ฉันตามหาคนที่ฉันรัก แต่กับได้คนที่รักฉัน
ฉันตามหาคนที่ฉันรัก แต่กับได้คนที่รักฉัน
เมื่อช่วงบ่ายบอมบอมไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัท ซึ่งพ่อของบอมบอมเป็นท่านประธานในบริษัทแห่งนี้ บอมบอมนั่งรอผู้เป็นพ่อนานนับชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นจะมาตามนัด สักพักพ่อของบอมบอมก็โทรมาหาว่าติดธุระด่วน เย็นนี้เลยไม่สามารถที่จะไปทานข้าวกับบอมบอมได้ ในระหว่างนั้นเองก็มีหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้า เดินตรงเข้ามาหาบอมบอมซึ่งกำลังโทรคุยกับผู้เป็นพ่อ พอบอมบอมวางสายชายหนุ่มผู้นี้จีงแนะนำตัวกับบอมบอม
"อาชื่ออาเอกนะ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่นี่"เขายิ้มให้บอมบอม
“คุณบอมบอม วันนี้ท่านประธานให้อาไปส่งที่บ้านนะ เพราะเป็นทางผ่านบ้านอาพอดี ท่านประธานได้บอกแล้วใช่มั้ยครับ”
บอมบอมเงยหน้ามองผู้ชายทีเรียกตัวเองว่าอา เขาถึงกับสะดุดตาต้องใจ เพราะด้วยหน้าตาน่าจะซักสามสิบนิดๆ แต่ความจริงแล้ว เอกอายุสี่สิบห้าพอดี พ่อของบอมบอมวานให้เอกผู้จัดการฝ่ายขาย ไปส่งบอมบอมที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเรียกคนขับรถมารับให้เสียเวลา
"บอกแล้วครับ"
“เรากลับกันเลยมั้ยคุณบอมบอม”เอกยิ้มให้บอมบอมอย่างละมุน
“ครับอา”บอมบอมยิ้มตอบแล้วก้มหน้าเดินตามอาเอกไปยังที่จอดรถ
เอกเปิดประตูรถให้บอมบอมเข้าไปนั่งข้างหน้า
“ขอบคุณครับ”บอมบอมอมยิ้ม และรู้สึกถูกชะตากับหนุ่มใหญ่หน้าเด็กคนนี้
เมื่อเอกปิดประตูรถให้บอมบอมเสร็จ เขาจึงเดินอ้อมหน้ารถเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วขึ้นไปนั่งพร้อมที่จะขับรถแล่นออกไปในทันที
“คุณบอมบอมจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย”เอกหันหน้ามามองบอมบอมด้วยสายตาเอ็นดู
“ไม่ไปไหนแล้วครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปเรียนแต่เช้า แถมเป็นวันแรกด้วย”
“ใช่อาก็ลืมไปเลย ท่านประธานเคยเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ดูท่านจะภูมิใจในตัวคุณบอมบอมมากเลยนะ”
บอมบอมไม่รู้จะพูดอะไรต่อจากนี้ เพราะรู้สึกเขินที่เจอหนุ่มใหญ่ที่พูดจาสุภาพมาก
“แล้วเรียนคณะอะไรอาลืมไปแล้ว”
“คณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”บอมบอมพูดอย่างภูมิใจ เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าเรียนได้ยาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอันต้นๆของประเทศ
“คณะเดียวกับอาเลย แต่อาเรียนที่ต่างจังหวัด”
“มหาวิทยาลัยที่ไหนครับ”บอมบอมอยากรู้ขึ้นมาทันที เพราะดูจะปลื้มอาเอกมากเป็นพิเศษ
“จังหวัดเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยอิงฟ้า”
“อูว์”บอมบอมทำเสียงตกใจ
“ตกใจอะไรทำเสียงซะดังขนาดนั้น”เอกหันหน้ามามองแว่บหนึ่งแล้วหันกลับ
“บอมบอมอยากไปเรียนที่ต่างจังหวัดแบบอาเอกเพราะเรียนที่กรุงเทพรถติด”บอมบอมมีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมไม่ขอคุณพ่อไปล่ะ”
“ขอแล้ว คุณพ่อให้ไปแต่คุณแม่ไม่ให้ไป บอกว่าลำบากเป็นห่วงอยู่กรุงเทพนี่แหล่ะดีแล้ว จะได้ใกล้หูใกล้ตา อันหลังผมพูดเองครับ”
“แหม คุณแม่เขาก็เป็นห่วงนั่นแหล่ะ คุณบอมบอมไม่เคยลำบากนี่”เอกเลยคิดย้อนถึงตัวเองในอดีต ที่ต้องต้มมาม่ากินตอนเย็นทุกวันกับเพื่อนๆที่หอพัก
“ก็จริง ถ้าให้ผมไปอยู่หอพักคงอยู่ไม่ได้หรอก คนเยอะนอนกันหลายคน ผมไม่ชินชอบนอนคนเดียวมากกว่าครับ”
“แต่อาว่าสนุกดีออก ได้อยู่กับเพื่อนๆและอิสระดีด้วย”
“คิดอีกทีก็จริงไม่ต้องมีใครมาคุม คิดแล้วอยากไปจังเลย”
“ถ้ายากไปจะไปที่ไหนล่ะ “เอกหันมาถาม
“ที่เดียววกับอาเอกนั่นแหล่ะ ถ้ามีอะไรจะได้ปรึกษาอาเอกที่เป็นศิษย์เก่า”
“ศิษย์เก่ารุ่นเดอะซิไม่ว่า เวลาผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว”เอกหัวเราะเพราะอดขำความไร้เดียงสาของบอมบอมไม่ได้
“คุยกับอาเอกสนุกจัง ไม่เหมือนพ่อที่เคร่งเครียด ให้ตั้งใจเรียนจะได้มาช่วยพ่อกับแม่ทำงาน”
“ก็ท่านประธานมีบอมบอมเป็นลูกคนเดียวนี่ เขาก็ต้องฝากความหวังไว้ที่บอมบอมนี่แหล่ะ”
“นั่นน่ะซิ” บอมบอมถอนหายใจ นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับอาเอก ไม่อยากเรียนที่กรุงเทพ แต่คงไม่ทันแล้วแหล่ะมหาวิทยาลัยเปิดพรุ่งนี้ ถึงทันพ่อกับแม่ของเขาก็คงไม่ให้ไปอยู่ดี
บอมบอมนั่งคิดตลอดทาง อยากไปเรียนที่เดียวกับอาเอก คงจะสนุกและได้เห็นอะไรแปลกใหม่ ที่อยู่ในต่างจังหวัดแต่กรุงเทพไม่มี บอบอมคิดเช่นนั้นเพราะต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา ถ้าไปเรียนไกลๆจะได้มีอิสระ บอมบอมคิดวนมาวนไปจนหลับในที่สุด
เอกใช้เวลาขับรถนานพอสมควร กว่าจะมาถึงบ้านของบอมบอมก็เย็นพอดี
“น้องบอมบอมถึงแล้ว”เอกสะกิดที่แขนของบอมบอม
บอมบอมค่อยๆลืมตาขึ้นจึงทำให้ สายตาได้ประสานกับอาเอกของเขา จนบอมบอมต้องเม้มปากหลบสายตาไปทางอื่น
"น้องบอมบอมเป็นอะไรหรือเปล่า"เอกสงสัยในท่าทีเขินอายของบอมบอม เพราะเขาก็ไม่รู้ตัวว่าเสน่หนุ่มใหญ่ต้องตาหนุ่มน้อย
“อาเข้าบ้านผมก่อนซิ ไปทานอะไรกันก่อน”บอมบอมยังไม่ลงจากรถ เพราะอยากคุยกับเอกต่ออีก จึงชวนให้ทานข้าวด้วย
“ไม่ได้หรอกอาต้องไปทานข้าวกับภรรยาและลูกที่บ้าน” เอกยิ้มให้บอมบอมด้วยนัยน์ตาที่โอนโยน
“ครับ”บอมบอมรู้สึกสะดุดใจคำนี้ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะอายุขนาดนี้แล้ว ก็ต้องมีลูกและภรรยาเป็นเรื่องธรรดา ถ้าไม่มีก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีกว่านี้บอมบอมคิดเช่นนั้น
“ขอบคุณครับ” บอมบอมรีบลงจากรถแล้วยิ้มลายกมือไหว้เอก รีบเดินเข้าไปภายในบ้าน ส่วนเอกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดถึงลูกชายวันสิบห้าของเขาที่กำลังโตเป็นหนุ่มไล่ๆกับบอมบอม
บอมบอมเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โต ที่แสนจะเงียบเหงา มีเพียงเขากับคนรับใช้ร่วมสิบ ส่วนพ่อแม่ของบอมบอมกลับดึกทุกค่ำคืน
บอมบอมมักจะรับประทานข้าวคนเดียวอยู่เป็นเนืองนิจ ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดิมไม่อาจหลีกพ้น ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เขาแสนจะเบื่อหน่าย
อาหารเต็มโต๊ะชั้นเลิศที่ใครเห็นต้องอยากทาน แต่บอมบอมเพียงแค่เห็นก็แท่บจะอิ่ม เขาทานเพียงน้อยนิดก่อนจะขึ้นมาที่ห้องเพื่อนอนเล่นมือถือ แซทคุยกับเพื่อนเรื่องไปเรียนในมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้เป็นวันแรก แต่แล้วบอมบอมก็ต้องหยุดเล่นทันทีเพราะเสียงเคาะประตู
บอมบอมจึงออกไปเปิดประตู ก็ได้เห็นแม่ของเขายังอยู่ในชุดทำงาน
“บอมบอมยังไม่นอนอีกเหรอ มัวทำอะไรอยู่”
“คุยกับเพื่อนอยู่ครับ”
“วันนี้แม่กับพ่อต้องขอโทษบอมบอมนะ ที่ไม่ได้พาไปทานข้าว พอดีลูกค้าเรื่องมากต้องคุยกันยาว”
“ผมเข้าใจครับ” บอมบอมพยักหน้า
“วันนี้พ่อเลยโทรให้อาเอกมาส่งลูก”
พอได้ยินชื่ออาเอกเท่านั้นแหล่ะ บอมบอมกระชุ่มกระซวยขึ้นมาทันที เลยอยากถามไถ่ประวัติของอาเอกทันที
“อาเอกทำงานที่นี่นานแล้วเหรอครับแม่”
“ก็นานอยู่นะสิบกว่าปีเห็นจะได้”
“ถามทำไมลูก”แม่บอมบอมมีท่าทีสงสัย
“ผมไปทีไรก็ไม่เห็นอาเอกเลย”
“อ๋อ ก็อาเอกเป็นผู้จัดการฝ่ายการขาย จึงออกไปพบปะลูกค้าบ่อยๆ ไม่ค่อยได้อยู่ออฟฟิคหรอก"
“อาเอกนี่เขาชื่อจริงอะไรเหรอครับ”บอมบอมถามเพื่อจะไปค้นหาในโซเซียล เฟสบุ๊ค ไอจี เพราะอยากรู้เรื่องราวของอาเอก
“อยากรู้ไปทำไม”
“ก็ลูกน้องพ่อกับแม่นี่ก็อยากรู้จักไว้บ้าง อาเอกเขาใจดีสุภาพ อาเอกเขารับปากว่าจะเป็นที่ปรึกษาให้บอมบอม ตอนเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย”บอมบอมโกหกหน้าตาย
“อ่อ ดีมากลูก อาเอกเขาเป็นคนเก่งถ้าลูกได้เรียนรู้จากเขาถือว่าโชคดีมาก อาเอกเขาชื่อ เอกราช สุดใจ “
“เอกราช สุดใจ “ บอมบอมพูดจบก็อมยิ้ม
แม่ของบอมบอมเห็นว่าดึกพอสมควร และในส่วนของตัวเธอก็รู้สึกง่วงนอนมากจนผิดสังเกต
“บอมบอมนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวันแรกแต่เช้า”
ผู้เป็นแม่จับไหล่ของบอมบอมแล้วดึงร่างบอมบอมมากอดไว้
“พ่อกับแม่รักบอมบอมมากนะ วันนี้ไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไรอยากกอดบอมบอม กลัวบอมบอม ฮือ แม่คงคิดไปเรื่อย นอนเถอะลูก แม่ก็ง่วงนอนเหมือนกัน”
แม่ของบอมบอมละร่างออกจากลูกชาย แล้วจ้องมองบอมบอมสักพักก็หันหลังกลับเดินไปที่ห้องของตัวเอง
ส่วนบอมบอมนั้นรู้สีกใจหายที่แม่มีท่าทีแปลกไป บอมบอมมองแม่ของเขาเดินไปจนถึงห้องนอน หลังจากนั้นเขาจึงปิดประตู ส่วนแม่ของบอมบอมก็หันหลังกลับมามอง แต่ก็ไม่เห็นลูกชายแล้วเธอจึงถอนหายใจ พร้อมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกแปลกๆ
บอมบอมรีบเดินมาที่เตียงนอน เพื่อที่จะค้นหาประวัติอาเอกในเฟสบุ๊ค บอมบอมมลองพิมชื่อ เอกราช สุดใจ ก็เด้งขึ้นมาทันที บอมบอมจึงไล่ดูรูปของเอกทุกรูป จนมาถึงรูปเก่าๆสมัยยี่สิบปีกว่าปีที่แล้ว ที่เอกนำมาลงในเฟสบุีค
บอมบอมจ้องมองไม่กระพริบตา พราะหน้าตาของเอกนั้นหล่อคม บอมบอมเลยไล่ดูไปเรื่อยๆถ้ามีรูปคู่กับภรรยาและลูก บอมบอมจะเลื่อนผ่านไปในทันที ดูในเฟสจบก็ต่อด้วยไอจี เพราะเอกทำลิงค์ไว้ให้ติดตามกัน
บอมบอมไล่ดูจนเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาก็ยังไม่นอน เพราะไม่ได้ดูรูปเอกในเฟสและไอจีแคนั้น แต่ยังดูคลิปติ๊กต๊อกที่เอกลงคลิปเล่นกีต้าร์ร้องเพลงยุค 90 บอมบอมเลื่อนฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับเพลงปาฏิหารย์ บอมบอมกดรีเฟรชหลายรอบมาก เขาเลยมีความคิดแปลงไฟล์เพลงนี้บันทึกลงเครื่องทำเป็นMP3 บอมบอมจึงเริ่มแปลงไฟล์เพลงในทันทีทันใด
ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก
เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนซึ่งเหลือเพียงไม่กี่นาที บอมบอมรู้สึกง่วงนอนจนอดรนทนไม่ไหว เขาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมนำมือถือมาวางไว้ข้างหู เปิดเพลงปาฏิหารย์ของเอกที่ทำเป็นmp3ฟังโดยตั้งค่าเล่นซ้ำอัตโนมัติ บอมบอมฟังได้ไม่กี่รอบก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัว
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY