นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
ร้านอาหารไหมทอง
สามเดือนแล้วที่สุวิมลต้องติดอยู่ในยุคจีนโบราณ ที่ย้อนยุคกลับมาประมาณสี่ร้อยปีโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ได้อย่างไร และไม่รู้ว่าพี่น้องอีกสี่คนจะเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ก็หวังว่าพวกนั้นจะไม่โชคร้ายเหมือนเธอ
หรือ..หรือถ้าโชคร้ายเหมือนกัน เธอก็หวังว่าจะมีโอกาสได้มาเจอหน้ากันในวันหนึ่ง
“ซูวี่!.. ซูวี่!”
“ได้ยินแล้ว ทำไมต้องตะโกนเสียงลั่นทุ่งขนาดนั้นด้วย” เธอโมโหคนเรียกที่ไม่รู้จักให้เกียรติกันบ้าง และไม่สนใจว่าเขาจะพอใจหรือไม่ที่ตะโกนเสียงดังสวนกลับไป เธอวางมือจากงานล้างจานที่ยังล้างไม่เสร็จแล้วเดินเข้าไปในครัว “มีอะไร”
“ข้าปวดแขน เจ้าไปทำอาหารตามรายการนี้หน่อย” พ่อครัวที่มีนิสัยหยิ่งทระนงพอ ๆ กับความขี้เกียจยื่นกระดาษที่เขียนรายการอาหารให้หญิงสาว
“ทำไมข้าต้องทำด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า อาเกอกับอาเล้งเป็นผู้ช่วยของเจ้า ทำไมไม่ใช้พวกเขาล่ะ”
“ซูวี่ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะ ตอนนี้เราทำไม่ทันจริง ๆ ดูสิ” อาเกอหยิบรายการอาหารที่เขาต้องทำให้หญิงสาวดู
“ของข้าก็ไม่น้อยไปกว่าอาเกอหรอก” เล้งใช้ปากชี้รายการอาหารของตัวเองที่หนีบเอาไว้ตรงหน้า “ช่วยพวกเราหน่อยนะซูวี่” เขารู้ว่าภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนร้ายของนางนั้นเต็มไปด้วยมิตรไมตรี นางจะร้ายกับคนที่ร้ายใส่อย่างเสี่ยวหมานเท่านั้น
“ช่วยพวกเราหน่อยนะ ถ้าอาหารออกช้าแล้วลูกค้าไม่พอใจพวกเราซวยซ้ำซวยซ้อนแน่” อาเกอกระซิบกับหญิงสาว
“ข้าทำแทนก็ได้นะ” หญิงสาวนางหนึ่งพูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าไม่ได้ใช้เจ้า” เสี่ยวหมานรีบปฏิเสธแล้วโยนกระบวยให้หญิงสาวอีกนางหนึ่ง ที่ไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่วันแรกที่นางมาทำงานที่นี่ แต่ก็ต้องรับนางเอาไว้เพราะดันแอบชอบหญิงสาวที่พานางมาฝากฝัง “รีบออกไปจากตรงนี้เลยลี่ชุน เดี๋ยวโดนน้ำมัน น้ำร้อนกระเด็นใส่แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน ยังไม่ไปอีก!” เขาตะคอกใส่เมื่อนางเอาแต่ยืนอาลัยอาวรณ์เพื่อนรักของนาง
“ออกไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะลี่ชุน” ซูวี่เห็นลี่ชุนผู้มีพระคุณโดนดุก็จำใจต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้าพ่อครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เจ้าทำได้แน่นะ” ลี่ชุนกระซิบถามอย่างห่วงใย
“อือ” เธอไม่กลัวสักนิดที่ถูกแกล้งให้ทำอาหาร เพราะในยุคอนาคตจากนี้อีกสี่ร้อยปีที่เธอเคยอยู่ เธอเป็นถึงเจ้าของโรงเรียนสอนทำอาหารและเครื่องดื่ม และยังสอนทำอาหารผ่านโลกออนไลน์อีกด้วย
แม้อาหารในยุคนี้จะแปลกและเครื่องปรุงก็ไม่ได้มีให้เลือกมากมายเหมือนยุคของเธอ แต่พรสวรรค์ในการทำอาหารที่มีอยู่ แค่ชิม ๆ แตะ ๆ ก็สามารถปรุงออกมาได้รสชาติที่ดีได้ไม่ยาก
ที่สำคัญไปกว่านั้น ลี่ชุนเป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้..
หลังจากที่รู้สึกตัวที่ริมลำธารสายเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก็พยายามเดินหลบหลีกสายตาผู้คนที่มองเธอเหมือนตัวประหลาดมาที่หลังร้านอาหารแห่งนี้ มายืนชะเง้อคอมองตามกลิ่นอาหารที่หอมกรุ่นด้วยความหิวโหยจนนางเห็นเข้า
นางไม่ถามสักคำว่าเธอมาจากไหน ทำไมถึงแต่งตัวแปลกประหลาดกว่าคนอื่น แต่กลับช่วยเหลือด้วยการแอบเอาอาหารมาให้กินแก้หิว และพากลับบ้านที่อยู่ในตรอกแคบ ๆ ข้างร้านอาหารแห่งนี้
ดังนั้นเธอจะไม่ทำให้หญิงสาวต้องมาตกที่นั่งลำบากเพราะเธอเด็ดขาด
“มันไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่เขาแกล้งข้าแบบนี้ ไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะ”
“อือ”
“จะเป็นห่วงเป็นใยอะไรนางนัก ก็แค่ผัดผัก ไม่ได้ยากเสียหน่อย” เสี่ยวหมานบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นความห่วงใยของลี่ชุนที่มีต่อซูวี่
บนถนนสายการค้าของเมืองหลวง
“ท่านชาย”
“จะบอกให้ข้ารีบกลับบ้านใช่ไหม”
“ท่านก็รู้นี่”
“ข้ายังไม่อยากกลับ ก็บอกแล้วไงว่าหิว ๆ ๆ”
“ก็รีบกลับไปสะ..กินที่บ้านสิ” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างผอมเพรียว เตี้ยกว่าอีกฝ่ายเกือบ ๆ ฉือกระซิบตอบ
“ถ้าไม่อยากถูกข้าเล่นงานกลางตลาดก็ปิดปากให้สนิท” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงโปร่งแต่ไม่เพรียวบางเหมือนคนข้าง ๆ กระซิบขู่หน้าตึง
“อย่างนั้นกินเสร็จแล้วรีบกลับนะท่านชาย”
“คราวหน้าข้าจะไม่พาเจ้ามาด้วยแล้ว”
“โธ่ท่านชาย”
“หุบปากเจ้าซะ!” ตะคอกใส่คนใกล้ตัวเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมอง
อวี่กงได้แต่ทอดถอนใจ ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีกแม้คำเดียว ขันทีอย่างเขาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทขององค์รัชทายาทผู้นี้ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องยอมตลอด แม้สิ่งที่พระองค์ทำจะเป็นความผิดก็ตาม คิดแล้วก็น่าน้อยใจนักที่ไม่เคยเมินใส่พระองค์ได้สักที
“อวี่กง”
“พ่ะ.. ขอรับ” รีบกลับคำเมื่อเจอสายตาอาฆาต
“ร้านไหมทองหรือร้านหมูทองดีล่ะ” เขาชี้ไปที่ร้านด้านขวามือแล้วค่อยชี้ไปที่ร้านด้านซ้ายมือ
“แล้วแต่ท่าน”
“ข้าตามใจเจ้า อยากกินร้านไหนเลือกมาได้เลย”
นี่ไงแบบนี้ไง ตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ตลอด แล้วใครจะไปโกรธได้ลงคอ
“ร้านไหมทอง” คราวที่แล้วพระองค์เปรย ๆ กับเขาว่าอยากกินผัดผักบุ้งที่ร้านไหมทองเพราะรสชาติอร่อยถูกปากมาก จึงเลือกที่นี่เพื่อพระองค์
“ใจเราตรงกันอีกแล้ว” รัชทายาทขยิบตาให้ขันทีคนสนิทแล้วเลี้ยวขวา เดินเข้าไปในร้านอาหารไหมทอง
“นายท่าน ยินดีต้อนรับขอรับ” หลงจู๊ประจำร้านโค้งศีรษะทักทายลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม “วันนี้นั่งชั้นบนหรือชั้นล่างดี”
“เจ้าจำข้าได้ด้วยเหรอ ข้าเพิ่งมาที่ร้านเจ้าแค่สองครั้งเองนะ”
“จำได้สิขอรับ ครั้งแรกท่านเลือกนั่งที่ชั้นล่างทางด้านนั้น ครั้งที่สองท่านต้องการความเป็นส่วนตัวจึงเลือกนั่งที่ชั้นบน” ทำไมเขาจะจำไม่ได้เล่า ในเมื่อพวกเขารูปงามเปล่งประกายแบบคนชั้นสูงมาก ๆ เพียงแค่เดินเข้ามาในร้านก็พาให้คนอื่นดูมัวหมองในทันที โดยเฉพาะบุรุษที่รูปร่างสูงโปร่งกว่า
“น่าประทับใจนัก วันนี้คนยังเต็มร้านเหมือนเดิมนะ ข้าไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ขอนั่งชั้นบนก็แล้วกัน”
“ได้ขอรับ อาเว่ย พาท่านชายทั้งสองขึ้นไปที่ชั้นบน” หลงจู๊ตอบรับและสั่งการอย่างรวดเร็ว
“ทางนี้ขอรับนายท่าน” อาเว่ยพาบุรุษรูปงามทั้งสองขึ้นไปยังชั้นบนและให้พวกเขาเลือกนั่งตามใจชอบ ซึ่งก็มีที่ว่างอยู่ไม่มากนัก
“ท่านชายจะสั่งอาหารเลยไหมขอรับ หรือจะรับสุราก่อนดี”
“วันนี้ข้าไม่อยากดื่มสุรา ขอสั่งอาหารเลยก็แล้วกัน เจ้าสั่ง” องค์รัชทายาทรูปงามผลักภาระให้ขันทีผู้ติดตาม
“ผัดผักบุ้ง ถั่วคั่วเกลือ ต้มหวานปลาตะเพียน ข้าวต้มงาดำสองถ้วย” อวี่กงสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เลือกแต่สิ่งที่รัชทายาทเคยพูดว่าถูกปาก
“ขอรับ” อาเว่ยจดรายการอาหารลงในกระดาษแล้วโค้งศีรษะปิดท้ายก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง
หลังจากนั้นไม่นานก็กลับขึ้นมาพร้อมถาดบรรจุอาหาร บรรจงวางทุกอย่างลงบนโต๊ะอย่างสุภาพ
“เชิญกินให้อร่อยนะขอรับ” แล้วโค้งศีรษะกล่าวลา
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เธอสุขจนไม่รู้จะสุขยังไง เสียวจนไม่รู้จะเสียวยังไง สุขแล้วสุขเล่า เสียวแล้วเสียวเล่า สุขเสียวจนแทบจะไร้แรงยืนหยัด ต้องโอบแขนกับรอบลำคอแกร่งเพื่อเป็นหลักยึด “คืนนี้จะตามใจฉันทั้งคืนใช่ไหมยอดรัก” “ค่ะ” คำตอบของเธอทำให้เขาพึงพอใจที่สุด จึงจูบปากที่บวมเจ่อนิดๆ นั้นซ้ำอีกหนักๆ ลวนลามร่างนุ่มนิ่มนั้นอย่างย่ามใจ... กว่าจะได้ถูหลังขัดขี้ไคลให้เขา เธอก็ถูกเขาจับขัดดอกไปก่อนจนแทบจะหมดแรง นับเป็นการอาบน้ำที่นานและเสียวสะท้านที่สุดเท่าที่เคยอาบมา…
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY