เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
กลอยใจนั่งกอดกระเป๋ารอใครบางคนอยู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี เธอนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ มาเมื่อคืนและเธอก็ร้องไห้ทั้งคืนจนตาบวม ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวมาก ไม่รู้ว่าเพราะโชคชะตาหรือว่าฟ้าเห็นใจเธอกันแน่จึงทำให้เธอได้รู้ธาตุแท้ของคนที่เธอรักและไว้ใจทั้งสองคน
หนึ่งอาทิตย์ก่อน
"อ๊ะ เร็ว ๆ ค่ะที่รักขา"
เสียงกระซิบกระซาบและเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของน้ำฟ้า ทำให้กลอยใจรู้ว่าเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ ในตอนแรกเธอไม่คิดจะรบกวนเพื่อนและกำลังจะหันหลังกลับถ้าหากเธอไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูดออกมา
"ดีไหม ชอบไหมที่รัก ?"
กลอยใจตัวชาหน้าชาเธอเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนที่มันแง้มอยู่และเปิดเข้าไปทันที
"น้ำฟ้า เกมส์"
เธอเรียกชื่อของคนทั้งสองด้วยเสียงอันดัง น้ำฟ้ากับเกมส์ผละออกจากกัน น้ำฟ้ารีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอัดเปล่าเปลือยเอาไว้ ส่วนเกมส์ก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายลวก ๆ กลอยใจเห็นเต็มตาแบบนั้นเธอก็เข้าใจทุกอย่างรีบวิ่งออกจากห้องนอนและออกจากบ้านของเพื่อนที่เธอรักที่สุดทันที ไม่ต้องอธิบายอะไรเพราะมันไม่มีอะไรต้องอธิบาย
เดิมทีวันนี้เป็นวันเกิดของเกมส์แฟนหนุ่มที่เธอคบมาได้หนึ่งปี กลอยใจคิดจะเซอร์ไพรส์เกมส์ในคืนนี้จึงได้มาหาน้ำฟ้าที่บ้านเพื่อปรึกษากับเพื่อนรักว่าจะทำอย่างไรดี แต่ไม่คิดว่าเธอจะเจอเรื่องที่เซอร์ไพรส์กว่า
ความจริงแล้วเกมส์นั้น ตอนที่คบกับเธอถือว่าเป็นแฟนที่ดี เอาอกเอาใจและเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะทรยศและนอกใจเธอได้ และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือน้ำฟ้าเพื่อนรักของเธอ ทั้งสองคนแทงข้างหลังกลอยใจได้อย่างเลือดเย็น
"กลอยใจใช่ไหม ?"
เสียงห้าวทุ้มนั้นปลุกเธอออกจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมเข้ม แม้ว่าหนวดเคราของเขาจะรุงรังไปหน่อยแต่ก็ไม่อาจบดบังความหล่อเหลาเอาไว้ได้ สันกรามชัดเจนและจมูกโด่งเป็นสันนั้นทำเธอสะดุดลมหายของใจตัวเอง
"ชะ..ใช่ค่ะ คุณกันต์ใช่ไหมคะ ?"
เขาไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือมาดึงกระเป๋าเสื้อผ้าในมือของเธอไปถือเอาไว้ หน้าตาอ่อนแอบอบบางแบบนี้จะอยู่ที่นี่ได้สักกี่วันเชียวกันต์คิดในใจ กลอยใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาสูงกว่าเธอมากนัก เกงเกงยีนส์ขาดเข่าและเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีเข้มนั้นขับความดิบเถื่อนออกมาจากตัวเขาไม่น้อย เธอรู้สึกหวาดกลัว แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอจะไม่ถอยเด็ดขาด
"ไหวไหมคุณ ? ถ้าไม่ไหวก็ตีตั๋วกลับ"
เพราะเห็นท่าทางและดวงตาหวาดหวั่นของเธอกันต์จึงถามเธออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พร้อมกับยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าในมือของเขาส่งกลับให้เธอ
"ไหวค่ะ กลอยขอไปกับคุณนะคะ"
เมื่อเธอยืนยันอย่างนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปยังรถกระบะสี่ประตู โยนกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอที่เขาหิ้วมาใส่ท้ายรถ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ กลอยใจเห็นอย่างนั้นเธอจึงเปิดประตูรถอีกฝั่งและรีบเข้าไปนั่งข้างเขา กันต์หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมและออกรถทันที
"แวะอำเภอก่อนละกัน"
"คุณกันต์มีธุระหรือคะ ?"
เขาหันขวับไปมองหน้าเธอ เพราะใส่แว่นกันแดดปิดบังสายตาเอาไว้ กลอยใจจึงไม่ได้เห็นสายตาพิฆาตของเขา
"ใช่ มีธุระ ธุระของเราสองคน แวะจดทะเบียนสมรสกันก่อน ตอนนี้อำเภอเปิดอยู่"
พอได้ยินอย่างนั้นกลอยใจก็รีบพูดออกมา
"จะ..จดทะเบียน กลอยว่าอย่าเพิ่งรีบดีกว่าค่ะ"
"นี่คุณ ผมเอาคุณมาเป็นเมียนะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แค่ชั่วคราว คำว่าเมียน่ะคุณเข้าใจไหม ? ในข้อตกลงเราก็คุยกันชัดเจนแล้ว"
"ตะ..แต่กลอยว่าเอาไว้เราศึกษาดูใจกันก่อนดีกว่าไหมคะ ?"
กันต์จึงชะลอรถและจอดรถข้างทาง เห็นทีเขาคงต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องอีกครั้ง ถ้าเธอเปลี่ยนใจเขาจะได้ไปส่งเธอที่ บขส.ได้เลย กลอยใจมองซ้ายมองขวาเห็นเขาจอดรถเธอก็นึกกลัวขึ้นมา หวังว่าเขาคงไม่ฆ่าเธอหมกป่าหรอกนะ
"คุณกลอยใจ ผมจะพูดกับคุณอีกครั้ง ผมต้องการเมียนะ คำว่าเมียคุณคงเข้าใจความหมายของมัน คือผมสามารถนอนกับคุณได้ แบบมีอะไรกันน่ะ และอีกอย่างก็คือผมคนบ้านนอก เป็นชาวสวนชาวไร่ ในข้อตกลงผมก็ระบุไว้ชัดเจน คุณรับได้ไหม ? ถ้าไม่ได้คุณก็กลับกรุงเทพ ฯ ไป ผมจะไปส่งที่ท่ารถ"
"ไม่ค่ะกลอยไม่กลับ กลอยรับได้ถึงคุณจะเป็นชาวนาชาวสวนก็เถอะ ถ้าอย่างนั้นเราไปจดทะเบียนกันเลยก็ได้ค่ะ"
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น รู้แค่ว่าตอนนี้เธอไม่อยากกลับไปกรุงเทพ ฯ เพราะที่นั่นทำเธอเจ็บช้ำเหลือเกิน หากกลับไปก็ต้องรับรู้เรื่องราวของเกมส์กับน้ำฟ้าเพราะทั้งสามคนทำงานที่เดียวกัน สู้อยู่ที่นี่อยู่กับคนที่เธอตัดสินใจเลือกดีกว่า เขาต้องการจดทะเบียนกับเธออย่างน้อยเขาก็จริงใจ คนที่เพิ่งรู้จักบางทีอาจจะจริงใจมากกว่าคนที่คบกันมาเป็นปีก็ได้
เมื่อเธอยืนยันหนักแน่นอย่างนั้น กันต์ก็ขับรถตรงไปที่ว่าการอำเภอ และแจ้งความประสงค์ว่าต้องการมาจดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี พยานก็หาเอาคนแถวนั้น
กลอยใจมองดูทะเบียนสมรสใบนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา เธอทำอะไรลงไปจะมีใครบนโลกใบนี้ทำอะไรบ้าบอแบบเธอบ้างไหม จดทะเบียนกับคนที่เพิ่งคุยได้อาทิตย์เดียวและเพิ่งเจอหน้ากันยังไม่ข้ามวัน
"จดทะเบียนกันแล้ว ส่วนงานแต่งเดี๋ยวค่อยจัด"
กันต์บอกกล่าวกับเธอง่าย ๆ เขาเองก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอมากนักรู้แค่ว่าเธอชื่อ นางสาวกลอยใจ กาญจนะเสนา อายุยี่สิบห้าปี เป็นคนกรุงเทพ ฯ เขาเองก็ใช้ชีวิตโสดมานานจนอายุจะเข้าเลขสี่ ปีนี้เขาอายุสามสิบแปดพอดี เลยลองคุยกับผู้หญิงผ่านแอพหาคู่ดู ประกาศว่าต้องการเมีย ไม่คิดว่าคนที่ตอบตกลงคนแรกจะเป็นเธอ
"หิวไหมคุณกลอยใจ มีชื่อเล่นไหม ?"
เขาถามชื่อเล่นของเธอเพราะขี้เกียจเรียกชื่อจริง อีกอย่างตอนนี้ก็ตีสิบเอ็ดแล้วหรือสิบเอ็ดโมงนั่นเอง เขาเกรงว่าเธอจะหิวด้วยจึงถามสองคำถามพร้อมกันเลย
"กลอยค่ะ ชื่อเล่นว่ากลอย แล้วก็หิวข้าวมากค่ะ"
กันต์เองก็อดยิ้มกับคำตอบของเธอไม่ได้ ก็น่าจะหิวหรอก เธอลงรถทัวร์ตอนเจ็ดโมงและคงจะนั่งรอเขาจนเกือบเก้าโมง ถ้าจะให้เดาเธอคงไม่ได้ไปหาอะไรมาทานรองท้องก่อนแน่นอน เพราะทั้งแปลกถิ่น และอาจจะกลัว ตอนที่กันต์สบตากับเธอครั้งแรกเขาแน่ใจว่ามีรอยรื้นของน้ำตาในดวงตาคู่สวยนั้น เธอร้องไห้เขาไม่ได้สนใจอดีตของเธอหรอกว่าเธอเจอเรื่องอะไรมาจึงตัดสินใจมาอยู่กับเขาแบบนี้ แต่บางทีถ้ารู้บ้างก็คงจะดี
"ถ้างั้นแวะทานข้าวก่อน แล้วค่อยเข้าบ้าน"
เอาไว้ค่อยถามเธอละกันหนทางระหว่างเธอกับเขาเพิ่งเริ่มต้น กันต์พาเธอแวะทานข้าวแกงที่ร้านข้างทาง กับข้าวที่นี่ส่วนมากเผ็ดจัด ซึ่งกลอยใจไม่ทานเผ็ด และนี่เป็นอีกเรื่องที่เธอจะต้องปรับตัว
"ผมขอเรียกคุณว่าคุณกลอยละกัน"
"เรียกกลอยเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องมีคุณหรอก"
กันต์ไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้า ดูแล้วเธอก็ไม่น่าใช่คนเรื่องมากและน่าจะเข้ากับเขาได้ดี แต่ก็คงต้องดูกันอีกที ชาวสวนชาวไร่แบบเขามีชีวิตที่เรียบง่าย ใช่ว่าผู้หญิงรอบข้างเขาจะอดอยากแต่เขาไม่ชอบใครเอาซะเลย จนต้องพึ่งแอพหาคู่และพอได้เห็นรูปโปรไฟล์ของเธอเขาก็เกิดถูกใจขึ้นมา ไม่นึกว่าเธอจะตอบตกลงและรับข้อเสนอของเขา จนยอมตัดสินใจนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ ฯ มาที่นี่ เธอมีเรื่องอะไรหรือกำลังประชดใครหรือเปล่านะ
แตงไทยสาวสวยผู้ที่ตั้งใจจะขึ้นคานไปตลอดชีวิต แต่พอได้เจอพ่อกำนันรูปหล่อ ปนิธานที่ตั้งไว้ก็เริ่มสั่นคลอน
เพราะคิดว่าพ่อที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง แต่ขวางไปขวางมา กลับกลายเป็นว่าเขากลับเป็นคนเคี้ยวหญ้าต้นนั้นซะเอง
รามสูรผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธ เมขลาผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฎิเสธเขา เพราะค่ำคืนที่เร่าร้อนเพียงคืนเดียว ทำให้เขาติดใจในตัวเธอ แต่เธอกลับคิดจะหนี รามสูรจึงวางแผนเพื่อให้เมขลา มาเป็นทาสรักของเขา แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เธอกลับได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาซะนี่
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY