/0/22739/coverbig.jpg?v=f19133db5267f41b56ed275efd660b64)
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
“เพล้ง...โครม” เสียงข้าวของที่ตกลงกระทบพื้นดังสนั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ของจวนราชครูเผิงอันหนิง เสียงกรีดร้องโวยวายของเผิงฟู่หลินยังคงดังออกมาไม่หยุด นางกรีดร้องโวยวายอาละวาดอย่างคนกำลังเสียสติ หากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางนางแม้แต่คนเดียว
สาวใช้ทั้งหลายต่างหันมองหน้ากันด้วยความแตกตื่น ข้าวของราคาแพงและหายากมากมายถูกทำลายเพียงเสี้ยวนาทีเดียว จนตอนนี้พื้นห้องโถงเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องที่แตกละเอียดและกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณห้อง
ราชครูเผิงรีบโบกมือไล่พวกนางให้ออกจากห้องไปเสียก่อน ตอนนี้เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ฮูหยินเซียงก็ได้แต่พยักพเยิดให้เหล่าสาวใช้รีบออกไปโดยเร็ว
“หลินเอ๋อร์ เจ้าหยุดร้องไห้ก่อนเถิด ท่านพ่อของเจ้าต้องหาวิธีจัดการให้เจ้าเป็นแน่” ฮูหยินเซียงตรงเข้าปลอบใจบุตรสาวที่กำลังอาละวาดไม่หยุด นางหันมองหน้าสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ยอม ท่านพ่อ ข้าไม่ยอมรับ เหตุใดราชโองการสมรสจึงเป็นเสี่ยวว่าน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ข้าจะไปพบท่านพี่ซูเว่ยเดี๋ยวนี้” เผิงฟู่หลินร้องไห้คร่ำครวญ นางสะบัดตัวก่อนจะยืนตรงหน้าบิดาของตนอย่างไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าวของบุตรสาวทำเอาราชครูเผิงถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัวยิ่งนัก
“ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้า ท่านต้องช่วยข้านะ” เผิงฟู่หลินรีบหันไปหามารดาของตนทันที นางร้องไห้ปิ่มขาดใจ
สภาพของบุตรสาวในเวลานี้ยิ่งทำให้ฮูหยินเซียงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมาบุตรสาวของนางถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาโดยตลอด หากอยากได้ดาวต้องได้ หากอยากได้ลมย่อมต้องได้เช่นกัน แต่บัดนี้ราชโองการที่ส่งมายังจวนกลับเหมือนสายฟ้าผ่า แล้วบุตรสาวของนางจะทนรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านพอจะมีทางช่วยเหลือหลินเอ๋อร์สักหน่อยได้หรือไม่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าหลินเอ๋อร์เศร้าเสียใจปานใด” ฮูหยินเซียงรีบกล่าวอ้อนวอนกับสามี นางมิอาจทนดูบุตรสาวในสภาพเช่นนี้ได้อีกต่อไป
“หลินเอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ในเมื่อฮ่องเต้มีราชโองการมาเช่นนี้ เจ้าก็จงตัดใจเสียก็แล้วกัน ไว้วันหน้าข้ารับปากเจ้า ข้าจะต้องหาคนดี ๆ ที่เหมาะสมให้กับเจ้าเป็นแน่” ราชครูเผิงพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวคนเล็กอย่างรู้สึกยากลำบากใจ เขาคงตามใจบุตรสาวคนนี้มากจนเกินไปกระมัง ถึงทำให้นางอาละวาดเอาแต่ใจมากมายเยี่ยงนี้
“ข้าไม่ต้องการคนดีที่ไหน ข้าต้องการแต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟูหลินยังคงไม่ยอมรับ นางรักปักใจอยู่กับหนี่ซูเว่ยมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แล้วจะให้นางตัดใจแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไรกัน เผิงฟู่หลินตะโกนออกมาพร้อมจ้องมองบิดาของตนตาเขม็ง
“หลินเอ๋อร์...เจ้า...เฮ้อ...” ราชครูเผิงถึงกับถอนหายใจออกมากับท่าทางหัวแข็งของนาง เขารู้สึกจนปัญญาที่จะจัดการกับบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้เสียเหลือเกิน
“ท่านพ่อ ท่านต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ข้านะ ข้าเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ ผู้คนในเมืองหลวงนี้ต่างก็รู้ดีว่า คนที่สมควรได้แต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยควรจะเป็นข้า...เป็นข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟู่หลินรีบวิ่งมาเกาะแขนบิดาของนาง หญิงสาวอ้อนวอนบิดาของตนพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มนวล
เมื่อเผิงฟู่หลินเห็นบิดายังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น นางจึงเชิดหน้าขึ้นพร้อมปาดน้ำตาทั้งสองข้าง “ถ้าท่านพ่อไม่จัดการให้ข้า เช่นนั้นข้ายอมแต่งเป็นอนุของท่านพี่ซูเว่ยก็ย่อมได้” น้ำเสียงจริงจัง แววตาหมายมาด มองบิดาของตนอย่างท้าทาย ทำเอาราชครูเผิงถึงกับตะลึงกับความดื้อรั้นของบุตรสาวตรงหน้า เลือดในกายสูบฉีดจนตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห
“เหลวไหล ข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ” ราชครูเผิงหันมาตำหนิบุตรสาวของตนด้วยนึกหงุดหงิดใจ ใช่ว่าตัวเขาเองจะไม่แปลกใจกับราชโองการที่ได้รับมาเมื่อสักครู่ แต่เขาย่อมรู้ดีว่ากษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ แม้เขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตและเป็นที่เกรงใจฮ่องเต้อยู่หลายส่วน แต่การจะไปขัดราชโองการนั้นย่อมเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ความคิดของเผิงฟู่หลินนั้นยิ่งทำให้เขาถึงกับกุมขมับ เขาจะยอมให้พี่น้องแต่งร่วมชายคนเดียวกันได้อย่างไร ซ้ำยังจะให้บุตรสาวที่ตนรักนักหนาแต่งเข้าเป็นอนุอีกต่างหาก นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางยอมรับไปได้เป็นแน่
เผิงฟู่หลินมองหน้าบิดาของตนด้วยความผิดหวัง นางร้องตะโกนอย่างคนสิ้นสติ “ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร เสี่ยวว่านนางมีสิทธิ์อันใดมาแย่งคนรักของข้า นางมีสิทธิ์อันใดกัน ต้องเป็นนางแน่ ๆ ที่ใช้มารยาหลอกล่อท่านพี่ซูเว่ยให้หลงกล ข้าจะไปจัดการนางเดี๋ยวนี้”
ราชครูเผิงหมดความอดกลั้น เขาเผลอเงื้อมือขึ้นตบลงใบหน้าของเผิงฟู่หลินเข้า ทำเอาใบหน้าขาวนวลสะบัดไปอย่างแรงพร้อมรอยแดงปื้นที่ขึ้นเป็นริ้วตามความหนักของมือตน
ฮูหยินเซียงถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเสียงดังลั่น “ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร หลินเอ๋อร์กำลังเศร้าโศกท่านยังมาทำร้ายลูกสาวของเราเช่นนี้อีก” นางพูดพร้อมรีบเข้าไปประคองร่างบุตรสาวด้วยความโกรธเคือง “หลินเอ๋อร์ เจ้าเจ็บหรือไม่ เจ้าอย่าโกรธพ่อเจ้าเลยนะ” นางพูดปลอบโยนบุตรสายพร้อมมองสามีด้วยสายตาตำหนิอย่างแรง
ราชครูเผิงที่ยังคงตะลึงกับการกระทำอันชั่ววูบของตนเองไปครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะได้สติ ชายชราได้สะบัดหน้าหนีสองแม่ลูกทันที เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยจนคำพูดใด ๆ
ราชโองการที่เพิ่งรับมาเป็นราชโองการประทานสมรสให้กับหนี่ซูเว่ย รัชทายาทกับเผิงเสี่ยวว่าน บุตรสาวคนโตของตน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจยิ่ง อันที่จริงเขาหมายมั่นว่าผู้ที่ควรแต่งงานกับรัชทายาทคือ เผิงฟู่หลิน บุตรสาวคนเล็กของตนต่างหาก แต่เมื่อเหตุการณ์แปรผันเช่นนี้ เขาจึงได้แต่น้ำท่วมปาก มิรู้จะทำเช่นใดดี
เมื่อธีร์หลงรักวินเพื่อนสนิทของเขามานานนับปี จนวันหนึ่งเขาได้มีโอกาสครอบครองวินสมใจ แล้วคนเช่นเขาจะยอมให้ใครกล้ายุ่งกับคนของเขาได้อีกเล่า
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด