“กะทิ” เด็กสาวที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอดชีวิต “เอก” ชายหนุ่มที่ไม่เคยพอในรสสวาท “แก้ว” หญิงสาวผู้มีรักแท้อันมั่นคง
“กะทิ” เด็กสาวที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอดชีวิต “เอก” ชายหนุ่มที่ไม่เคยพอในรสสวาท “แก้ว” หญิงสาวผู้มีรักแท้อันมั่นคง
“กะทิเดี๋ยวขัดตรงนี้เสร็จแล้วไปเตรียมอาหารกลางวันนะ” หญิงวัยกลางคนบอกเด็กสาวที่กำลังง่วนกับการทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง
“ได้จ้ะป้า” เด็กสาววัยแรกแย้มตอบรับด้วยใบหน้าสดใส
กุสุมา วรโกมลหรือกะทิ เด็กสาววัยสิบเก้าปี เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์เพราะมารดาแท้ๆ ที่ให้กำเนิดนำเธอมาฝากไว้แล้วก็ไม่เคยกลับมาหาอีกเลย
กะทิโตมาพร้อมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ เพื่อนของเธอบางคนก็มีครอบครัวใหม่มารับอุปถัมภ์ บางคนก็จากไปตั้งแต่เด็กเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ตั้งแต่จำความได้เธอไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันที่พอจะเป็นเพื่อนสนิทได้เลยเพราะในสถานสงเคราะห์ เด็ก จะเข้าๆ ออกๆ หรือไม่ก็โดนย้ายที่กันอยู่บ่อยๆ
มีแต่เธอที่ได้อยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เด็กจนโต ช่วงประถมเธอได้ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆ สถานสงเคราะห์จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้เพราะเธอดันเรียนเก่งผลการศึกษาของเธอทุกปีอยู่ในขั้นดีเยี่ยมมาตลอด คุณครูจึงให้เธอไปคอยดูแลเด็กเล็ก
กะทิจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการเรียนแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กศน. เธอไปเรียนทุกวันอาทิตย์ส่วนวันอื่นๆ ก็ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์
กิจวัตรประจำวันของเธอคือตื่นตอนตีห้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้แผนกเด็กเล็กหลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่เด็กๆ จะได้ไปอยู่กับคุณครูที่ดูแลเธอมีหน้าที่คอยช่วยสอดส่องเด็กๆ พวกนั้น กลางวันก็ถึงเวลาของเธออีกครั้งที่ต้องเตรียมอาหารอีกหนึ่งมื้อพอจบจากตรงนั้นก็จะเป็นการเรียนในช่วงบ่ายเธอก็ไปทำหน้าที่แบบเดิมเหมือนตอนเช้า
บ่ายแก่ๆ คุณครูก็จะให้เด็กนอนกลางวัน ช่วงที่เด็กๆ หลับเธอกับคุณครูก็จะช่วยกันตรวจการบ้านของเด็กๆ แล้วก็อีกครั้งที่เธอต้องกลับไปที่โรงอาหารเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับมื้อเย็น
หลังเด็กๆ กินเสร็จเธอก็จะไปช่วยเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้านอนแล้วหัวค่ำไปจนดึกเธอถึงจะได้มีเวลาส่วนตัว กะทิใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการอ่านหนังสือทั้งหมด
เงินเดือนของเธอครูสร้อยฟ้าจ่ายให้เป็นการส่วนตัวเพราะเธอไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างอย่างถูกกฎหมาย ครูรักและเอ็นดูเธอมากตอนเด็กๆ เวลาที่ใครมาแกล้งครูก็จะคอยดุคอยว่าให้ตลอด
ถ้าชีวิตนี้ไม่มีครูสร้อยฟ้าเธอคงไม่ได้เติบโตมาจนป่านนี้ ส่วนนึงที่เธอได้อภิสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโตก็เพราะคุณครูนี่แหละกะทิจึงสำนึกในบุญคุณของคุณครูมาก เธอตั้งใจทำงานรับใช้คุณครูและสถานสงเคราะห์เต็มความสามารถหน้าที่ของตัวเองเธอทำมันเต็มที่ด้วยความเต็มใจเท่านั้นยังไม่พอเธอยังไปช่วยหยิบจับงานอื่นด้วยถ้างานของตัวเองเสร็จแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะรักและเอ็นดูเธอ
กะทิมีรูปร่างสมส่วน ผิวกายขาวนวล ดวงหน้าเนียนใสเพราะเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแต่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้สายตาของเธอพร่าๆ ชอบกล อาจเป็นเพราะเธอชอบอ่านหนังสือในที่สลัวๆ ทุกคืน
“กะทิขอไปข้างนอกนะคะครูสร้อยฟ้าแล้วจะรีบกลับมาก่อนมื้อเย็น” เธอมาขออนุญาต จริงๆ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอแต่กะทิก็ยังตื่นมาช่วยเตรียมมื้อเช้าและกลางวันให้เด็กๆ เพราะให้นั่งเฉยๆ ทั้งวันเธอทำไม่ได้
“ไม่ต้องรีบหรอกกะทิเสร็จธุระแล้วค่อยกลับก็ได้” สร้อยฟ้าตอบเด็กสาว
“หนูจะไปดูแว่นสายตาค่ะแล้วก็จะไปร้านหนังสือแค่นั้นเอง”
“แล้วเงินพอไหมกะทิ” สร้อยฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง
“พอค่ะคุณครูหนูจะไปดูแบบสำเร็จรูป หนูเคยเห็นในร้านหนังสือค่ะอันละสองสามร้อยเองถูกกว่าไปตัดในร้านแว่นตั้งเยอะ”
“ไปเถอะ ขึ้นรถลงรถก็ระวังด้วยนะกะทิ” สร้อยฟ้าลูบหัวเด็กสาว เธอยกมือไหว้แล้วเดินออกไป
กะทิสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับรองเท้ารัดส้นสีน้ำตาล ไหล่เล็กๆ มีกระเป๋าใบน้อยคล้องอยู่
“ลุงศักดิ์เอาอะไรไหมจ๊ะ หนูจะไปห้าง” กะทิแวะถามลุงศักดิ์ผู้รักษาความปลอดภัยประจำสถานสงเคราะห์
“เอาบัตรเติมเงินมาให้ลุงห้าสิบบาทแล้วกันกะทิ” ศักดิ์ยื่นเงินให้เด็กสาว
“ไม่เป็นไรลุงเดี๋ยวกะทิออกให้ ลุงเก็บไว้กินข้าวเถอะ” กะทิบอกปัดแล้วรีบเดินออกมาตัวเธอมีอาหารให้กินทั้งสามมื้อ ที่อยู่ก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าแต่ลุงศักดิ์ต้องเสียทุกอย่างเองแถมเมียแกก็พิการแขนขาอ่อนแรงทำงานไม่ได้ อะไรที่ช่วยกันได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยกันไป
“เติมเงินออนไลน์ค่ะ” กะทิแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยก่อนจะขึ้นรถไปห้างเพราะเธอกลัวจะลืม
เด็กสาววัยสดใสมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายโมงกว่า เธอเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านหนังสือทันที
กะทิลองสวมแว่นที่ขายอยู่ในร้านหนังสือ เธอลองอยู่สามสี่อันแล้วก็เห็นว่าแว่นที่เธอสบายตาที่สุดคือสายตาลบร้อยห้าสิบ
“สั้นร้อยห้าสิบ ได้ไงเนี่ย” กะทิถามตัวเอง
เธอหยิบแว่นตาใส่ตะกร้าใบเล็กของร้านแล้วไปเดินดูหนังสือต่อ กะทิชอบอ่านวรรณกรรมแปลเธอไล่สายตาดูทีละเล่มที่ชั้น สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกมาได้หนึ่งเล่ม จากคำโปรยมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนนึงที่หลุดเข้าไปในโลกเวทย์มนต์
พอได้ของที่ต้องการครบเธอก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย กะทิมองเข้าไปในร้านอาหารเห็นเด็กสาวรุ่นๆ เดียวกับเธอสี่คนกินไปพูดคุยหยอกล้อกันไปด้วยใบหน้าสดใส เธอได้แต่มองภาพเหล่านั้นแล้วอิจฉาอยู่ในใจถ้าเธอมีพ่อแม่เธอก็คงได้ไปเข้าเรียนแบบปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้วเธอก็จะได้มีเพื่อนสนิทแบบนั้น
เหตุผลนึงที่กะทิไม่ชอบออกไปไหนเพราะเธอไม่อยากเห็นภาพครอบครัวของพ่อแม่ลูกหรือกลุ่มๆ เพื่อนที่มีความสุขมันทำให้เธอทุกข์ใจเธอยอมรับความกำพร้าของตัวเองได้แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมัน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอหวั่นไหวและเจ็บแปลบทุกครั้งเวลาต้องเห็นภาพอะไรแบบนั้น
“ตาสั้นแล้วหรอกะทิ” ลุงศักดิ์ทักเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้
“จ้ะลุงมันแค่มองไม่ชัดนิดเดียวแต่กะทิรำคาญจ้ะ”
“ลุงได้เงินแล้วนะขอบใจมาก”
“เกือบลืมเลย หนูซื้อมาฝากจ้ะลุง” กะทิยื่นถุงแกงกับผลไม้ให้ลุงศักดิ์
“เอาเงินไปเลยนะกะทิ ลุงไม่ยอมหรอก” ศักดิ์หยิบธนบัตรใบแดงๆ ออกมา
“ลุงศักดิ์หนูกินฟรีอยู่ฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย นานๆ ทีจะซื้อของแบ่งปันให้ลุงบ้างมันจะไม่ได้เลยหรือคะ” กะทิถามแล้วทำหน้าน้อยใจ
“นอกจากคนที่นี่หนูก็ไม่มีใครแล้วนะคะ”
“ขอบใจนะกะทิ” ศักดิ์ยอมแพ้แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า
“หนูไปก่อนนะ” กะทิยิ้มยิงฟันให้ลุง รปภ.
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY