“พี่นี่แหละว่าที่คู่หมั้นเธอและยังเป็นผัวคนแรกและคนเดียวของเธออีกด้วย!!!”
“พี่นี่แหละว่าที่คู่หมั้นเธอและยังเป็นผัวคนแรกและคนเดียวของเธออีกด้วย!!!”
วันสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอมขึ้นปี 2
มายูที่จะไปเที่ยวพักผ่อนที่เพชรบูรณ์กับพราวเพื่อนสนิทของเธอ จึงตั้งใจว่าจะเข้ามาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดของเธอเสียก่อนเพื่อที่จะไปนอนที่ห้องของพราวและพอเธอเก็บของเสร็จเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาก็คือแม่ของเธอนั่นเอง
มายูไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันที
“ฮัลโหลค่ะแม่ อะไรนะคะ ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวมายูเข้าไปหาก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดีๆแม่ของเธอก็เรียกให้เข้าไปหาที่บ้านและบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูดคุยกับเธอ
บ้านขจรรุ่งเรืองกิจ
มายูได้ขับรถเข้ามายังบ้านของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอลงจากรถสุดที่รักและเดินเข้าไปภายในบ้านก็พบกับพ่อและแม่ของเธอที่กำลังนั่งรอเธออยู่ภายในห้องรับแขก
“พ่อแม่สวัสดีค่ะ มีอะไรเหรอคะถึงได้เรียกหนูมา” มายูยกมือไหว้สวัสดีพ่อกับแม่ของเธอ และเดินไปนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของเธอ
“พ่อกับแม่มีเรื่องที่จะบอกหนู แม่ขอเข้าเรื่องเลยนะ ทางฝั่งเพื่อนคุณปู่เขาเร่งพวกเรามาแล้ว เขาอยากพบหนูลูก มายู” แม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ว่าใครเร่งและเพื่อนคุณปู่ไหนก่อนนี่ฉัน งงไปหมดแล้วนะ
“เพื่อนคุณปู่ไหนคะ แล้วทำไมถึงอยากพบหนู มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกหนูหรือเปล่าคะ” มายูพูดพร้อมขมวดคิ้วถามไปยังพ่อกับแม่ของเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“คือแบบนี้ลูก” และแม่ของมายูก็ได้เล่าเรื่องราวว่าเธอนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายมาตั้งแต่เด็กซึ่งเขาคนนั้นเป็นหลานชายของเพื่อนคุณปู่ พวกท่านได้ทำสัญญากันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็ก
“ว่าไงนะคะแม่ หนูเนี่ยนะมีคู่หมั้นแล้ว สมัยนี้มันยังมีแบบนี้อยู่อีกเหรอคะ” พอได้ฟังมายูก็ตกใจเบิกตากว้างลุกขึ้นยืนและถามพ่อแม่ของเธอให้แน่ใจอีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานฉายแววตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้รับรู้ว่าตัวเธอเองนั้นอยู่ดีๆก็มีคู่หมั้น
“เป็นสัญญาหมั้นหมายของทางคุณปู่กับเพื่อนว่าถ้ามีหลานชายกับหลานสาวจะให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน” พ่อของเธอเป็นผู้อธิบายขยายความเพิ่มเพื่ออยากให้ลูกสาวอย่างมายูได้ยอมรับสัญญานี้
“แล้วทำไมพี่มารินถึงไม่ได้หมั้นล่ะคะ ทำไมเป็นหนู?” มายูหันไปถามพ่อด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอแล้วทำไมถึงได้ข้ามพี่สาวคนโตอย่างพี่มารินไปได้
“ในตอนที่คุณปู่กับเพื่อนทำสัญญากันหนูเกิดในช่วงนั้นพอดี สัญญานั่นจึงหมายถึงหนูเท่านั้นจ้ะ” แม่อธิบายเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกสาวนั้นยังสงสัยอยู่
“มายู เราต้องไปพบคู่หมั้นคู่หมายของเราได้แล้วนะ ทางนั้นเขาอยากเจอลูก” พ่อพูดกับมายูเขาหวังอยากจะให้ลูกสาวนั้นรีบไปพบกับทางฝั่งนั้นให้เร็วที่สุด
“ตะ..แต่หนูไม่ว่างค่ะ นี่ไงคะ นี่ไง ยัยพราวโทรมาพอดี งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” มายูรีบบอกไปทันทีว่าเธอนั้นไม่ว่างและบวกกับพราวก็ได้โทรเข้ามาพอดิบพอดี มายูจึงรีบยกโทรศัพท์ให้พ่อกับแม่ของเธอดูอีกทีว่าพราวโทรเข้ามาจริงๆนะ พูดเสร็จก็รีบเดินออกจากบ้านไปทันที
“เดี๋ยวก่อนซิลูก มายูเป็นแบบนี้ไงคะ พวกเราถึงไม่กล้าบอกแกตั้งแต่ทีแรกไง หาข้ออ้างหนีตลอดเลยลูกคนนี้” ผู้เป็นแม่ถึงกับส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นว่าลูกสาวสุดที่รักของเธอได้รีบเดินออกไปจากบ้านไปแล้ว
มายูกดรับสายพราวและบอกว่าเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ตอนนี้แวะเข้ามาหาพ่อกับแม่ก่อนเลยทำให้ไปหาเธอช้า หลังจากนั้นเธอก็รีบขับรถตรงไปยังคอนโดของพราวทันที
คอนโดพราว
“ฉันจะบ้าตายอยู่ดีๆก็มีคู่หมั้นเฉย ยังกับในหนังเลยแก” มายูที่ได้เข้ามานั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นของพราวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเธอเองดันมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วซะนี่
“ใจเย็นๆ แกลองไปพบเขาดูก่อนดีมั้ย เผื่อว่าเขาอาจจะตรงสเปคแกไง” พราวที่เห็นเพื่อนกำลังเศร้าใจก็เริ่มปลอบโยนด้วยการบอกให้มายูลองไปพบเจอกับผู้ชายคนนั้นดูเสียก่อน
“ไม่เอาหรอกฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แกก็รู้” ปากเล็กขยับขมุบขมิบพลางส่ายหน้าไปมาคนไม่เคยพบเจอกันแล้วจะไปหาไปพบหน้ากันทำไมสู่หนีหน้ากันไปเลยเสียยังดีกว่า
เฮ้อ กลุ้มใจจัง สวัสดีค่ะทุกคน ตัวฉันชื่อว่า มายู ณิชนันทน์ ขจรรุ่งเรืองกิจ เรียนอยู่มหาลัย CH และตอนนี้กำลังจะขึ้นปี2แล้ว ฉันกับเพื่อนๆเรียนอยู่คณะบริหาร และที่ฉันต้องถอนหายใจออกมาก็เพราะว่ากำลังมีเรื่องเครียดก็ที่บ้านของฉันน่ะสิอยู่ดีๆก็มาบอกว่าฉันน่ะมีคู่หมั้นแล้วและต้องการให้ฉันไปพบกับคู่หมั้น ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้และฉันไม่มีทางยอมไปพบหรือถูกหมั้นโดยเด็ดขาด คอยดู!
“ฉันก็แค่อยากช่วยเพื่อนให้ห่างจากผู้หญิงแบบเธอ” “ผู้หญิงแบบฉันมันเป็นยังไง” “ก็อยากได้ผัวของคนอื่นไง!!!”
"กลับมาคบกันไม่งั้นฉันจะบอกพ่อแม่เธอเรื่องคืนนั้นที่ฉันเอาเธอแล้ว"
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
อลิสหญิงสาวลูกคุณหนู เธอถูกแฟนหนุ่มที่เพิ่งจะเริ่มคบได้เพียงแค่3เดือนวางยาปลุกเซ็กส์หวังจะเคลมเธอแต่ดันมีเจ้าหนี้หนุ่มโผล่เข้ามาเสียก่อน
เธอสาวมัธยมปลายไปสารภาพรักกับรุ่นพี่มหาลัยปี1แต่ก็โดนปฎิเสธกลับมา ผ่านไป3ปีพวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้งในรั้วมหาลัย....แถมยังต้องให้มีเรื่องใกล้ชิดกันอีก ภารกิจให้เป็นคู่เดทเป็นเวลา1อาทิตย์...
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY