ทำไมคนอื่นถึงได้ไปพบฮองเต้ แต่ทำไมเธอกลับได้พบแต่เจ้าพ่อ ไม่ใช่เจ้าพ่อตลาด แต่เป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เขาทั้งดุ ทั้งโหด ทั้งหื่น แล้วเธอจะทนไหวไหม ถาม ตอบ!
ทำไมคนอื่นถึงได้ไปพบฮองเต้ แต่ทำไมเธอกลับได้พบแต่เจ้าพ่อ ไม่ใช่เจ้าพ่อตลาด แต่เป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เขาทั้งดุ ทั้งโหด ทั้งหื่น แล้วเธอจะทนไหวไหม ถาม ตอบ!
กรรณิกา หรือตัวเธอในตอนนี้ก็คือ ชิงเถา ลูกสาวคนสุดท้องของสกุล หลี ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้ตายจากอดีตชาติที่แล้วไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าเธอมาเที่ยวเมืองจีนโรงถ่ายละครเหิงเตี้ยน กำลังเดินอยู่ถนนเมืองกวางโจว ฮ่องกงสมัยที่เขาถ่ายละครเซี่ยงไฮ้
แล้วเจอกับผู้หญิงสาวสวยใส่ชุดจีนกี่เพ้า เดินผ่านเรียกได้ว่าสวยจนเธอต้องมองตามหลัง หญิงสาวมีรูปร่างที่ผอมเพรียว
ผิวขาวกระจ่าง ดวงตาเรียวยาว จมูกเล็ก ปากได้รูป คิ้วโค้งสวยมน
เธอจำได้ว่าเธอเพียงหยุดนิ่งดูความสวยของเธอ อีกฝ่ายก็หันมามองเธอเช่นกัน จากนั้นหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้เธอ ทำให้เห็นรักยิ้มตรงแก้มสองข้าง หากบอกว่าเธอเป็นดาราจีนมาถ่ายทำหนังเธอจะเชื่อโดยไม่สงสัย
หญิงสาวคนนั้นโค้งคำนับ ก่อนส่งสร้อยประคำในมือในเธอ กรรณิกาปฏิเสธไม่รับจากเธอ แต่หญิงสาวยืนยันจะให้จนได้ ก่อนดึงมือแล้วสวมสร้อยประคำหยกสีเขียวให้ ก่อนเดินจากไป
กรรณิกาหันมองสร้อยข้อมือ หากมองให้ชัดจะเห็นเกล็ดสีทองอยู่ภายในเหมือนมันกำลังวิ่งไปมาคล้ายกับสายน้ำ ของมีค่าแบบนี้ไม่ควรให้คนอื่นง่าย ๆ เมื่อเงยหน้ามองก็ไม่เห็นหญิงงามแล้ว จึงเดินต่อไปจนกระทั่งถึงสะพานกำลังจะไปดูพระราชวังต้องห้าม จากนั้นก็มาโผล่ตรงนี้
มันคืออะไร เธอฟื้นมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เริ่มทำใจได้ว่าทุกอย่างไม่ใช่ฝัน แต่เป็นเรื่องจริง ตอนแรกคิดว่าจะฟื้นมายุคจิ๋นซีจะได้เป็นฮองเฮา กุ้ยเฟย ซูเฟย หรือไม่ก็ได้กิ๊กกับท่านอ๋อง แต่ทำไมถึงได้มาโผล่เอาแค่ครึ่งทาง แถมมายังตอนที่เจ้าพ่อครองเมืองในเมืองกวางโจว ณ นครเซี่ยงไฮ้
และที่น่าเจ็บใจก็คือ ตอนนี้เธออยู่ในร่างผู้หญิงที่ให้สร้อยประคำแก่เธอ
มันคืออะไร เธอจะบ้าตาย ขอตายแล้วไปเกิดเป็นฮองเฮาได้ไหม ไม่เอาแบบนี้อยากเจอท่านอ๋อง อยากรักฮ่องเต้ ไม่ใช่เป็นคนขายผัก
ไม่ทันขาดคำเสียงอาม่าชิงหลินในร่างนี้ก็เรียกเธอ
“ชิงเถา ตื่นได้แล้ว ตะวันจะตรงหัวแล้ว” เธอมองไปยังฟ้ายังไม่สว่างเลย ตอนนี้คงประมาณตี 5 อยู่ ถ้าสมัยเธอเรียกว่ายังไม่เช้า แต่ที่นี่เรียกว่าสาย
ว่าแล้วก็ลุกจากเตียงหันมองพี่สาวอีกสองคนที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมสำหรับไปทำงานรดน้ำผัก พรวนดินตอนเช้า
พี่สาวของเธอ คนโตชื่อว่า ชิงลี่ คนที่สองชื่อชิงหรู ส่วนเธอที่อยู่ในร่างเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ชื่อ ชิงเถา มีป๊าหรือบิดาชื่อชิงลู่ ครอบครัวนี้มีเพียงห้าคน ส่วนมารดาของร่างนี้จากไปตั้งแต่ยังเล็ก
ว่าด้วยบิดาของร่างชิงเถานั้น มีอาชีพขายผักในตลาด
ซึ่งทุกเช้าตรู่จะตัดผักใส่รถเข็นส่งตามร้านอาหาร ไนต์คลับ จากนั้นที่เหลือก็จะตั้งขายในถนนกวางโจวที่เธอเคยเดินเที่ยวในชาติก่อน
เธอหันมองพวกพี่สาวที่เรียกให้รีบ ก่อนที่จะโดนอาม่าเฆี่ยนหากไม่ลงจากเตียงอีก ใครใช้ให้เธอเป็นหญิงใช้แรงงานกัน ว่าแล้วก็รีบลุกเพราะยังจำรสของหวายพิฆาตของอาม่าได้ดี
ตอนที่เธอฟื้นขึ้นมาพบว่าร่างนี้ตกน้ำตรงสะพานที่เธอข้ามภพชาติที่แล้ว และเมื่อนอนซมด้วยพิษไข้ไม่นานก็ตาย ส่วนเธอก็มาสวมร่างนี้แทน ตอนแรกพวกเขาต่างตกลงแล้วว่าจะไม่รักษาเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่ซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เรียกได้ว่าจนแสนจนได้อีก
และเมื่อเธอฟื้น เธอก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี พอหายไข้พวกเขาก็ใช้งานเธอเหมือนเดิม ยังจำได้ว่าวันแรกเธอต้องถอนวัชพืชอยู่ครึ่งวัน มันเป็นอะไรที่น่าจดจำมากที่สุดมองสองมือที่สากก็บอกได้ว่าร่างนี้ทำมาตั้งแต่เด็ก
ทำไมเธอไม่สังเกตว่ามือเธอหยาบ จะได้ระวังตัวไว้ก่อน ทำไมไม่เจอกุ้ยเฟยแต่เจอลูกสาวคนขายผัก เธอไม่เข้าใจ สวรรค์บอกฉันที!
“ชิงเถารีบหน่อยอาม่าออกมาแล้ว” เท่านั่นแหละ คนที่คร่ำครวญโทษสวรรค์ก็รีบลุกจากเตียงแล้วรีบวิ่งออกไปรับผักจากพี่สาวทั้งสอง มองไปยังบิดาที่กำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจ
เฮ้อ เบื่อระบบผู้ชายเป็นใหญ่จัง หลังจากตัดผักใส่รถเข็นเต็มแล้ว ก็ได้เวลาบิดาลุกขึ้นแล้วลากรถเข็นไปตามทาง วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้ตามบิดาออกไปขายผัก เพราะพี่สาวทั้งสองคนเกิดเป็นประจำเดือนพร้อมกัน คนที่ไม่มีประจำเดือนอย่างเธอเลยถูกใช้งานแทน ใช่เด็กสาวร่างนี้อายุแค่สิบสามปี ที่ยังไม่โตเป็นสาว
ว่าด้วยอายุเธอในยุคก่อน อายุยี่สิบห้าแล้ว ต่างกับในร่างนี้ถึง 12 ปี สวรรค์เมตตาเธอมากเลยอยากให้เธอใช้ชีวิตลำบากเพื่อทดสอบชีวิต
เธออยากตาย เข็นไปพลางก็โทษสวรรค์ไปพลาง จนถึงร้านอาหารที่เป็นลูกค้าประจำจึงวางมือ กรรณิกามองมือที่แดง ระเรื่อ หันมองเถ้าแก่เนี้ยออกมารับผัก ก่อนส่งเงินให้บิดา เมื่อได้เงินบิดาก็รีบเก็บเข้าในแขนเสื้อ
จากนั้นเธอก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยผักไปส่งยังไนต์คลับต่อ มองไปยังไนต์คลับใหญ่ที่สุดในถนนกวางโจว เหมือนกับในหนังที่เธอเคยผ่านตา ทางด้านที่พวกเขามาเป็นถนนเส้นหลัง ซึ่งเป็นทางออกประตูหลังสำหรับพวกคนงาน พ่อครัว และนักร้องที่ใช้เดินเข้าออกเท่านั้น
เธอมองกลุ่มนักร้องสาวสวยชุดสีแดงกี่เพ้าจีนที่ออกมาจากหลังประตู พวกเธอสวยละลานตามองไปยังสีปากแดง และผมที่ดัดเข้าทรง
ทำไมเธอไม่เข้าร่างพวกเธอนะ เฮ้อ! ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงบิดาดังจึงจับรถเข็น เข็นมันต่อไป
เมื่อออกจากซอย บิดาเธอก็ชี้ให้เห็นถึงแผงขายที่ประจำ เธอจึงเข็นข้ามถนน หันมองอีกทีก็ตอนได้ยินเสียง เอี๊ยดดดด ยาวลากพร้อมเสียงแตรรถ เธอหันมองยืนค้างแล้วปิดตา โครมไม่ทันแล้ว เมื่อลืมตาจึงเห็นรถเข็นถูกชนจนล้อหลุด ผักที่เหลือที่จะขายก็เทลงบนพื้นไม่เหลือ
“ข้ามถนนมองทางบางสิ” ว่าแล้วรถคันที่ว่าก็เลี้ยวออกไปอีกทาง
คิดจะหนีแม่เหรอ ไม่รู้จักฤทธิ์เจ้าแม่ในชาติที่แล้วซะแล้ว เธอวิ่งตามรถจนกระทั่งถึงไนต์คลับมองไปยังเจ้าของรถที่ลงมา จึงรีบเข้าไปหาความรับผิดชอบ แต่โดนขวางจากพวกชุดดำเสียก่อน ถึงกั้นเธอก็มีปาก ว่าแล้วเธอก็ตะโกนลั่นถนน
“คนไม่รับผิดชอบ คิดจะชนแล้วหนีใช่ไหม ขับรถหรูแต่จิตใจต่ำตม ไม่ต่างจากขอทานข้างถนน แต่งตัวดีเสียเปล่าคนเฮงซวย คน…” กำลังจะด่าแต่ดันเห็นปืนพวกที่ขวางเธอไว้ เมื่อเงยหน้ามองคนในรถที่คิดว่าเป็นเจ้านายลงจากรถแล้ว
เธอกลืนน้ำลายมองเจ้าพ่อตัวจริง สวมใส่ชุดสูทสีดำยาว สวมหมวกสีดำ เมื่อเจ้าพ่อหันมา เธอมองตาค้างมองเจ้าพ่อที่หล่อเหมือนหยางหยางหลุดจากมาจากละคร ชายหนุ่มหันมองเพียงปลายตาก่อนกระซิบกับคนที่อยู่ข้างตัว แล้วเดินเข้าไนต์คลับ
ฟางเทียนฉิน เดินมาหาเธอแล้วล้วงเข้าไปในเสื้อ เท่านั้นแหละเธอรีบยกมือขึ้นกั้นใบหน้า อย่ายิงใบหน้าเชียวนะ ขอฉันตายแบบสวย ๆ
“คุณ คุณ” ได้ยินเสียงเขาเรียก กรรณิกาจึงลดมือลง มองเงินปึกใหญ่จำนวนหนึ่งในมือเขา ถ้าเธอรับเรียกได้ว่าสบายไปเดือนหนึ่ง หญิงสาวรับมาคำนวณค่าเสียหายแล้วหยิบออกมาสิบใบ ก่อนส่งกลับให้ชายหนุ่ม
“ฉันไม่เคยเอาเปรียบใคร ที่คุณให้มันมากกว่าค่าเสียหายที่ฉันได้รับ” เมื่อได้เงินพอที่จะซื้อรถเข็นคันใหม่เธอก็หันหลังทันที
ฟางเทียนฉินมองร่างบางที่สวมเสื้อกี่เพ้าเก่าเดินจากไป คนแบบนี้เขาพึ่งเคยเจอ คนที่ไม่โลภโดยเฉพาะคนจน ปกติแล้วมักจะมีคนเข็นรถมาขวางประจำ แต่เจ้านายของเขาก็ไม่เคยเอาเรื่อง เพียงแต่ให้เงินไป แต่ทุกรายเมื่อได้เงินปึกนี้ก็จะขอเพิ่มอีก แต่วันนี้หญิงสาวคนนี้กลับส่งเงินคืนให้ เป็นเรื่องแปลกแบบนี้เขาไม่พลาดที่จะรายงานเจ้านายของเขา มองไปยังเจ้านายที่กำลังนั่งอยู่ด้านบนตรงห้องส่วนตัวกับคุณเจียวมิ่ง คนคุ้มไนต์คลับแห่งนี้ ตอนนี้เจ้านายกำลังมองไปยังตัวเลขบัญชี
จางเฟยหมิง หรี่ตามองจนแทบจะถึงจมูกก็ยังไม่เข้าใจตัวเลขที่เจียวมิ่งเขียนมาให้ สายตามองไปยังคนที่แน่นทุกคืน แต่ไอ้หมอนี่ดันสรุปว่าขาดทุน
ปัง! เสียงสมุดถูกวางลงโต๊ะเสียงดัง
“ไปหานักบัญชีมา”
“ครับ” เจียวมิ่งหยิบสมุดขึ้นมาแล้วรีบออกไปทันที มองไปยังผู้ช่วยฟางเทียนฉินที่เดินสวน เขารีบตรงไปเทเหล้าให้เจ้านาย ก่อนส่งซิก้าจุดส่งให้เจ้านายแล้วล้วงเงินที่เหลือบนโต๊ะ
จางเฟยหมิงมองไปยังผู้ช่วย รอคำจากเขา
“ลูกสาวคนขายผักบอกว่าเธอรับเฉพาะที่เสียหายเท่านั้น นอกนั้นเธอไม่รับ”
ชายหนุ่มหันมองผู้ช่วยเขาวางซิก้าลง ก่อนยกเหล้าขึ้นมาดื่มไม่ได้สนใจลูกสาวขายผักอีก ตอนนี้เขากำลังสนใจนักร้องกลางเวที
เจียลู่ฟาง นักร้องคนดังประจำคลับที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดง กำลังโพกพัดสีแดงที่มีขนนกระย้า ยั่วยวนแขกอยู่หน้าเวที ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วสั่งผู้ช่วย
“ให้ลู่ฟางไปพบฉันที่บ้านด้วย”
“ครับ” เขามองนักร้องสาวแสนสวย ก่อนมองเจ้านายหนุ่มที่เดินออกไปแล้วจึงหันไปสั่งเจียวมิ่ง ก่อนตามออกไป
“ไม่ต้องตาม ฉันจะขับเอง” เมื่อมีเรื่องสำคัญจางเฟยหมิงจะไม่ยอมให้ใครติดตามแม้สักคนเดียว เขามองคืนวันนี้เป็นเดือนมืดสนิท รู้สึกห่วงเจ้านายมากกว่าปกติ
จางเฟยหมิงขับรถออกจากถนนกวางโจวไปตามเส้นทางถนนลูกรัง มองไปรอบข้างทางมีเพียงพืชสวนและนาข้าว เมื่อไปถึงเนินเขาสูงก็มีคนที่นัดหมายรออยู่แล้ว เสียงรถที่ค่อนข้างดังทำให้คนที่คอยหันมอง ขยับมือเข้าไปยังเสื้อสูทยาวเพื่อเตรียมการเมื่อแสงไฟถูกปิดลง จึงได้เห็นว่าเป็นคนที่นัดเจอ
คนพึ่งมาลงจากรถ สองมือล้วงกระเป๋าเดินไปหาจางเฟยหลง น้องชายคนสุดท้องของบ้านที่กำลังยืนพิงรถตัวเองอยู่ เขาเดินไปแล้วเอาหลังพิงรถเช่นกัน ก่อนรับซิก้าจากน้องชาย
“เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“ใกล้แล้ว รอเพียงใกล้เป้าหมายอีกนิด”
“รีบหน่อยไม่เช่นนั้นพวกมันจะหาเรื่องมาอีก” เขาย้ำอีกครั้งก่อนอธิบายแผนการกำลังคุยไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดัง ปัง!
“หลบเร็ว” ทั้งสองหลบลงด้านล่าง จางเฟยหมิงมองดูแขนที่เต็มไปด้วยเลือดบอกให้น้องชายรีบหนีไป
จากนั้นเสียงปืนก็ดังไปทั่ว เขาหันมองป่าไผ่ข้างทางจึงวิ่งเข้าไปเพื่อเป็นตัวล่อไม่ให้พวกมันตามน้องชายตัวเอง หันมองไปยังป่าไผ่เสียงฝีเท้าพวกมันเข้ามาใกล้จากนั้นพวกมันก็โผล่หัวออกมา
ตอนนี้เขาถูกล้อมโดยพวกชายชุดดำปิดหน้าปิดตา เขามองไปยังอาวุธดาบที่ถือ พวกเหมาเจ๋อตง
“คิดจะฆ่าคนอื่น แต่ไม่กล้าเปิดหน้าเปิดตา ช่างมีศักดิ์ศรีดีจริง ๆ” เสียงจางเฟยหมิงเอ่ยเย้ยพวกมัน ก่อนเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าส่งเสียงฮึ แล้วใช้ดาบฟันทันที
เขาพยายามสู้กลับแต่จะสู้พวกมันที่มีถึงสามคนได้ยังไง หลังจากถูกฟันไป 5 ครั้ง เขาพยายามวิ่งหลบเข้าป่าไผ่และแอบซ่อนตัว อาจเพราะเป็นคืนเดือนมืดพวกมันจึงหาเขาไม่เจอ ชายหนุ่มทรุดลงที่บ้านเก่าโทรมหลังหนึ่ง มองไปยังแสงเทียนกำลังจะยกมือเรียกให้ช่วยแต่ก็สลบไปก่อน
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP เพลงคลาสสิคดังเบาๆ บรรยากาศสลัวๆ เหมาะสำหรับทำอย่างอื่นมากกว่าการเจรจาทางธุรกิจ แต่เมื่อคู่ค้ามีความต้องการแบบนี้ ดีแลนก็เลี่ยงไม่ได้ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย... เหม็นทั้งควันบุหรี่ และกลิ่นเหม็นหืนอื่นๆ จนแทบจะสำลัก “คุณมาช้า” อดัมบ่น เขาเสือกแก้วบรั่นดีให้กับคนมาใหม่ “ขอโทษครับ ผมไม่ชินทางนักเลยหลงทางเพราะต้องใช้ตัวช่วย” ดีแลนไม่ได้ขยาย เขาหลงทางเพราะวิ่งตามคำชี้นำของแอพพิเคชั่นตัวหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าออกนอกเส้นทาง ก็เตลิดไปไกลเกินกว่าจะวกรถกลับมา สาเหตุเพราะเขาทิ้งร้างการขับรถยนต์มาหลายปี ดีแลนมีคนขับรถให้แต่เมื่อมีนัดกะทันหัน เขาเลยจำเป็นต้องขับรถมาเอง “คุณจริงจังกับชีวิตเกินไป ผมเลยอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง” อดัมเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ต้องทำงานก็มีกิน เขาเลยใช้ชีวิตได้เต็มที่ ดีทว่าเขามีหัวธุรกิจ ถึงจะผลาญสมบัติของตระกูลไปบ้าง ก็ไม่ทำให้เทียร่าสะเทือน สาวสวยสามนางเดินมายืนขนาบข้างเขา ดีแลนขยับตัวหนี เขาส่งสายตาปราม เมื่อตนเองไม่ชอบผู้หญิงบริการเหล่านี้ “มาสนุกกันเถอะ สาวๆ พวกนี้ผมจัดไว้ให้คุณเลยนะ”
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด