คุณท่านเจ้าคะ … เบาหน่อยเถอะค่ะ
คุณท่านเจ้าคะ … เบาหน่อยเถอะค่ะ
“แน่นจัง” หนุ่มใหญ่ครางกระเส่าเมื่อความเป็นชายสอดเข้าไปสุดลำ
“พี่จักร ไหนว่าเหนื่อยไงคะ” หญิงสาวตัดพ้อด้วยความเป็นห่วง
“เหนื่อยงานอาบน้ำก็หายแต่ถ้าไม่ได้เหนื่อยก่อนนอนคงหลับไม่สนิท”
“ปากหวานนัก”
“ก็หวานแบบนี้มาสิบปีแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอจ๊ะ”
“อืม … ไม่ชินเลยค่ะ พี่จักรอย่าทำแบบนี้สิคะ” เธอต่อว่าเมื่อเขาอัดเข้ามาแบบหนักหน่วง
“แบบไหนจ๊ะแข” หนุ่มใหญ่แกล้งทำเป็นงงทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการทำแบบนั้นมันยากเกินทนไหว
“แกล้งแขอีกแล้ว”
“แกล้งเพราะอยากให้แขของพี่เสียวสุดๆ ไงจ๊ะ”
“เสียวค่ะพี่จักร เสียวมาก” หญิงสาวดิ้นเร่าๆ เหมือนจะขาดใจเมื่อแท่งกำยำกระแทกเข้ามาซ้ำๆ ไม่มีหยุดพัก
“พี่ก็เสียว แขของพี่สวยเหลือเกิน” ทั้งสองมองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มแม้จะอยู่กินมาสิบปีแต่ความหลงใหลในกันและกันไม่เคยเปลี่ยน
แขไขอายุสามสิบห้าปี ส่วนสัดโค้งเว้าเข้ารูปเหมาะเจาะ ดวงหน้าหวานซึ้งยากที่จะมองผ่าน เธอเป็นลูกสาวของตระกูลขุนนาง
บวรจักรอายุสี่สิบห้าปี วัยใกล้เลขห้าไม่ใช่อุปสรรคในการร่วมรักหรือกิจกรรมอื่นๆ เขาสูงล่ำหน้าตาคมเข้มเป็นที่หมายปองของหญิงสาวแม้กระทั่งตอนนี้
จะมีหญิงใดกล้ามองผ่านหนุ่มใหญ่ที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมฐานะมั่งคั่ง บวรจักรคือบุตรชายคนเดียวของตระกูลชั้นสูง ที่ที่เขาเติบโตคือเรือนภิรมย์ซึ่งคนภายนอกมักเรียกว่าวังภิรมย์
ชายหนุ่มจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ เมื่อกลับบ้านเกิดสาวๆ หมายตาอยากได้เป็นของตนแต่บวรจักรยังไม่ถูกใจใครจนได้พบแขไข เขาจึงได้รู้ว่ารักแรกพบมีอยู่จริง
ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่คนอวยพรเพราะเหมาะสมกันทุกประการแม้จะขาดไปบ้างตรงที่ไม่มีทายาทสืบสกุลแต่บวรจักรก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เขาให้กำลังใจภรรยาและอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
ถึงจะเป็นเด็กนอกแต่บวรจักรรักเดียวใจเดียว เมื่อแต่งงานสายตาของเขามีไว้มองแค่ภรรยาแม้จะมีหญิงสาวเข้าหาแต่เขาไม่เคยเผลอใจ
“สิบปีแล้ว แขไม่ใช่สาวๆ เหมือนเดิมสักหน่อย” หญิงสาวอดกังวลไม่ได้แม้ว่าเขาจะชื่นชมทุกเช้าค่ำว่าเธองดงามเพียงใด
“โธ่ๆ แล้วพี่ล่ะแข จะห้าสิบแล้ว แก่เป็นไอ้เฒ่าเลยนะ” บวรจักรเย้ากลับ
“อืม … มันไม่เหมือนกันนี่คะ พี่ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ” ดูเอาเถอะจะห้าสิบแล้วแต่ยังมีแรงจัดหนักได้ทุกวัน
“แขของพี่ ยิ่งนานวันยิ่งแน่น พี่เสียวจนจะแตกแล้วจ้ะ”
“แตกข้างในนะคะคุณพี่” หญิงสาวออดอ้อน
“แขจ๋า ยั่วพี่อีกแล้ว”
“แขรักคุณพี่” แขไขยิ้มกริ่ม
ทุกครั้งที่โดนเรียกว่าคุณพี่ บวรจักรจะฮึกเหิมเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน หนุ่มใหญ่สาวเอ็นเข้าออกจนเตียงสั่นอึดใจต่อมาทั้งสองก็ครางระงมเพราะเสร็จสมพร้อมกัน
เรือนภิรมย์มีอายุร้อยกว่าปีแต่ยังงดงามไม่เปลี่ยนเพราะบวรจักรซ่อมบำรุงอยู่เสมอ เขาเคยวาดฝันว่าจะมีภรรยาและเจ้าตัวเล็กมาวิ่งเล่นสนามหน้าบ้านแต่คนเราแม้จะมั่งมีหรือสูงส่งเพียงใดก็ไม่พ้นต้องพบความผิดหวัง
แขไขตั้งครรภ์ไม่ได้แม้จะรู้ก่อนแต่งงานบวรจักรก็ไม่เปลี่ยนใจ เขารักผู้หญิงคนนี้ที่ตัวตน จึงยินยอมรับทั้งหมดไม่ว่าด้านใดๆ แม้ไม่มีโซ่คล้องใจแต่ทั้งสองก็รักกันมั่นคง
“แม่ปุ้ยจ๊ะ เย็นนี้ฝากดูแลพี่จักรด้วยนะคะ แขต้องไปงานวันเกิดเพื่อน” แขไขบอกแม่บ้านที่ดูแลเรื่องอาหารการกินในเรือนภิรมย์
“ได้ค่ะคุณแข ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
“พูดเหมือนพี่อายุสามขวบหาข้าวกินเองไม่เป็น” บวรจักรทำหน้างอใส่ผู้หญิงทั้งสอง
“แขรู้ว่าพี่จักรหาข้าวกินเองได้ค่ะแต่พี่ชอบทำงานจนลืมเวลา แขก็ต้องให้แม่ปุ้ยช่วยเตือน”
“แขไม่อยู่ พี่ไม่รู้จะทำอะไรนี่” บวรจักรบ่นงึมงำ
“ไปกับแขไหมล่ะคะ” แขไขอมยิ้มเพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
บวรจักรไม่ชอบร่วมงานสังคมมันทำให้เขาอึดอัดเพราะไปไหนก็ตกเป็นเป้าสายตาตลอด พวกผู้หญิงยิ่งน่าระอาเพราะคอยจะให้ท่าหาทางมาชิดใกล้ไม่เว้นนาที
“เจอกันตอนค่ำนะคะคุณพี่” แขไขกระซิบบอกสามี
แขไขเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาเธอสร้างมันด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง บวรจักรไม่เคยขัดใจภรรยา เธอยากทำงานที่ไหนก็แล้วแต่เธอต้องการแม้ตัวเขาจะมีบริษัทในเครือมากมายพร้อมให้เธอขึ้นแท่นผู้บริหารด้วยเงินเดือนหกหลักปลายๆ
แต่แขไขจะต้องการเงินมากมายไปทำไมแค่ที่มีตอนนี้ก็ใช้ไม่หมดแถมสามียังร่ำรวยระดับต้นๆ ของประเทศ ที่ออกไปทำงานทุกวันเพราะใจรักล้วนๆ ให้อยู่แต่บ้านได้เฉาตายพอดี
บวรจักรในวัยเกือบห้าสิบก็ยังทำงานทุกวัน เขาคิดว่าตัวเองแก่เต็มทีแต่คนรอบกายไม่คิดแบบนั้น เขาดูอ่อนกว่าอายุจริงเป็นสิบปีการได้รับประทานอาหารดีๆ และจิตใจแจ่มใสคือเคล็ดไม่ลับของหนุ่มใหญ่
เงินและอำนาจทำให้ชีวิตสุขสบายเมื่อกายสบายใจก็สบายแถมได้ภรรยาแสนดี … บวรจักรจึงมีแต่ความสุข
“แม่ปุ้ยครับ ตะวันจะเข้ามหาลัยแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะคุณจักร ฉันพาไปซื้อของครบแล้วค่ะ”
“เวลาผ่านไปเร็วจังเลยนะครับเหมือนเรื่องนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน”
“ตะวันมันซาบซึ้งมากที่คุณจักรเมตตาจนทำให้มีวันนี้ ฉันก็เหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
“แม่ปุ้ยดูแลคนในเรือนภิรมย์เป็นอย่างดี ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงครับ”
“คุณจักรจะมาตอบแทนคนก้นครัวไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบฉันทำไมคะ”
“แม่ปุ้ยก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดแบบนั้น” บวรจักรกล่าวด้วยความเสียใจ
“ขอโทษค่ะคุณจักร ฉันปากไวไปหน่อย”
“ถ้าไม่มีแม่ปุ้ย แขคงเหงาแย่”
“โธ่ … คุณจักร”
วันว่างๆ แขไขมักไปหาแม่ปุ้ยที่เรือนเล็ก ก็หาทำขนมทำกับข้าวไปเรื่อยเปื่อยแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นพูดคุยเรื่องเดิมๆ แขไขเสียใจมากที่มีลูกไม่ได้ พยายามแค่ไหนเสียเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ
คนที่ยอมแพ้ไม่ใช่เธอแต่เป็นสามี เขาทนเห็นเธอเจ็บปวดซ้ำๆ ไม่ไหว
ชีวิตของแขไขสมบูรณ์ไร้ที่ติถ้าไม่นับเรื่องนี้ เธอเกิดในชาติตระกูลดี ร่ำรวย เรียนเก่ง สะสวย พอออกเรือนก็ได้สามีที่มีพร้อมทุกอย่าง
“ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แขไม่เคยเลิกโทษตัวเองเลย”
“แม่ปุ้ยก็พยายามบอกตลอดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”
“ขอบคุณแม่ปุ้ยมากนะครับ วันนี้ผมมีแค่ประชุม บ่ายๆ ก็น่าจะกลับแล้ว”
“คุณจักรอยากให้ทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“หลนปูแล้วกันครับ แขบ่นอยากกินวันก่อน”
“ได้ค่ะคุณจักร” แม่บ้านยิ้มละไมให้ความรักของทั้งคู่ ต่างคนต่างนึกถึงกันและกันอยู่ตลอดจึงไม่แปลกที่ทั้งสองเหมือนเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ
บวรจักรเข้าประชุมตอนเช้าแล้วแวะเซ็นเอกสารต่างๆ ที่เลขาเตรียมไว้ กำลังจะกลับบ้านแต่ฝนก็ตกมาโครมใหญ่เขาจึงเปลี่ยนใจจิบกาแฟรอให้ฝนซา
“สวัสดีครับ บวรจักรครับ” ชายหนุ่มมองสายฝนที่โปรยปรายไม่หยุด
“สวัสดีค่ะ จากโรงพยาบาลรักษาดี คุณแขไขโดนรถชนค่ะ”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” บวรจักรไปทันเวลาก่อนแขไขสิ้นใจ ทั้งสองได้ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY