไม่ได้แม้จะรู้ก่อนแต่งงานบวรจักรก็ไม่เปลี่ยนใจ เขารักผู้หญิงคนนี้ที่ตัวตน จึงยินยอมรับทั้งหมดไม่ว่าด้านใดๆ แม้ไม่มีโซ่คล้องใจแต่ทั้งสองก็รักกันมั่นคง
“แม่ปุ้ยจ๊ะ เย็นนี้ฝากดูแลพี่จักรด้วยนะคะ แขต้องไปงานวันเกิดเพื่อน” แขไขบอกแม่บ้านที่ดูแลเรื่องอาหารการกินในเรือนภิรมย์
“ได้ค่ะคุณแข ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
“พูดเหมือนพี่อายุสามขวบหาข้าวกินเองไม่เป็น” บวรจักรทำหน้างอใส่ผู้หญิงทั้งสอง
“แขรู้ว่าพี่จักรหาข้าวกินเองได้ค่ะแต่พี่ชอบทำงานจนลืมเวลา แขก็ต้องให้แม่ปุ้ยช่วยเตือน”
“แขไม่อยู่ พี่ไม่รู้จะทำอะไรนี่” บวรจักรบ่นงึมงำ
“ไปกับแขไหมล่ะคะ” แขไขอมยิ้มเพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
บวรจักรไม่ชอบร่วมงานสังคมมันทำให้เขาอึดอัดเพราะไปไหนก็ตกเป็นเป้าสายตาตลอด พวกผู้หญิงยิ่งน่าระอาเพราะคอยจะให้ท่าหาทางมาชิดใกล้ไม่เว้นนาที
“เจอกันตอนค่ำนะคะคุณพี่” แขไขกระซิบบอกสามี
แขไขเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาเธอสร้างมันด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง บวรจักรไม่เคยขัดใจภรรยา เธอยากทำงานที่ไหนก็แล้วแต่เธอต้องการแม้ตัวเขาจะมีบริษัทในเครือมากมายพร้อมให้เธอขึ้นแท่นผู้บริหารด้วยเงินเดือนหกหลักปลายๆ
แต่แขไขจะต้องการเงินมากมายไปทำไมแค่ที่มีตอนนี้ก็ใช้ไม่หมดแถมสามียังร่ำรวยระดับต้นๆ ของประเทศ ที่ออกไปทำงานทุกวันเพราะใจรักล้วนๆ ให้อยู่แต่บ้านได้เฉาตายพอดี
บวรจักรในวัยเกือบห้าสิบก็ยังทำงานทุกวัน เขาคิดว่าตัวเองแก่เต็มทีแต่คนรอบกายไม่คิดแบบนั้น เขาดูอ่อนกว่าอายุจริงเป็นสิบปีการได้รับประทานอาหารดีๆ และจิตใจแจ่มใสคือเคล็ดไม่ลับของหนุ่มใหญ่
เงินและอำนาจทำให้ชีวิตสุขสบายเมื่อกายสบายใจก็สบายแถมได้ภรรยาแสนดี … บวรจักรจึงมีแต่ความสุข
“แม่ปุ้ยครับ ตะวันจะเข้ามหาลัยแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะคุณจักร ฉันพาไปซื้อของครบแล้วค่ะ”
“เวลาผ่านไปเร็วจังเลยนะครับเหมือนเรื่องนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน”
“ตะวันมันซาบซึ้งมากที่คุณจักรเมตตาจนทำให้มีวันนี้ ฉันก็เหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
“แม่ปุ้ยดูแลคนในเรือนภิรมย์เป็นอย่างดี ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงครับ”
“คุณจักรจะมาตอบแทนคนก้นครัวไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบฉันทำไมคะ”
“แม่ปุ้ยก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดแบบนั้น” บวรจักรกล่าวด้วยความเสียใจ
“ขอโทษค่ะคุณจักร ฉันปากไวไปหน่อย”
“ถ้าไม่มีแม่ปุ้ย แขคงเหงาแย่”
“โธ่ … คุณจักร”
วันว่างๆ แขไขมักไปหาแม่ปุ้ยที่เรือนเล็ก ก็หาทำขนมทำกับข้าวไปเรื่อยเปื่อยแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นพูดคุยเรื่องเดิมๆ แขไขเสียใจมากที่มีลูกไม่ได้ พยายามแค่ไหนเสียเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ
คนที่ยอมแพ้ไม่ใช่เธอแต่เป็นสามี เขาทนเห็นเธอเจ็บปวดซ้ำๆ ไม่ไหว
ชีวิตของแขไขสมบูรณ์ไร้ที่ติถ้าไม่นับเรื่องนี้ เธอเกิดในชาติตระกูลดี ร่ำรวย เรียนเก่ง สะสวย พอออกเรือนก็ได้สามีที่มีพร้อมทุกอย่าง
“ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แขไม่เคยเลิกโทษตัวเองเลย”
“แม่ปุ้ยก็พยายามบอกตลอดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”
“ขอบคุณแม่ปุ้ยมากนะครับ วันนี้ผมมีแค่ประชุม บ่ายๆ ก็น่าจะกลับแล้ว”
“คุณจักรอยากให้ทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“หลนปูแล้วกันครับ แขบ่นอยากกินวันก่อน”
“ได้ค่ะคุณจักร” แม่บ้านยิ้มละไมให้ความรักของทั้งคู่ ต่างคนต่างนึกถึงกันและกันอยู่ตลอดจึงไม่แปลกที่ทั้งสองเหมือนเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ
บวรจักรเข้าประชุมตอนเช้าแล้วแวะเซ็นเอกสารต่างๆ ที่เลขาเตรียมไว้ กำลังจะกลับบ้านแต่ฝนก็ตกมาโครมใหญ่เขาจึงเปลี่ยนใจจิบกาแฟรอให้ฝนซา
“สวัสดีครับ บวรจักรครับ” ชายหนุ่มมองสายฝนที่โปรยปรายไม่หยุด
“สวัสดีค่ะ จากโรงพยาบาลรักษาดี คุณแขไขโดนรถชนค่ะ”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” บวรจักรไปทันเวลาก่อนแขไขสิ้นใจ ทั้งสองได้ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด