เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
บทที่ 1 ติ่งพระรอง
ภัทราเดินปึงปังเข้ามาในห้องนั่งเล่นของตัวเอง พลางโยนแท็บเล็ตลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ปัง!” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือเท้าสะเอว สายตาจับจ้องไปยังแท็บเล็ตที่ยังคงเปิดค้างอยู่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความขัดข้องใจ
หน้าจอแสดงภาพหน้านิยายเรื่อง “ชะตารักพันธนาการ” ที่ภัทราเพิ่งอ่านจบไปสดๆ ร้อนๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คิ้วขมวดแน่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ความรู้สึกโกรธเคืองแทนหานอี้หลงยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในอก ตัวละครพระรองที่เธอตกหลุมรักดั่งชายในดวงใจกลับต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าสลด เขามอบทั้งชีวิตและจิตใจให้กับนางเอกของเรื่อง “หยางชิวเหยา” แต่สุดท้ายกลับถูกทอดทิ้ง และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้ายในสายตาของทุกคนอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพราะว่านักเขียนแต่งให้หานอี้หลงเป็นเพียงพระรองของเรื่องเท่านั้น
“ทำไมถึงทำแบบนี้กับหานอี้หลง...หานอี้หลงออกจะดีขนาดนั้น…ทำไมถึงจบแบบนี้ไปได้...นักเขียนใจร้ายมากเลย” ภัทรายังคงบ่นอุบออกมาเบาๆ แต่ด้วยความอินจัด น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่พอใจอยู่มากคล้ายกับว่าเธอเองเป็นคนที่ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับตัวละครก็ไม่ปาน
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นมาจากมุมห้องนั่งเล่น เอริน เพื่อนสนิทของภัทราที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล ส่ายหัวเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทอย่างนึกขบขันในความอินจัดของเพื่อนสนิท “ภัทรา...แกนี่มันอินมากเกินไปแล้ว มันก็แค่นิยายหรือเปล่าวะ หานอี้หลงเป็นพระรองจะสมหวังกับนางเอกได้ยังไง แกเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว เดี๋ยวจะเป็นประสาทไปเสียก่อน”
ภัทราหันขวับไปหาเพื่อน พลางยืดตัวตรง สองมือกอดอก “เอริน...แกจะไปเข้าใจอะไรกัน นักเขียนใจร้ายกับหานอี้หลงมากเกินไปแล้ว เขาทั้งแสนดี ทั้งอบอุ่น ขนาดโดนหยางชิวเหยาทำถึงขนาดนี้ก็ยังรักนางจนลมหายใจสุดท้าย มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย หานอี้หลงควรได้มีความสุขบ้างสิ”
เอรินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “โอ๊ย...ภัทรา...ผู้ชายที่ดีขนาดแกว่าก็มีแต่ในนิยายที่แกกำลังเพ้ออยู่นี่แหละ”
“แต่หานอี้หลงนี่สเปคฉันเลยนะ นี่ถ้าฉันเป็นหยางชิวเหยานะ...ฉันจะหอมซ้ายหอมขวาทั้งวัน ไม่มีสายตาไว้มองใครเลย...ให้ตายเถอะ”
“จ้า...พ่อพระรองแสนดี...ดีแล้วจับมาทำสามีได้หรือเปล่า ฉันว่าขืนแกยังฟุ้งซ่านและเพ้อเจ้ออยู่กับนิยายแบบนี้ สงสัยชาตินี้แกคงได้ขึ้นคานแน่ๆ”
“เชอะ...ไม่เห็นจะสนใจเลย ถ้าฉันไม่เจอผู้ชายแบบหานอี้หลง ฉันยอมขึ้นคานดีกว่า”
“เออ เออ ฉันไม่เถียงกับแกแล้ว แกก็เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ฉันกับพวกน้ำฝนจะไปเที่ยวคืนนี้ สนใจไปด้วยกันไหม”
ภัทราส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่เอา ฉันไม่มีอารมณ์ แกไปกันเองเถอะ”
เอรินส่ายหน้าอีกครั้งเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น หยิบกระเป๋าถือและเสื้อคลุมตัวบางที่แขวนไว้บนเก้าอี้ “ตามใจแกแล้วกัน เชิญแกอยู่กับพระรองในจินตนาการของแกต่อไป ส่วนฉันจะไปหาพระเอกในชีวิตจริง แล้วอย่ามาบ่นเสียดายทีหลังแล้วกัน”
ภัทรามุ่ยหน้าค้อนใส่เอรินอีกครั้ง ก่อนจะหันไปจ้องมองหน้าจอแท็บเล็ตเช่นเดิม
เอรินได้แต่กลอกตาและส่ายหน้าอีกครั้ง “แล้วถ้าจะอินขนาดนี้ อย่ามานอนบ่นในกลุ่มแชทตอนดึกนะ พวกเราจะสมน้ำหน้าให้ คอยดู” พูดจบเอรินก็ลุกออกจากห้องไป ปล่อยทิ้งให้ภัทราอยู่ภายในห้องตามลำพังคนเดียว
ภัทราทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม สายตายังคงจับจ้องไปที่แท็บเล็ตหน้าจอที่ยังเปิดนิยายค้างไว้อยู่ ในใจของเธอยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและความค้างคาใจอย่างไม่จางหาย หานอี้หลง…ชายหนุ่มที่เธอรู้สึกว่าเขาควรได้รับความสุขมากกว่านี้ แต่เขากลับมีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างที่สุด ภัทราหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเลื่อนดูนิยายอีกครั้งไปมาอย่างเลื่อนลอย
ไม่นานนักความเมื่อยล้าจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและความเครียดสะสมในระหว่างวันก็เริ่มเข้าครอบงำเธอ ดวงตาของภัทราเริ่มปรือต่ำ ก่อนจะปิดลงอย่างช้าๆ แท็บเล็ตหลุดร่วงจากมือของเธอและตกลงบนหมอนด้านข้าง เสียงลมหายใจที่ค่อยๆ สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเธอได้หลับลงไปเรียบร้อยแล้ว
ในความฝัน ภัทรารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบใต้ฝ่าเท้าให้ความรู้สึกหนาวเหน็บและเย็นเยือกเข้ามาภายในหัวใจ ภัทรากวาดสายตามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ สวนกว้างใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากชนิดชวนให้ดูงดงาม แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและเงียบงันจนน่าใจหาย
“ที่นี่คือที่ไหน…” ภัทราพึมพำกับตัวเอง เสียงของเธอก้องสะท้อนในความว่างเปล่า
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากที่ไกลๆ ภัทราหันไปเพ่งมองอย่างจริงจัง และในความมืดมิดที่อยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาช้าๆ เขาสวมชุดยาวสีขาวลวดลายปักเลื่อมทองที่ดูสง่างาม ใบหน้าคมคายที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดโบราณ ดวงตาเฉียบคมของเขามองมาที่เธออย่างไม่ละสายตา
ภัทรายืนนิ่งตกตะลึงกับภาพที่เห็น ชายคนนี้…หานอี้หลง ตัวละครที่เธอหลงใหลในนิยาย แต่บัดนี้เขากลับยืนอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ
“คุณ… หานอี้หลง… ใช่ไหม” ภัทราถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือระคนตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
ชายคนดังกล่าวมิได้ตอบสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่มุมปาก
หัวใจของภัทราเต้นรัวด้วยความตกใจและสับสน เธอไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความฝันหรือความจริง แต่แววตาของหานอี้หลงที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
ภัทราพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าชายหนุ่มตรงหน้าเอาไว้ แต่แล้วเมื่อมือใกล้จะสัมผัสชายหนุ่มตรงหน้า หมอกควันขาวก็เข้าปกคลุมแทนที่ด้วยความว่างเปล่า ภัทรารีบหันซ้ายหันขวาพยายามตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าวอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง และไฟฟ้าช็อตวาบจนห้องมืดสนิทไปชั่วขณะ ก่อนที่ร่างของภัทราจะถูกดูดเข้าไปในบางสิ่งบางอย่างราวกับแรงดึงดูดมหาศาลจนกระทั่งหายวับไปในพริบตา
เมื่อธีร์หลงรักวินเพื่อนสนิทของเขามานานนับปี จนวันหนึ่งเขาได้มีโอกาสครอบครองวินสมใจ แล้วคนเช่นเขาจะยอมให้ใครกล้ายุ่งกับคนของเขาได้อีกเล่า
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY