หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
แรกพบสบสายตาผ่านฝนพร่ำ
คราสองรักหวนคืนเหมันต์โปรย
สายลมพัดกระทบผิวกาย สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย้ำไปตามเม็ดทรายละเอียดปะทะสายน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งก่อนจะย้อนกลับไป เผยให้เห็นเปลือกหอยเล็กที่โผล่พ้นมา ปูเสสวนพากันวิ่งไต่ลงทะเลเมื่อเจอคน
ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มย่อตัวลงนั่งเก็บเปลือยหอยสีชมพูสวยขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะหันไปมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่อง มือเล็กกระชับผ้าคลุมไหล่ ขยับลุกขึ้นเดินไปตามทางก่อนจะหยุดยืนหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง
“ทะเลสวยมากก” อลินดายกมือขึ้น มองเส้นขอบฟ้าสีสวย ไม่มีเค้าพายุร้ายในวันก่อน โชคดีที่เธอเดินทางมาถึงหลังพายุผ่านไปแม้ว่าคลื่นทะเลจะค่อนข้างแรงอยู่บ้าง
“ดีใจที่ชอบ” กวินทร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว “เอ่อ อลิน เรา...เรามาเป็นแฟ...”
“เฮ้ย! เด็กตกน้ำ!” อลินดาร้องออกมาพร้อมชี้ไปต้นทาง ก่อนจะวิ่งไปในทะเลอย่างไม่คิดชีวิต เสียงร้องขอให้ช่วยเหลือดังต่อเนื่องพร้อมผู้คนที่เดินเรียบชายหาดพากันสนใจ บ้างก็วิ่งมาช่วยเหลือก่อนที่ครอบครัวเด็กจะตามมาดูแลต่อ
อลินดาเดินไปทางที่พักหลังอีกฝ่ายปลอดภัยแล้ว พร้อมรอยยิ้มดีใจประดับ
“อลิน”
“มีอะไรค่อยคุยกันนะ ฉันหนาวขอไปอาบน้ำก่อน ฮึย” ว่าพร้อมลูบแขนตัวเอง
“เอางั้นก็ได้”
อลินดาส่งยิ้มให้ก่อนเดินหลบเข้าห้องพัก กวินทร์เป็นเพื่อนสมัยเรียนและอีกฝ่ายพยายามตามจีบตลอดครึ่งปี จนกระทั่งวันนี้แหละที่เธอตั้งใจจะตอบรับความรู้สึกของเขา
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน ท้องฟ้าที่สดใสสุขสงบเมื่อเช้า กลับกลายมีพายุโหมเข้ามาตอนเย็นแทน อลินดาแต่งชุดสวยมานั่งคอยกวินทร์ในร้านอาหารที่จองเอาไว้ เวลาผ่านไปจากนาที เปลี่ยนไปเป็นชั่วโมง ไร้ร่างอีกฝ่ายมาหา โทรหาก็ไม่รับ สีหน้าที่เปี้ยมไปด้วยความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นกังวล
เดินไปหาอีกฝ่ายที่ห้องแต่เห็นเขาพาผู้หญิงเข้าห้อง เท้าเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องเสียงประสานของชายหญิงที่ได้ยิน ทำให้เธอน้ำตาตก กลับไปร้องไห้ที่ห้องนอนเงียบ ๆ คนเดียว
“อลิน”
อลินดาหันกลับไปเจอกวินทร์เดินมาหา ร่องลอยแดงเป็นจ้ำตามลำคอไม่กี่จุดมันย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอที่เฝ้าถามว่าทำไมถึงไม่รอ เสียใจที่รู้สึกดีกับเขาจนเกือบรัก และก็ต้องขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับเราเลย แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เธอจะตอบรับความรู้สึก
“ว่าไง” เธอส่งยิ้มทักทายทว่าสายตานั้นกลับว่างเปล่า
“ขอโทษที่เมื่อคืนเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร เราก็สั่งมากินที่ห้องเหมือนกัน”
เธอโกหก ก่อนจะหันมองทางอื่นแล้วถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดไปทุกอย่างยิ่งเห็นว่าใครเดินเข้ามานั่นอีก
“เอ้า อลิน เธอก็มาด้วยเหรอ”
“นดามาเที่ยวเหรอ แล้วพักที่ไหน”
“อื้อ เราพักที่นี่ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ไปเล่นน้ำด้วยกันไหม” เนตรนดาเดินเข้ามาสอดแขนคล้องกับกวินทร์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชัดเจน
เธอมองทั้งคู่ เห็นกวินทร์แกะมือหล่อนออกจากการเกาะกุม
“ไม่ละ ครบกำหนดเช็คเอาท์แล้ว เราว่าจะกลับเลย กรจะอยู่ต่อก็ได้นะ”
“เราก็จะกลับด้วย เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” กวินทร์คว้าข้อมือเธอไว้ ส่งสายตาเสียใจ แต่ถูกเจ้าหล่อนแกะมือออก
เนตรนดาชักสีหน้าไม่พอใจดึงแขนเขาและเอ่ยปากชวน
“กรอยู่เที่ยวกับนิดาก่อนสิ ถ้าอลินรีบกลับก็ปล่อยเขาไปเถอะ จริงสิ ป๊ากับม๊านดาก็มาด้วยนะ บอกว่าอยากเจอกร”
“ไปนะ” เสียงพูดแผ่วเบาเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นเดินไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ ตลอดหกเดือนที่ถูกตามจีบตามเอาใจ เป็นใครก็ต้องรู้สึกดี แต่เวลาแค่นั้นไม่สามารถพิสูจน์ความซื่อสัตย์ และมั่นคงจากใจคนได้เลย คิดว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้คัดกรองคนออกไป
อลินดากลับไปทำงานและเริ่มรักษาระยะห่างกวินทร์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังกลับจากเที่ยวทะเลครั้งนั้น กวินทร์เปิดตัวคบหากับเนตรนดา และยังประกาศหมั้นกำหนดแต่งงานที่รวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งรับไม่ทัน
“โชคดีแล้วแหละแก ที่หลุดพ้นคนแบบนั้นมาได้” เตยหอมเพื่อนสาวสองพูด
“ฉันแค่เสียใจที่เผลอรู้สึกดี”
“แกจำที่หมอดูทักได้ไหม กับเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ แต่หลังจากนี้จะได้เจอคนนั้น และชาตินี้จะได้อยู่ด้วยกัน” เตยหอมเลียนเสียงหมอดูคนนั้นพูดเตือนความจำเธอ
ช่วงต้นปีเธอมีโอกาสไปทำงานกับเตยหอมและกวินทร์ และโดนหมอดูทักเรื่องเนื้อคู่ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ถูกพระท่านทักเรื่องเดิมอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่องขึ้นถึงไม่อยากเชื่อแต่ไม่อยากลบหลู่
“ฉันว่าหลังจากนี้แกจะได้เจอเขาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ คืนนี้ตกผู้กลับห้องสักคนสิ” เตยหอมพูดทีเล่นทีจริง
“ฉันไม่ใช่แก”
“อุ๊ย! คนนั้นงานดีจัง”
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY