หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
แรกพบสบสายตาผ่านฝนพร่ำ
คราสองรักหวนคืนเหมันต์โปรย
สายลมพัดกระทบผิวกาย สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย้ำไปตามเม็ดทรายละเอียดปะทะสายน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งก่อนจะย้อนกลับไป เผยให้เห็นเปลือกหอยเล็กที่โผล่พ้นมา ปูเสสวนพากันวิ่งไต่ลงทะเลเมื่อเจอคน
ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มย่อตัวลงนั่งเก็บเปลือยหอยสีชมพูสวยขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะหันไปมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่อง มือเล็กกระชับผ้าคลุมไหล่ ขยับลุกขึ้นเดินไปตามทางก่อนจะหยุดยืนหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง
“ทะเลสวยมากก” อลินดายกมือขึ้น มองเส้นขอบฟ้าสีสวย ไม่มีเค้าพายุร้ายในวันก่อน โชคดีที่เธอเดินทางมาถึงหลังพายุผ่านไปแม้ว่าคลื่นทะเลจะค่อนข้างแรงอยู่บ้าง
“ดีใจที่ชอบ” กวินทร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว “เอ่อ อลิน เรา...เรามาเป็นแฟ...”
“เฮ้ย! เด็กตกน้ำ!” อลินดาร้องออกมาพร้อมชี้ไปต้นทาง ก่อนจะวิ่งไปในทะเลอย่างไม่คิดชีวิต เสียงร้องขอให้ช่วยเหลือดังต่อเนื่องพร้อมผู้คนที่เดินเรียบชายหาดพากันสนใจ บ้างก็วิ่งมาช่วยเหลือก่อนที่ครอบครัวเด็กจะตามมาดูแลต่อ
อลินดาเดินไปทางที่พักหลังอีกฝ่ายปลอดภัยแล้ว พร้อมรอยยิ้มดีใจประดับ
“อลิน”
“มีอะไรค่อยคุยกันนะ ฉันหนาวขอไปอาบน้ำก่อน ฮึย” ว่าพร้อมลูบแขนตัวเอง
“เอางั้นก็ได้”
อลินดาส่งยิ้มให้ก่อนเดินหลบเข้าห้องพัก กวินทร์เป็นเพื่อนสมัยเรียนและอีกฝ่ายพยายามตามจีบตลอดครึ่งปี จนกระทั่งวันนี้แหละที่เธอตั้งใจจะตอบรับความรู้สึกของเขา
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน ท้องฟ้าที่สดใสสุขสงบเมื่อเช้า กลับกลายมีพายุโหมเข้ามาตอนเย็นแทน อลินดาแต่งชุดสวยมานั่งคอยกวินทร์ในร้านอาหารที่จองเอาไว้ เวลาผ่านไปจากนาที เปลี่ยนไปเป็นชั่วโมง ไร้ร่างอีกฝ่ายมาหา โทรหาก็ไม่รับ สีหน้าที่เปี้ยมไปด้วยความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นกังวล
เดินไปหาอีกฝ่ายที่ห้องแต่เห็นเขาพาผู้หญิงเข้าห้อง เท้าเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องเสียงประสานของชายหญิงที่ได้ยิน ทำให้เธอน้ำตาตก กลับไปร้องไห้ที่ห้องนอนเงียบ ๆ คนเดียว
“อลิน”
อลินดาหันกลับไปเจอกวินทร์เดินมาหา ร่องลอยแดงเป็นจ้ำตามลำคอไม่กี่จุดมันย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอที่เฝ้าถามว่าทำไมถึงไม่รอ เสียใจที่รู้สึกดีกับเขาจนเกือบรัก และก็ต้องขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับเราเลย แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เธอจะตอบรับความรู้สึก
“ว่าไง” เธอส่งยิ้มทักทายทว่าสายตานั้นกลับว่างเปล่า
“ขอโทษที่เมื่อคืนเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร เราก็สั่งมากินที่ห้องเหมือนกัน”
เธอโกหก ก่อนจะหันมองทางอื่นแล้วถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดไปทุกอย่างยิ่งเห็นว่าใครเดินเข้ามานั่นอีก
“เอ้า อลิน เธอก็มาด้วยเหรอ”
“นดามาเที่ยวเหรอ แล้วพักที่ไหน”
“อื้อ เราพักที่นี่ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ไปเล่นน้ำด้วยกันไหม” เนตรนดาเดินเข้ามาสอดแขนคล้องกับกวินทร์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชัดเจน
เธอมองทั้งคู่ เห็นกวินทร์แกะมือหล่อนออกจากการเกาะกุม
“ไม่ละ ครบกำหนดเช็คเอาท์แล้ว เราว่าจะกลับเลย กรจะอยู่ต่อก็ได้นะ”
“เราก็จะกลับด้วย เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” กวินทร์คว้าข้อมือเธอไว้ ส่งสายตาเสียใจ แต่ถูกเจ้าหล่อนแกะมือออก
เนตรนดาชักสีหน้าไม่พอใจดึงแขนเขาและเอ่ยปากชวน
“กรอยู่เที่ยวกับนิดาก่อนสิ ถ้าอลินรีบกลับก็ปล่อยเขาไปเถอะ จริงสิ ป๊ากับม๊านดาก็มาด้วยนะ บอกว่าอยากเจอกร”
“ไปนะ” เสียงพูดแผ่วเบาเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นเดินไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ ตลอดหกเดือนที่ถูกตามจีบตามเอาใจ เป็นใครก็ต้องรู้สึกดี แต่เวลาแค่นั้นไม่สามารถพิสูจน์ความซื่อสัตย์ และมั่นคงจากใจคนได้เลย คิดว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้คัดกรองคนออกไป
อลินดากลับไปทำงานและเริ่มรักษาระยะห่างกวินทร์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังกลับจากเที่ยวทะเลครั้งนั้น กวินทร์เปิดตัวคบหากับเนตรนดา และยังประกาศหมั้นกำหนดแต่งงานที่รวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งรับไม่ทัน
“โชคดีแล้วแหละแก ที่หลุดพ้นคนแบบนั้นมาได้” เตยหอมเพื่อนสาวสองพูด
“ฉันแค่เสียใจที่เผลอรู้สึกดี”
“แกจำที่หมอดูทักได้ไหม กับเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ แต่หลังจากนี้จะได้เจอคนนั้น และชาตินี้จะได้อยู่ด้วยกัน” เตยหอมเลียนเสียงหมอดูคนนั้นพูดเตือนความจำเธอ
ช่วงต้นปีเธอมีโอกาสไปทำงานกับเตยหอมและกวินทร์ และโดนหมอดูทักเรื่องเนื้อคู่ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ถูกพระท่านทักเรื่องเดิมอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่องขึ้นถึงไม่อยากเชื่อแต่ไม่อยากลบหลู่
“ฉันว่าหลังจากนี้แกจะได้เจอเขาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ คืนนี้ตกผู้กลับห้องสักคนสิ” เตยหอมพูดทีเล่นทีจริง
“ฉันไม่ใช่แก”
“อุ๊ย! คนนั้นงานดีจัง”
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
นางขอสมรสพระราชทานเพราะรัก แต่คืนแต่งงาน เขารังเกียจนางและทิ้งไป ห้าปีผ่านไปพระชายาที่ถูกลืม กลับเป็นสตรีที่เขาต้องตามจีบ และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือลูกชายของตนเอง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY