เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
1
ภัสรินตื่นขึ้นมาจากเตียงในตอนเช้าตรู่ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นนัก เธอตะแคงไปอีกด้านของเตียงก็พบแต่ความว่างเปล่า รวิศผู้เป็นสามีไม่ได้นอนร่วมเตียงกับเธอมานานมากแล้ว
เขานอนห้องอื่น หรือไม่ก็ออกไปนอนที่อื่น ในวันนี้ภัสรินรู้สึกเหนื่อยล้ากายใจเป็นที่สุด หลายปีแล้วที่เธอรักเขาข้างเดียวมาตลอด แต่เขากลับเย็นชาไร้หัวใจ
เขาคงไปหาน้องสาวของเธอ เพราะญาตาวีกลับมาหลายเดือนแล้ว ช่วงนี้พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ญาตาวีคือรักแรกของรวิศ ส่วนเธอแค่แอบรักเขา เพราะเขาเคยช่วยชีวิตของเธอเอาไว้จากพวกอันธพาลและการจมน้ำ หลังจากนั้นเธอก็แอบปลื้มเขามาตลอด แต่เพราะรู้ดีว่าเขารักน้องสาวของเธอ เธอจึงแอบเก็บเขาเอาไว้ในหัวใจ ไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เพราะไม่อยากโดนหาว่าแย่งคู่หมั้นน้องสาวตัวเอง
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เขากับเธอถูกวางยาในงานเลี้ยง แล้วมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ทำให้เขาต้องรับผิดชอบแต่งงานกับเธอ ในวันนั้นญาตาวีเข้ามาเห็นเหตุการณ์เหมือนกับทุกคน เธอจึงขอเลิกกับรวิศ อีกทั้งไดอารี่สารภาพรักที่เธอแอบเขียนความรู้สึกที่มีต่อรวิศก็ถูกพบเข้าเพราะสาวใช้ในบ้านเข้าไปซอกแซกกับของใช้ส่วนตัวของเธอ ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอแอบชอบรวิศ พี่ชายข้างบ้านที่เป็นคู่หมั้นกับน้องสาวตัวเอง ดังนั้นทุกคนจึงสรุปว่าที่รวิศโดนวางยาเป็นฝีมือของเธอ และเพื่อให้แนบเนียนว่าตัวเองเป็นเหยื่อจึงวางยาตัวเองด้วย
เธอโดนกล่าวหาว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะแอบรักรวิศมานาน จึงอยากแย่งรวิศมาจากน้องสาวซึ่งเป็นทายาทตัวจริงของตระกูล แต่เธอเป็นแค่ลูกสาวบุญธรรมจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่บิดามารดาเก็บมาอุปการะเลี้ยงดูเอาไว้ ตามความเชื่อที่ว่าหากเอาเด็กมาเลี้ยง ลูกอิจฉาจะมาเกิด
เธอสัมผัสได้ถึงความรักของบิดามารดาบุญธรรมอยู่บ้าง แต่พอพวกเขามีลูกเป็นของตัวเอง ความรักทั้งหมดก็ถูกทุ่มเทไปให้ญาตาวีจนหมด เธอจึงเป็นเพียงเงาไร้ค่าในบ้านเท่านั้น
“คุณแม่ คุณแม่ครับ” ร่างของลูกชายตัวน้อยโถมเข้ามาหามารดาทั้งตัว ทำให้สองแม่ลูกล้มลงไปบนเตียง
“โอ๊ย! เด็กอะไรตัวหนักจัง” เธอจับแก้มยุ้ยๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะตบแก้มเบาๆ ด้วยมือทั้งสองข้างด้วยท่าทีเอ็นดู
“หิวจังเลยครับ อยากกินอาหารฝีมือคุณแม่จัง” เด็กชายตัวน้อยอ้อนมารดา
“ได้สิครับ อยากกินอะไรให้บอกมาเลย แม่จะทำให้กินทุกอย่างเลย”
“อยากกินขนมปังหน้าหมูครับ”
“งั้นรอแม่ประเดี๋ยวเดียว รับรองว่าได้กินแน่นอนครับ”
ภัสรินลุกขึ้นจากเตียง พาลูกชายตัวน้อยไปห้องน้ำ เธออุ้มเจ้าตัวซนขึ้นเก้าอี้เล็กเพื่อแปรงฟัน ล้างหน้า และอาบน้ำให้สะอาด กลิ่นสบู่หอมอ่อน ๆ ลอยอบอวลอยู่ในห้องน้ำ เสียงหัวเราะใส ๆ ของลูกชายทำให้หัวใจที่เหนื่อยล้าของเธออบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
“น้ำอุ่นไหมครับคนเก่ง” เธอถามพลางใช้ฝักบัวรินน้ำผ่านเรือนผมเด็กน้อย
“อุ่นครับ คุณแม่สระผมให้ด้วยนะครับ” เด็กชายยิ้มตาหยี หยดน้ำเกาะตามขนตา
หลังเช็ดตัวและแต่งชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นให้ลูกชายเรียบร้อย สองแม่ลูกก็จูงมือกันลงมายังชั้นล่าง กลิ่นแดดยามเช้าส่องลอดหน้าต่างห้องครัวเข้ามาเป็นลำ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นอย่างประหลาด
ภัสรินเริ่มจัดเตรียมอาหารเช้า ขนมปังถูกทาด้วยหมูสับหมักปรุงรสแล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมนมอุ่น ๆ หอมละมุนสำหรับลูกชายตัวน้อยที่เธอรักมากที่สุด ส่วนเธอเตรียมข้าวต้มทรงเครื่องใส่หมูสับ เห็ดหอม และต้นหอมซอย กลิ่นน้ำซุปหวานอ่อน ๆ ลอยคลุ้งไปทั่วครัว
“ว้าว! น่ากินจังเลยครับคุณแม่” เด็กชายยิ้มกว้าง นั่งรออย่างตื่นเต้น
“กินให้อิ่มนะครับ จะได้มีแรง” เธอยื่นจานขนมปังหน้าหมูให้ ก่อนจะตักข้าวต้มใส่ถ้วยของตัวเอง
เสียงหัวเราะของลูกชายดังคลอไปกับเสียงช้อนกระทบจาน เป็นเช้าที่เธออยากเก็บไว้ในความทรงจำ แม้ว่าชีวิตครอบครัวของเธอจะไม่สมบูรณ์เหมือนดังหวัง แต่สำหรับเธอ แค่ได้เห็นลูกมีความสุขในทุกเช้า ก็เพียงพอแล้ว อดนึกไปถึงลูกสาวอีกคนเสียไม่ได้ ขานั้นติดพ่อเสียยิ่งกว่าอะไร อ้อนพ่อขอโน่นขอนี่ เมื่อก่อนเคยอ้อนเธอเหมือนกัน แต่หลังจากที่ญาตาวี น้องสาวของเธอกลับมาจากต่างประเทศ อีกฝ่ายก็หันไปอ้อนว่าที่แม่ใหม่ในทันที
ผ่านไปไม่นาน รวิศก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง อุ้มอาริศาหรือหนูศา ลูกสาวตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน ด้านหลังมีญาตาวีเดินตามมาพร้อมกับจูงมือเด็กชายตัวเล็กที่มีใบหน้าซีดเซียว ธเนศลูกชายของหล่อนนั่นเอง
สายตาของภัสรินที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่กับลูกชายหันไปมองในทันที พวกเขาเหมือนครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พ่อแม่ลูกชายและลูกสาว ความเย็นชาของรวิศยังคงเหมือนเดิม สีหน้าที่เขามองเธอยังนิ่งเฉยและเรียบสนิทเหมือนเดิม
“ธเนศไม่สบาย ฉันเลยต้องช่วยวีดูแลลูก” เขาพูดเสียงเนิบนาบ แต่คล้ายเป็นการอธิบายกลาย ๆ
ภัสรินยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความน้อยใจจนด้านชา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่สบายก็พาไปหาหมอสิคะ เพิ่งรู้ว่าพี่เป็นหมอ”
บรรยากาศเงียบกริบขึ้นมาในทันที รวิศเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ปกติแล้วภัสรินไม่เคยมีปากเสียงกับเขา หรือตอกหน้าเขาแบบนี้ ถ้าไม่พอใจเธอก็เลือกที่จะเงียบเสียมากกว่า นั่นทำให้ตลอดหลายปีมานี้เขาเริ่มใจอ่อน แม้ว่าในอดีตเธอจะมีแผนร้ายวางยาเขาก็ตามที
ญาตาวีเห็นท่าทีของรวิศ เธอจึงรีบขยับเข้าไปใกล้ พลางจับมือของภัสรินเอาไว้ด้วยทำทีเป็นอ่อนโยน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“พี่ริน อย่าโกรธเลยนะคะ พี่วิศก็แค่ห่วงลูก เลยรีบไปดูแล วีเองก็เกรงใจ แต่พี่วิศอยากให้เห็นกับตาว่าตาเนศไม่ได้เป็นอะไร ถึงจะสบายใจ เป็นความผิดของวีเองที่ไม่รู้จะโทร. หาใคร เลยโทร. หาพี่วิศน่ะค่ะ”
ญาตาวีแกล้งทำเสียงอ่อนเสียงหวาน มือที่จับเริ่มบีบแรงขึ้นโดยไม่ให้ใครสังเกต ภัสรินขมวดคิ้ว ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะสะบัดออกด้วยความเจ็บ ญาตาวีแกล้งเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะล้มลงอย่างจงใจ
“โอ๊ย!” เสียงของหล่อนร้องขึ้นมาเหมือนเจ็บ
รวิศหันขวับมามอง สายตาวาวโรจน์
“นี่เธอทำร้ายคนอื่นอีกแล้วเหรอ”
“ฉันไม่ได้ทำ” เธอตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่หลบสายตา
“นี่เธอ! ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้” รวิศง้างมือขึ้นทำท่าจะลงโทษ แต่ก็ต้องชะงักเพราะถึงจะโกรธขนาดไหน เขาก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอเลยสักครั้ง
ภากรเข้ามาขวางบิดาเอาไว้ พร้อมทั้งอ้าแขนออกเพื่อปกป้องมารดา
โปรย เข้าห้องผิดชีวิตเปลี่ยน!!! +++ “เธอเป็นใคร” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม สีหน้าที่รกไปด้วยหนวดเคราและร่างสูงใหญ่ที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งทำให้นิรินมีท่าทีหวาดกลัว ร่างบอบบางพยายามดิ้นแต่เขาข่มขู่เสียงเข้มทำให้เธอไม่กล้าดิ้น “ถ้าเธอดิ้นอีกฉันจะปาดคอเธอซะ” เขานึกครึ้มอกครึ้มใจอยากแกล้งคนขี้กลัว เธอหยุดกึกในขณะที่มือบอบบางถูกกดเอาไว้เหนือศีรษะ “ตอบคำถามมาเสียดีๆ ห้ามโวยวายกรีดร้องไม่งั้นได้เป็นศพก่อนจะมีคนมาช่วยแน่ๆ” พอเขาพูดแบบนั้นเธอก็รีบพยักหน้าทันที ร่างของเขายังคร่อมทับร่างของเธออยู่ หญิงสาวกลัวจนตัวสั่น พอเขาปล่อยเธอก็ทำท่าจะร้อง “อื้อ...” เขาก้มลงบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม เธอรัวกำปั้นทุบแผ่นหลังเขาระรัว พอเขาปล่อย เธอทำท่าจะกรีดร้องเขาก็บดจูบลงมาอีกครั้ง นิรินหอบหายใจระรัวเมื่อเขาปลดปล่อยริมฝีปากเธออีกหน “เธอเป็นใคร” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม “ไอ้โจรห้าร้อย” “ใครบอกว่าฉันเป็นโจรห้าร้อย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่ยี่สิบ ฉันเป็นโจรยี่สิบบาทต่างหากล่ะ” เธอกะพริบตาปริบๆ กับประโยคของเขา “เธอเป็นใคร” นรราชถามซ้ำ หรี่ตามองคนใต้ร่าง เขาเห็นใบหน้าของเธอไม่ชัดจึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แสงสลัวจากโคมไฟทำให้มองเห็นใบหน้าของสาวน้อยชัดเจน ใบหน้าหวานหยดคุ้นเคยนั้นทำให้นรราชชะงักงัน “ทำไมไม่ตอบคำถามล่ะ” เสียงของเขาเหมือนสำลักเมื่อได้เห็นใบหน้ากลมหวาน ดวงตากลมโต คิ้วโก่งเรียวงาม ริมฝีปากเต็มอิ่ม เขาอยากหอมแก้มสาวแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว “ลุงราช” นิรินจำเขาได้ หลานชายคนโตของคุณย่าทวดลักษณ์นาราผู้แสนใจดี แต่หลานชายของท่านโคตรใจร้าย แม้ใบหน้าของเขาจะรกไปด้วยหนวดเคราแต่เธอก็จำเขาได้ ปีหนึ่งจะได้เจอกันหนึ่งครั้ง บิดาของเธอกับนรราชไม่ใคร่จะลงรอยกันนัก และท่านก็ไม่ต้องการให้เธอยุ่งเกี่ยวกับเขาเป็นอันขาด...
ในวันที่เธอกำลังตั้งครรภ์ชีวิตน้อยๆ อันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขากลับไล่เธอออกจากชีวิตเหมือนผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง เธอรักเขานั้นคือเรื่องจริง แต่เขานั้นรักเธอจริงตามปากพูดไหม เธอชักไม่แน่ใจ เพราะแค่ความไว้วางใจที่จะสืบหาความจริงเขากลับไม่ทำ เธอทิ้งทุกอย่างเพื่อยอมเป็นเมียลับให้แก่เขา ยอมให้แม่และน้องของเขาโขกสับสารพัด หากเขาไม่เห็นค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาไม่เหลียวหลัง แต่หากในวันที่เธอเข้มแข็ง ยืนหยัดได้ เขากลับมาอีกครั้งพร้อมขอโอกาส และครั้งนี้เธอไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายถูกเลือก แต่เธอจะเป็นฝ่ายเลือกว่าจะตัดสินใจเช่นไร และเธอจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายเธอเป็นครั้งที่สองอีก ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “มีที่หมายใหม่เร็วดีนะ นายเข้มคงชั่วคราวเพราะไม่รวยเท่านายพีรพลอะไรนั่นสินะ” ประโยคที่พูดขึ้นลอย ๆ ทางด้านหลังทำให้เธอหันขวับไปมอง ก่อนที่พรนัชชาจะเดินหนีออกไปจากหน้าห้องน้ำ ไม่อยากเสวนากับคนแบบเขาอีก แดนไทยตามมากระชากแขนของเธอเอาไว้ พรนัชชาก็สะบัดจนหลุด “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” ประโยคแสนห่างเกินนั้นทำให้แดนไทยหน้าตึง “ทำไมพูดกับผัวเก่าห่างเหินขนาดนั้นล่ะ” แดนไทยเอ่ยถามอย่างเยาะหยัน “ก็แค่ผัวเก่า เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว” เธอตอกกลับพลางเชิดหน้าขึ้น อย่างเย่อหยิ่ง แดนไทยถึงกับชะงักไป เพราะเธอดูเปลี่ยนไปมาก “ตกลงจะเอาคนนี้เหรอ แต่จริง ๆ ฉันก็รวยไม่แพ้นายพีนี่นะ ถ้ายอมมาเป็นนางบำเรอของฉัน ฉันจะให้มากกว่ามัน ให้แบบถึงใจทั้งเรื่องเงินและเรื่องบนเตียง ไม่ต้องลักลอบไปหานายเข้มอีก” เพี้ยะ!!! เสียงเพี้ยะดังขึ้น ใบหน้าของแดนไทยหันไปตามแรงตบ “นี่เธอกล้าตบฉันอย่างนั้นเหรอ” “นี่ยังน้อยไปกับปากโสโครกอย่างคุณ ฉันตัดสินใจถูกแล้วที่เดินออกมาจากชีวิตของคนที่ไม่เห็นคุณค่าของฉัน คุณรู้จักฉันมานานหลายปีแล้วแต่คุณไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอคุณแดนไทยว่าฉันเป็นคนยังไง” “ฉันเคยคิดว่าเธอดีไง เลยเชื่อว่าเธอเป็นคนดี แต่ใจของคนเรายากแท้หยั่งถึง ความดีที่แสดงออกมาอาจจะเป็นการเสแสร้งแกล้งทำก็ได้ไม่ใช่เหรอ ฉันเชื่อในสิ่งที่เห็น ถ้าฉันไม่เชื่อนี่แหละแสดงว่าฉันทั้งบ้าและโง่”
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด