“คราวหน้าเจ้าควรตัดเล็บให้สั้นกว่านี้นะเหม่ยเหริน” เสินอี้อวดแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเลือดซิบให้คนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงได้เห็นก่อนจะสวมเสื้อคลุมปิดทับ ยิ้มขันได้ใจเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงก่ำจนต่อคำพูด
“คราวหน้าเจ้าควรตัดเล็บให้สั้นกว่านี้นะเหม่ยเหริน” เสินอี้อวดแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเลือดซิบให้คนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงได้เห็นก่อนจะสวมเสื้อคลุมปิดทับ ยิ้มขันได้ใจเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงก่ำจนต่อคำพูด
ในจักรวาลนี้ นอกจากโลกมนุษย์แล้ว โลกคู่ขนาน ดินแดนลี้ลับ มิติพิศวง มนุษย์ต่างดาว ทุกอย่างที่มนุษย์โลกพูดถึงล้วนมีอยู่จริงในแต่ละห้วงเวลา และสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่จะเป็นวิธีไหนนั้นใครเล่าจะหยั่งรู้
‘มายา’ คือดินแดนหนึ่งในจักรวาลนี้ที่ชาวจีนตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคสมัยนี้เชื่อว่ามีอยู่จริง โดยมีเรื่องเล่าว่าชาวมายาคือลูกผสมระหว่างเทพกับปีศาจ พวกเขาจึงมีฐานะต่ำกว่าชาวเทพสวรรค์แต่เหนือกว่าชาวปีศาจ ดังนั้นพวกเขาจึงเปรียบเสมือนมิตรก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิงของสองดินแดนนี้
และผู้ที่แหกกฎรักอันลือลั่นนี้ขึ้นก็คือมหาเทพผู้ปกครองแดนสวรรค์นั่นเอง แต่ด้วยกฎของสองดินแดนที่เป็นปรปักษ์ต่อกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน ทำให้บุตรที่เกิดจากคนรักซึ่งเป็นธิดาของราชาปีศาจ ถูกสองดินแดนแย่งชิงกันเลี้ยงดู
ไม่ใช่เพราะความรักแต่เพราะอยากเป็นผู้ครอบครองพลังเวทจากเด็กที่เกิดมาต่างหาก เพราะต่างก็มั่นใจว่าเด็กจะได้รับพลังจากสองเผ่าพันธุ์มาเต็มๆ และจะกลายเป็นขุมพลังหยินหยางที่ยิ่งใหญ่ต่อดินแดนที่ได้ครอบครองเด็กเอาไว้
มหาเทพผู้เป็นบิดาและธิดาราชาปีศาจผู้เป็นมารดา เห็นความขัดแย้งเริ่มบานปลายมากขึ้น จึงตัดสินใจผนึกพลังของพวกเขาสร้างดินแดนมายาให้บุตรอันเป็นที่รักได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุข และต่างก็ส่งคนสนิทของตนให้ช่วยดูแล
หลังจากสร้างดินแดนมายาพวกเขาก็ตัดขาดกับลูกน้อย ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ อีกเพื่อยุติปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนสนิทคอยดูแลรับใช้กันเอง
บุรุษสตรีเมื่อมาเจอกัน ต่อให้ต่างเผ่าพันธุ์ดอกรักก็ยังผลิบาน ผ่านไปไม่กี่ปีทารกชาวมายาก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้น เดือดร้อนถึงผู้นำทั้งสองดินแดนอีกครั้ง เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมา ต่างก็หายใจไม่ทั่วท้องอยู่หลายปี ได้แต่เฝ้าระวังอย่างแน่นหนา
กระทั่งชาวมายาคนแรกอายุครบยี่สิบปี อยู่ๆ ก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นในกลางดึกยามจื่อ เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด บิดกายไม่เป็นท่าด้วยความทรมาน เหงื่อกาฬแตกพลั่กพร้อมน้ำตาที่ไหลนอง ร้องโหยหวนไม่ขาดปาก เส้นเลือดทั่วร่างปูดโปนแทบจะปริแตก เป็นอยู่อย่างนั้นนานจนฟ้าสางและหมดสติไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็รู้ตัวว่าพลังที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างกายอย่างยากจะควบคุมขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยลดหายไปส่วนหนึ่ง ไม่กี่วันผ่านไปก็รู้ว่าพลังที่เหลืออยู่ในร่างกายนั้นคือพลังจากแดนสวรรค์.. เรื่องนี้ทำให้ผู้นำแดนสวรรค์พึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ผู้นำแดนปีศาจกลับกังวลจนผมหลุดร่วง
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้นำทั้งสองดินแดนก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะต่อกันได้ นั่งเล่นหมากล้อมกับนางสนมคนโปรด จิบชาอย่างดี คลี่พัดขนหงสาสะบัดรับลมอย่างสบายใจ เพราะรู้แล้วว่าเมื่ออายุครบยี่สิบปีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ชาวมายาจะมีพลังอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหลืออยู่ในตัวเท่านั้น
ผ่านไปอีกสองร้อยกว่าปี ก็สรุปได้ว่าชาวมายานั้นมีอายุขัยสั้นกว่าชาวเทพและปีศาจ แต่ยืนยาวกว่ามนุษย์อยู่เล็กน้อย
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ผู้นำสองดินแดนเมตตาต่อชาวมายามากขึ้น ลงนามร่วมกันขึงเวทมนตร์ปกป้องดินแดนแห่งนี้อย่างดีที่สุด ให้ชาวมายามีอิสระในการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้ แต่พลังของพวกเขาจะอ่อนลงแปดในสิบส่วนทันทีเมื่อออกนอกเขตแดนมายา เพื่อปกปิดตัวตนจากมนุษย์ และเพื่อปกป้องมนุษย์จากชาวมายาด้วยเช่นกัน
หนึ่งพันปีผ่านไป..
ความสงบสุข ความสบายใจของผู้นำสองดินแดน ที่ช่วยกันปกป้องดินแดนมายาก็มาถึงจุดจบ
ผู้นำของสองดินแดนที่ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะห้ำหั่นจนกลายเป็นศัตรูต้องสุมหัวปรึกษากันอีกครั้ง
เนื่องจากตอนนี้ในดินแดนมายามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ในหนึ่งพันปีมานี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่แตกต่าง เพราะเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วร่างกายยังสามารถรับพลังของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ได้ พลังของเขาทำให้สวรรค์และปีศาจต่างก็หวั่นเกรง กลัวว่าสักวันหนึ่งจะเกิดความไม่สงบสุขขึ้นมา
วิธีเดียวที่จะลดทอนพลังเหล่านั้นลงได้บ้าง ก็คือการหาฟูเหรินให้เขาผู้นั้นหลายๆ คน โดยเฉพาะสตรีที่เป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในดินแดนสีเทานี้ได้นานเกินสามวัน ยกเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการถ่ายพลังด้วยการร่วมเสพสมกับชาวมายา
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เธอสุขจนไม่รู้จะสุขยังไง เสียวจนไม่รู้จะเสียวยังไง สุขแล้วสุขเล่า เสียวแล้วเสียวเล่า สุขเสียวจนแทบจะไร้แรงยืนหยัด ต้องโอบแขนกับรอบลำคอแกร่งเพื่อเป็นหลักยึด “คืนนี้จะตามใจฉันทั้งคืนใช่ไหมยอดรัก” “ค่ะ” คำตอบของเธอทำให้เขาพึงพอใจที่สุด จึงจูบปากที่บวมเจ่อนิดๆ นั้นซ้ำอีกหนักๆ ลวนลามร่างนุ่มนิ่มนั้นอย่างย่ามใจ... กว่าจะได้ถูหลังขัดขี้ไคลให้เขา เธอก็ถูกเขาจับขัดดอกไปก่อนจนแทบจะหมดแรง นับเป็นการอาบน้ำที่นานและเสียวสะท้านที่สุดเท่าที่เคยอาบมา…
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY