เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
กลอยใจนั่งกอดกระเป๋ารอใครบางคนอยู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี เธอนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ มาเมื่อคืนและเธอก็ร้องไห้ทั้งคืนจนตาบวม ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวมาก ไม่รู้ว่าเพราะโชคชะตาหรือว่าฟ้าเห็นใจเธอกันแน่จึงทำให้เธอได้รู้ธาตุแท้ของคนที่เธอรักและไว้ใจทั้งสองคน
หนึ่งอาทิตย์ก่อน
"อ๊ะ เร็ว ๆ ค่ะที่รักขา"
เสียงกระซิบกระซาบและเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของน้ำฟ้า ทำให้กลอยใจรู้ว่าเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ ในตอนแรกเธอไม่คิดจะรบกวนเพื่อนและกำลังจะหันหลังกลับถ้าหากเธอไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูดออกมา
"ดีไหม ชอบไหมที่รัก ?"
กลอยใจตัวชาหน้าชาเธอเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนที่มันแง้มอยู่และเปิดเข้าไปทันที
"น้ำฟ้า เกมส์"
เธอเรียกชื่อของคนทั้งสองด้วยเสียงอันดัง น้ำฟ้ากับเกมส์ผละออกจากกัน น้ำฟ้ารีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอัดเปล่าเปลือยเอาไว้ ส่วนเกมส์ก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายลวก ๆ กลอยใจเห็นเต็มตาแบบนั้นเธอก็เข้าใจทุกอย่างรีบวิ่งออกจากห้องนอนและออกจากบ้านของเพื่อนที่เธอรักที่สุดทันที ไม่ต้องอธิบายอะไรเพราะมันไม่มีอะไรต้องอธิบาย
เดิมทีวันนี้เป็นวันเกิดของเกมส์แฟนหนุ่มที่เธอคบมาได้หนึ่งปี กลอยใจคิดจะเซอร์ไพรส์เกมส์ในคืนนี้จึงได้มาหาน้ำฟ้าที่บ้านเพื่อปรึกษากับเพื่อนรักว่าจะทำอย่างไรดี แต่ไม่คิดว่าเธอจะเจอเรื่องที่เซอร์ไพรส์กว่า
ความจริงแล้วเกมส์นั้น ตอนที่คบกับเธอถือว่าเป็นแฟนที่ดี เอาอกเอาใจและเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะทรยศและนอกใจเธอได้ และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือน้ำฟ้าเพื่อนรักของเธอ ทั้งสองคนแทงข้างหลังกลอยใจได้อย่างเลือดเย็น
"กลอยใจใช่ไหม ?"
เสียงห้าวทุ้มนั้นปลุกเธอออกจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมเข้ม แม้ว่าหนวดเคราของเขาจะรุงรังไปหน่อยแต่ก็ไม่อาจบดบังความหล่อเหลาเอาไว้ได้ สันกรามชัดเจนและจมูกโด่งเป็นสันนั้นทำเธอสะดุดลมหายของใจตัวเอง
"ชะ..ใช่ค่ะ คุณกันต์ใช่ไหมคะ ?"
เขาไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือมาดึงกระเป๋าเสื้อผ้าในมือของเธอไปถือเอาไว้ หน้าตาอ่อนแอบอบบางแบบนี้จะอยู่ที่นี่ได้สักกี่วันเชียวกันต์คิดในใจ กลอยใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาสูงกว่าเธอมากนัก เกงเกงยีนส์ขาดเข่าและเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีเข้มนั้นขับความดิบเถื่อนออกมาจากตัวเขาไม่น้อย เธอรู้สึกหวาดกลัว แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอจะไม่ถอยเด็ดขาด
"ไหวไหมคุณ ? ถ้าไม่ไหวก็ตีตั๋วกลับ"
เพราะเห็นท่าทางและดวงตาหวาดหวั่นของเธอกันต์จึงถามเธออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พร้อมกับยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าในมือของเขาส่งกลับให้เธอ
"ไหวค่ะ กลอยขอไปกับคุณนะคะ"
เมื่อเธอยืนยันอย่างนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปยังรถกระบะสี่ประตู โยนกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอที่เขาหิ้วมาใส่ท้ายรถ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ กลอยใจเห็นอย่างนั้นเธอจึงเปิดประตูรถอีกฝั่งและรีบเข้าไปนั่งข้างเขา กันต์หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมและออกรถทันที
"แวะอำเภอก่อนละกัน"
"คุณกันต์มีธุระหรือคะ ?"
เขาหันขวับไปมองหน้าเธอ เพราะใส่แว่นกันแดดปิดบังสายตาเอาไว้ กลอยใจจึงไม่ได้เห็นสายตาพิฆาตของเขา
"ใช่ มีธุระ ธุระของเราสองคน แวะจดทะเบียนสมรสกันก่อน ตอนนี้อำเภอเปิดอยู่"
พอได้ยินอย่างนั้นกลอยใจก็รีบพูดออกมา
"จะ..จดทะเบียน กลอยว่าอย่าเพิ่งรีบดีกว่าค่ะ"
"นี่คุณ ผมเอาคุณมาเป็นเมียนะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แค่ชั่วคราว คำว่าเมียน่ะคุณเข้าใจไหม ? ในข้อตกลงเราก็คุยกันชัดเจนแล้ว"
"ตะ..แต่กลอยว่าเอาไว้เราศึกษาดูใจกันก่อนดีกว่าไหมคะ ?"
กันต์จึงชะลอรถและจอดรถข้างทาง เห็นทีเขาคงต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องอีกครั้ง ถ้าเธอเปลี่ยนใจเขาจะได้ไปส่งเธอที่ บขส.ได้เลย กลอยใจมองซ้ายมองขวาเห็นเขาจอดรถเธอก็นึกกลัวขึ้นมา หวังว่าเขาคงไม่ฆ่าเธอหมกป่าหรอกนะ
"คุณกลอยใจ ผมจะพูดกับคุณอีกครั้ง ผมต้องการเมียนะ คำว่าเมียคุณคงเข้าใจความหมายของมัน คือผมสามารถนอนกับคุณได้ แบบมีอะไรกันน่ะ และอีกอย่างก็คือผมคนบ้านนอก เป็นชาวสวนชาวไร่ ในข้อตกลงผมก็ระบุไว้ชัดเจน คุณรับได้ไหม ? ถ้าไม่ได้คุณก็กลับกรุงเทพ ฯ ไป ผมจะไปส่งที่ท่ารถ"
"ไม่ค่ะกลอยไม่กลับ กลอยรับได้ถึงคุณจะเป็นชาวนาชาวสวนก็เถอะ ถ้าอย่างนั้นเราไปจดทะเบียนกันเลยก็ได้ค่ะ"
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น รู้แค่ว่าตอนนี้เธอไม่อยากกลับไปกรุงเทพ ฯ เพราะที่นั่นทำเธอเจ็บช้ำเหลือเกิน หากกลับไปก็ต้องรับรู้เรื่องราวของเกมส์กับน้ำฟ้าเพราะทั้งสามคนทำงานที่เดียวกัน สู้อยู่ที่นี่อยู่กับคนที่เธอตัดสินใจเลือกดีกว่า เขาต้องการจดทะเบียนกับเธออย่างน้อยเขาก็จริงใจ คนที่เพิ่งรู้จักบางทีอาจจะจริงใจมากกว่าคนที่คบกันมาเป็นปีก็ได้
เมื่อเธอยืนยันหนักแน่นอย่างนั้น กันต์ก็ขับรถตรงไปที่ว่าการอำเภอ และแจ้งความประสงค์ว่าต้องการมาจดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี พยานก็หาเอาคนแถวนั้น
กลอยใจมองดูทะเบียนสมรสใบนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา เธอทำอะไรลงไปจะมีใครบนโลกใบนี้ทำอะไรบ้าบอแบบเธอบ้างไหม จดทะเบียนกับคนที่เพิ่งคุยได้อาทิตย์เดียวและเพิ่งเจอหน้ากันยังไม่ข้ามวัน
"จดทะเบียนกันแล้ว ส่วนงานแต่งเดี๋ยวค่อยจัด"
กันต์บอกกล่าวกับเธอง่าย ๆ เขาเองก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอมากนักรู้แค่ว่าเธอชื่อ นางสาวกลอยใจ กาญจนะเสนา อายุยี่สิบห้าปี เป็นคนกรุงเทพ ฯ เขาเองก็ใช้ชีวิตโสดมานานจนอายุจะเข้าเลขสี่ ปีนี้เขาอายุสามสิบแปดพอดี เลยลองคุยกับผู้หญิงผ่านแอพหาคู่ดู ประกาศว่าต้องการเมีย ไม่คิดว่าคนที่ตอบตกลงคนแรกจะเป็นเธอ
"หิวไหมคุณกลอยใจ มีชื่อเล่นไหม ?"
เขาถามชื่อเล่นของเธอเพราะขี้เกียจเรียกชื่อจริง อีกอย่างตอนนี้ก็ตีสิบเอ็ดแล้วหรือสิบเอ็ดโมงนั่นเอง เขาเกรงว่าเธอจะหิวด้วยจึงถามสองคำถามพร้อมกันเลย
"กลอยค่ะ ชื่อเล่นว่ากลอย แล้วก็หิวข้าวมากค่ะ"
กันต์เองก็อดยิ้มกับคำตอบของเธอไม่ได้ ก็น่าจะหิวหรอก เธอลงรถทัวร์ตอนเจ็ดโมงและคงจะนั่งรอเขาจนเกือบเก้าโมง ถ้าจะให้เดาเธอคงไม่ได้ไปหาอะไรมาทานรองท้องก่อนแน่นอน เพราะทั้งแปลกถิ่น และอาจจะกลัว ตอนที่กันต์สบตากับเธอครั้งแรกเขาแน่ใจว่ามีรอยรื้นของน้ำตาในดวงตาคู่สวยนั้น เธอร้องไห้เขาไม่ได้สนใจอดีตของเธอหรอกว่าเธอเจอเรื่องอะไรมาจึงตัดสินใจมาอยู่กับเขาแบบนี้ แต่บางทีถ้ารู้บ้างก็คงจะดี
"ถ้างั้นแวะทานข้าวก่อน แล้วค่อยเข้าบ้าน"
เอาไว้ค่อยถามเธอละกันหนทางระหว่างเธอกับเขาเพิ่งเริ่มต้น กันต์พาเธอแวะทานข้าวแกงที่ร้านข้างทาง กับข้าวที่นี่ส่วนมากเผ็ดจัด ซึ่งกลอยใจไม่ทานเผ็ด และนี่เป็นอีกเรื่องที่เธอจะต้องปรับตัว
"ผมขอเรียกคุณว่าคุณกลอยละกัน"
"เรียกกลอยเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องมีคุณหรอก"
กันต์ไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้า ดูแล้วเธอก็ไม่น่าใช่คนเรื่องมากและน่าจะเข้ากับเขาได้ดี แต่ก็คงต้องดูกันอีกที ชาวสวนชาวไร่แบบเขามีชีวิตที่เรียบง่าย ใช่ว่าผู้หญิงรอบข้างเขาจะอดอยากแต่เขาไม่ชอบใครเอาซะเลย จนต้องพึ่งแอพหาคู่และพอได้เห็นรูปโปรไฟล์ของเธอเขาก็เกิดถูกใจขึ้นมา ไม่นึกว่าเธอจะตอบตกลงและรับข้อเสนอของเขา จนยอมตัดสินใจนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ ฯ มาที่นี่ เธอมีเรื่องอะไรหรือกำลังประชดใครหรือเปล่านะ
แตงไทยสาวสวยผู้ที่ตั้งใจจะขึ้นคานไปตลอดชีวิต แต่พอได้เจอพ่อกำนันรูปหล่อ ปนิธานที่ตั้งไว้ก็เริ่มสั่นคลอน
เพราะคิดว่าพ่อที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง แต่ขวางไปขวางมา กลับกลายเป็นว่าเขากลับเป็นคนเคี้ยวหญ้าต้นนั้นซะเอง
รามสูรผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธ เมขลาผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฎิเสธเขา เพราะค่ำคืนที่เร่าร้อนเพียงคืนเดียว ทำให้เขาติดใจในตัวเธอ แต่เธอกลับคิดจะหนี รามสูรจึงวางแผนเพื่อให้เมขลา มาเป็นทาสรักของเขา แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เธอกลับได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาซะนี่
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด