เลขาสาวผู้เชยเฉิ่มและใสซื่อ กลับเป็นคนเดียวกันกับสาวโพลแดนซ์ที่แอบปลื้ม ไปซะงั้น..ไม่พอพ่อกับแม่จ้างให้เธอตามคุมพฤติกรรมเขา แต่เธอดันไปกินลูกชายเขาเสียอีก..เพื่อคนที่แอบรักเธอยอมทำได้ทุกอย่าง
เลขาสาวผู้เชยเฉิ่มและใสซื่อ กลับเป็นคนเดียวกันกับสาวโพลแดนซ์ที่แอบปลื้ม ไปซะงั้น..ไม่พอพ่อกับแม่จ้างให้เธอตามคุมพฤติกรรมเขา แต่เธอดันไปกินลูกชายเขาเสียอีก..เพื่อคนที่แอบรักเธอยอมทำได้ทุกอย่าง
ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ทุกคนมีคนที่เก็บเอาไว้ในความทรงจำ ไม่ว่าความทรงจำตรงนี้มันไปอยู่ตรงไหน แต่รู้นะ ว่าทุกส่วนที่อยู่ นั้นคุณสามารถแวะไปหาเขาได้เสมอๆ ไปหาเขาในความรู้สึก ไปหาเขาในใจ ไปหาเขาในความทรงจำที่เคยผ่านมา เป็นเรานี่แหล่ะไม่อยากลืมมัน
รักใครก็บอก ชอบใครก็บอก อย่างน้อยก็ได้พยายามเต็มที่ ที่สุดกับความรักและความทรงจำของตัวเอง
ย้อนไปตอน ม.6
ในคืนที่ฝนตก สายตาคู่คมพิจารณาจ้องมอง ร่างสวย มัดผมสวมใส่ชุมมัธยมปลาย ใบหน้าจิ้มลิ้ม ขาวใส แต่บ้านของปังปอด์นเพื่อนสนิทของเขา ประตูรั้วกับหน้าบ้านเขา อยู่ห่างกัน ซึ่งเขากังวัลว่า เธอจะเปียกอาจจะหนักกว่าเดิม ถ้าฝนที่กำลังโปรยปราย จะก่อตัวแรงขึ้น
"เฮ้ยปอนด์ นั่นน้องมึงป่าวนั้น"
"เออ ใช่ๆ ร่มอยู่หน้าบ้านมึงไปรับมันให้กูหน่อย กูติดทำงานอยู่"
"เออได้ๆ"
เมื่อเพื่อนๆของปังปอด์นได้นัดรวมตัวมาทำรายงานที่บ้านเพื่อทำรายงานส่งคุณครู หลังจากที่ หญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง มองไปยังชายหนุ่ม ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าราวกับภาพวาด หล่อคมคาย จมูกโด่งคิ้วเข้ม ทรงผมหน้าม้าปัดข้าง เสื้อมหาวิทลัยสีขาว กางเกงยีนต์ ถือร่มคันโตสีน้ำเงิน วิ่งออกมารับเธอที่หน้าบ้าน
ตึ่กตัก ! ตึกตัก ! ตอนนี้ทำให้หัวใจของหญิงสาว สั่นราวกับแผ่นดินไหว ได้แต่อึ้งตะลึงกับชายร่างสูงตรงหน้าโดยไม่ทันนึกว่าตัวเธอเองอยู่กลางสายฝนเพราะเธอกำลังที่จะเปิดประตูเหล็กบานใหญ่ เพื่อเข้ามาในบ้าน
มือสวยยังค้างอยู่ที่กลอนประตูรั้วแต่ทอดสายตาจดจ้องเหมือนอยู่ในภวังค์
"เชี่ย ! คนหรือพระเอกซีรีย์ หล่อไม่ไหว " เธอพึมพำในลำคอเบาๆ
เนื้อตัวเริ่ม เปียกปอน เพราะลงจากรถเมล์หญิงสาวก็รีบวิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังลงเม็ดบางจนกระทั่งตอนนี้ถึงบ้านเม็ดหนาขึ้น ชายหนุ่ม กางร่มบังฝนพร้อมลำแขนแกร่งโอบมาที่ไหล่ ร่างสูงบังฝนแล้วนำร่างเล็กของเธอกลับเข้าไปในบ้าน ซึ่งนั่นคือความประทับใจแรก ที่เธอได้สัมผัส
"เฮ้ย ไอ้ปอด์น มึงดูมือไอ้มาร์ค กอดน้องมึงด้วย " เสียงทุ้มแทรกเข้ามาจากชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นแซว นั่นคือ พี่แกปตัวดีชอบพูดมากแซวคนนั้นคนนี้ตามนิสัย เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นมือแกร่งจึง รีบผละมือออกทันที
"กอด เชี่ย ! ไร น้องไอ้ปอด์นจะเปียกฝนก็แค่กางร่มให้น้อง มึงนี่ นะคิดอกุศลตลอด "
ประโยคนี้ส่งผลให้ทั้ง 4 คน หัวเราะชอบใจกัน แต่ตัวหญิงสาวกลับเขินอายหน้าแดงเมื่อโดนพี่ ๆแซวขนาดหนัก
หญิงสาวถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้น พร้อมเดินเข้าบ้านไป เก็บกระเป๋าเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเช่นทุกวัน ผ่านไปไม่นานเมื่อวิ่งลงมาชั้นล่าง ปังปอน พี่ชายของเธอสั่งให้ทำกับข้าวให้พี่ๆกิน เนื่องจากพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ ฝนก็ตก เธอจึงยอมทำให้แบบไม่ค่อยพอใจ
"ปัน ปัน ทำกับข้าวให้พี่ ๆ เขากินหน่อย นะ...นะ...น๊าา.." พี่ชายของเธอทำเสียงออดอ้อนเพื่อให้ผู้เป็นน้องทำตาม และเมนูประจำบ้าน ที่ง่ายที่สุดคือต้มมาม่า ใส่ไข่ และใส่ผัก
ขณะที่ร่างบางของหญิงสาวหันหลังต้มน้ำอยู่นั้น เบื้องหลังปรากฎร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังจังหวะนั้น เธอเคลื่อนตัวหันกลับมาเพื่อหยิบอะไรบางอย่าง กลับชนเข้ากับร่างสูงเป็นเหตุให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดของมาร์ค ศีรษะของเธอประกบเข้ากับสันจมูกโด่ง
เขาคว้าตัวเธอเอาไว้ขณะหันมาด้วยอาการตกใจอาจจะทำให้เธอล้มใส่หม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน อยู่ก็เป็นได้
" เป็นไรหรือเปล่า" เสียงทุ้มนุ่มของร่างสูงเอ่ยถาม
" ปะ เปล่า ค่ะ " หญิงสาวเอ่ยพร้อมผลักร่างตัวเองออกให้เป็นอิสระเพื่อรีบไปหยิบ มาม่า
" ต้มมาม่าเหรอ ให้พี่ช่วยอะไรมั้ย "
"'หั่นผักตรงนี้ให้ด่วนทีนะคะ ปันจะรีบเอาไข่มาใส่ก่อน"
มาร์คเป็นคนเดียวที่ อาสามาช่วยทำกับข้าว เขาทั้งหล่อแถมยังน่ารักอีก บรรยากาศในครัวที่เมนู ง่ายๆ แต่อบอวลไปด้วยความประทับใจ และมีความสุข
หลังจากที่ ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เพื่อนๆของปังปอนด์ทำรายงานกันต่อ เมื่อช่วงบักเบรคทีไร มาร์คมักจะชอบหยิบกีตาร์ขึ้นมาร้องเพลง
ทุกครั้งที่ได้ยินเธอจะชอบแอบจ้องมองดูอยู่ห่างๆ ทุกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ ของชายหนุ่ม บางครั้ง ปัน ปัน ก็อดไม่ได้ที่จะมาเสนอตัวร่วมร้องเพลงไปด้วยกันรุ่นพี่ แม้เสียงจะไม่ดีก็ตามแต่มาร์คก็ชมเสมอว่าเธอร้องเพลงเพราะ
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา มาร์คและ เพื่อน ๆ กลุ่มนี้ก็มาเล่นที่บ้านกันอยู่บ่อย ๆ จนหญิงสาวเริ่มที่จะคุ้นเคย ทุกครั้งที่มาร์คมามักจะหอบหิ้วขนมของฝากติดไม้ติดมือมาฝากตลอด
มาวันหนึ่งเป็นอีกคืนที่มาร์ค นอนค้างที่บ้าน เมื่อช่วงดึกสงัดที่ใครๆต่างหลับใหลกันไปหมด ซึ่งตอนนั้น ปัน ปัน หิวน้ำลงมาในครัวเพื่อหาอะไรดื่ม เจอเงาตะคุ่มๆของคนที่เธอนึกว่าโขมย มือสวยคว้ากระชอน เพื่อที่เอาฟาดร่างเงาตรงหน้า แต่ร่างสูงตรงหน้าดันหันมาคว้ามือเธอเอาไว้เสียก่อน
" พี่มาร์ค พี่มาทำอะไรมืดๆ ทำไมไม่เปิดไฟ " เสียงกระซิบกระซาบบอกร่างหนาตรงหน้า เพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน แต่ทันใดนั้นมีเสียงเดินลงบันใด อาจจะเป็นพ่อเพื่อมาสำรวจบ้านว่าล๊อคแล้วหรือไม่ แต่ในความมืดนั้น ร่างหนาของมาร์คคว้าตัวเธอและใช้มือปิดปากเพื่อหลบไปยังอีกซอกหนึ่ง เกรงว่าพ่อจะเห็น ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
แต่นั่นกลับทำให้ หญิงสาวใจเต้นจนตัวสั่นเพราะมันกลับได้ใกล้ชิดเขาแทบจะเนื้อแนบเนื้อ อกชิดอก กันเลยก็ว่าได้
ขณะที่ตาคู่สวยจ้องมองไปที่ใบหน้าคมคาย แต่สายตาเขา จ้องมองไปที่พ่อเพื่อสำรวจดูว่า พ่อขึ้นบ้านไปหรือยัง และเมื่อพ้นจากตรงนั้น ไปแล้วเขาคลายมือสากออก จากใบหน้าสวย แล้วสะกดสายตาจ้องมองมาที่เธอ ไม่รู้ว่าไปกระตุ้นต่อมอะไรของเขาหรือเปล่า
ร่างสูงโน้มตัวลงยื่นใบหน้าคมเข้ามาใกล้ๆ สัมผัสแตะปลายริมฝีปากเบาๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งนั้นเป็นจูบแรกของเธอเลยก็ว่าได้ ทันใดนั้น มีเสียงของใครบางคนเดินออกมา ทันทีที่เห็นร่างของมาร์คและ ปัน ปัน จึงต้องรีบผละอย่าอัตโนมัติ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเอง
หลังจากวันนั้นทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน มาร์คเองก็ไม่ค่อยได้มาที่บ้านของปันปันอีก
เมื่อครั้งถึงวันเกิด ของมาร์ค ปันปัน เก็บเงินหยอดกระปุกจากเงินค่าขนมที่ไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อที่จะนำไปซื้อ นาฬิกา ให้กับเขา เฝ้ารอเวลาว่าวันไหนชายหนุ่มจะมาที่บ้านอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ไร้ซึ่งวี่แวว พอทราบข่าวอีกที พี่ชายของ เธอ บอกว่า เขาเดินทางไปที่ต่างประเทศแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป ....
ฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์แบบทองหล่อในคืนวันศุกร์นะคะ ...ขอตัว..//ส่วนตัวไม่เน้นความสัมพันธ์เน้นมันส์อย่างเดียวรับได้หรือเปล่า
เชื่อเสมอว่าประตูบานนี้ปิดลง เราจะได้เปิดประตูไปเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ...เธอออกตามหาคนที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น.. สันดานแบบคุณ แค่เห็นนรกก็คิดว่าแค่ชื่อน้ำพริกสินะ
เรื่องคืนนั้น..มันไม่ควรเป็นแบบนี้ !! ถ้าไม่คิดอะไร..อย่าจับหัวได้ปะ
อยากเห็นใบหน้าของเขาในช่วงเวลาแบบนั้น..สีหน้าท่าทางเขาจะเป็นแบบไหน.. ไม่ได้ง่ายกับทุกคนนะ...แต่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ทดลองเป็นลูกค้ากันก่อนถ้าชอบค่อยกลับมาซื้อ..ถ้าคุณพร้อมโอน..ฉันก็พร้อม..อ..NC18+
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY