“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
ตอนที่1 ธาริกา
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’ ฝ่ามือของคนเลวกำลังยุ่มย่ามกับการดึงกระโปรงของเธอขึ้นและเขาก็ทำมันสำเร็จจนเหลือปราการชิ้นสุดท้ายคือกางเกงในตัวน้อยที่กำลังจะถูกกำจัดไปให้พ้นทาง
“คุณ..หนูยอมแล้ว..”
“หึ”
“พาไปทำบนโซฟาได้มั้ยคะ” ชายตัวสูงหยัดตัวขึ้นผละออกจากร่างของหญิงสาวแต่ไม่ทันระวังเขาก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่กกหูอย่างแรง
ปึก!!!
“เธอ!”
เพล้ง!!!
“อ๊ะ!โอ๊ยย!” เขาโดนตีถึงสองครั้งติดแต่ที่ทำให้เจ็บจนไม่สามารถล่าตัวเธอไว้ได้ทันก็คือก็คือดวงตาของเขาในตอนนี้มืดสนิทจนมองไม่เห็นแสงไฟที่ผลัดเปลี่ยนสีไปมา
.....
สามปีต่อมา
“ทราย คุณมาวินให้เลขาติดต่อมาอีกแล้ว” ฉัตรทอง ผู้จัดการสาวสองบอกดาราในสังกัดของตัวเองเสียงเบา เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ธาริการำคาญใจ
“ก็ตอบเขาไปเหมือนเดิมค่ะ”
“...”
“มีอะไรเหรอคะ” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมเฉี่ยวหันมองผู้จัดการที่ยืนละล่ำละลักอยู่ ได้โอกาสฉัตรทองจึงบอกสิ่งที่ทางนั้นต้องการกับเจ้าตัว
“คราวนี้ถ้าทรายปฏิเสธอีก เขาจะไม่ขอซื้อแล้วนะ”
“ก็ดีแล้วนี่คะ”
“แต่เขาบอกว่า.. เจอที่ไหนเขาจะไม่ปล่อยทรายอีกแล้ว”
“ชาติหมา” สิ้นคำบอกเล่าของฉัตรทอง หญิงสาวหน้าเหวี่ยงก็สบถออกมาอย่างไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน แม้แต่ผู้จัดการของเธอเองก็ยังตกใจที่เธอพูดคำหยาบได้ถึงเพียงนี้
“ทรายแก้ว การมีปัญหากับเขาไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ เธออาจหมดอนาคตได้เลย”
“ทรายควรตกลงขายตัวให้เขาใช่มั้ยคะ” ธาริกามองผู้จัดการของเธอผ่านกระจก ถึงจะพูดมาแบบนั้นแต่เธอก็รู้ว่าฉัตรทองหวังดี แต่เธอก็รักศักดิ์ศรีของเธอ ถ้าจะต้องเสียก็ต้องไม่ใช่เพราะผู้ชายที่ชื่อมาวิน ทายาทเจ้าของสังกัดที่เธอติดสัญญาอยู่ตอนนี้
“ก็เขาเปรียบเสมือนกัปตันเรือของเราหนิ มีปัญหากับคนขับเรือในทะเลมีแต่เขาจะกลั่นแกล้งนะ”
“ทะเลที่อื่นก็มี ไม่ใช่แค่ที่นี่”
“สัญญาเหลืออีกตั้งหนึ่งปี จะฉีกหรือไง”
“ไม่มีทางเลือกนี่คะ” หญิงสาวตอบกลับราวกับเรื่องที่พูดอยู่นั้นใช่เรื่องใหญ่
“คุณแขฟ้องอ่วม เอาเงินที่จะถูกฟ้องไว้สร้างบ้านที่เธอฝันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ให้ทนไปก่อนใช่มั้ยคะ”
“มันคงไม่ถึงกับต้องกัดฟันหรอกมั้ง” ธาริกาถอนหายใจตัดบทสนธนา เธอคือนางร้ายที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงเวลานี้ งานแสดงเป็นงานที่เธออยากกอดมันไว้แน่น ๆ เพราะมันทำเงินให้เธอได้ราวกับสายน้ำ สำหรับเด็กที่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างเธอจึงรักงานที่ทำเงินง่ายไปโดยปริยาย ส่วนฉัตรทองคือผู้จัดการที่ในอดีตโดนเด็กในสังกัดฉีกสัญญา และเพิ่งฟื้นคืนวงการได้หมาด ๆ เพราะดันปั้นอดีตเด็กนั่งดริ้งเป็นนางร้ายชื่อดังได้ แน่นอนว่าอดีตของธาริกาก็เป็นเรื่องกวนใจอยู่ไม่น้อย
“เครื่องประดับที่คุณทรายแก้วต้องใส่นะคะ” ทันทีที่เห็นเครื่องประดับวางลงตรงหน้า ทั้งดาราสาวและผู้จัดการก็สบตากันชั่วแวบหนึ่ง
“ของทรายแก้วต้องเป็นไพลินนี่คะ ไม่ใช่บุษราคัม”
“พอดีผู้ใหญ่ยัดคุณซินดี้เข้ามาก่อนหน้านี้แค่หนึ่งชั่วโมงเองค่ะ เธอขอเครื่องประดับที่เป็นชุดไพลิน”
“ได้ยังไง ตำแหน่งเซ็นเตอร์คือทรายแก้ว และต้องใส่ชุดไพลินโชว์ไม่ใช่เหรอ!” ธาริกาส่งซิกให้ผู้จัดการที่เริ่มหลุดเสียงหนุ่มใส่ทีมงาน
“ตำแหน่งเซ็นเตอร์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นคุณซินดี้ค่ะ”
“อะไรนะ!”
“พี่ฉัตร พอเถอะค่ะ” ธาริกาดึงแขนผู้จัดการที่ขยันสติหลุด ทีมงานคนนั้นไม่สนใจว่าทั้งสองจะโอเคหรือไม่เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้มีหน้าที่สับเปลี่ยนใครหากไม่มีคำสั่งจากเจ้าของงานมาอีกที
“หลายทีแล้วนะอีซินดี้”
“พอเถอะพี่ฉัตร มันอยากเดินก็ให้มันเดิน เราได้เงินแล้วหนิ”
“แต่ถ้าได้ใส่ชุดไพลินนั่นนะ ช่างภาพเขาต้องสาดแฟลชมาที่เธอแน่นอน” ฉัตรทองยังคงด้อยค่าเครื่องประดับที่ธาริกาจะได้ใส่มันอย่างไม่ลดละ
“เพื่ออะไร ค่าตัวก็เท่าเดิม ดีซะอีกทรายจะได้ไม่แสบตา”
“สองงานแล้วนะที่มันทำแบบนี้”
“ก็เขาเป็นลูกรักผู้ใหญ่นี่คะ” คำพูดของดาราสาวทำเอาฉัตรทองน้อยใจ ที่ไม่มีคอนเนคชั่นอะไรเพื่อปกป้องเด็กของตัวเองได้เลย
“บางทีนะ เราอาจต้องพึ่งบารมีของคุณนาวิน”
“ไม่!”
“ทรายแก้ว ที่ซินดี้มันกร่างก็เพราะมันเป็นเด็กของคุณชาร์ล มันถือว่าไม่มีใครกล้าแตะต้องมันน่ะสิ”
“งั้นพี่ฉัตรก็ติดต่อคุณชาร์ลอะไรนั่นให้ทรายสิคะ จะไปพึ่งนาวินทำไม”
“เออ เนอะ แกนี่ฉลาด”
.....
ธาริกาในชุดเดรสเกาะอกยาวสีดำสนิทตัดกับผิวพรรณที่ขาวเปล่งปลั่งเดินนวยนาดส่งรอยยิ้มหยาดเยิ้มให้ช่างภาพได้เก็บภาพที่ดูดีทุกอิริยาบทของเธอ ชุดเครื่องประดับสีบุษราคัมไม่ใช่ชุดหลักที่งานตั้งใจโปรโมต แต่เมื่อมันอยู่บนลำคอระหงของธาริกาย่อมได้รับความสนใจท่วมท้น
“ชุดต่อไปนี้เป็นคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์วาราลักซ์ชัวรี่นะคะ ซึ่งนางแบบของเราในวันนี้ก็คือ..”
“คุณซินดี้ นางเอกชื่อดังที่สุดในตอนนี้นั่นเองค่ะ” แสงแฟลชย้ายจากธาริกามาหาซินดี้อย่างที่ควรจะเป็น แต่มีสายตาจากดวงตาสีเทาคู่หนึ่งที่ยังไม่ได้ละไปจากเธอ
“ทรายแก้ว ธาริกาครับ”
“อืม”
พรึ่บ
“ว๊าย!” เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อธาริกาถูกนางเอกสาวเดินโชว์ชุดไพลินที่ไม่เคยมาซ้อมเดินบนเวทีเหยียบที่ชายชุดเดรสความยาวลากพื้นที่เธอสวม ส่งผลให้เมื่อเธอก้าวเดินเกาะอกบนตัวก็เลื่อนหลุดลงต่ำ ธาริกาต้องล้มตัวนั่งลงสองแขนบังช่วงตัวเพื่อไม่ให้เกิดความอนาจาร
“ซินดี้ไม่ได้ตั้งใจนะคะ” ธาริกามองคนที่ทำเธอตาขวางพร้อมกับมือที่ยกขึ้นปิดสองอก รอเวลาทีมงานหรือผู้จัดการของเธอมาช่วยเหลือ
“อย่าถ่ายนะคะ ห้ามถ่ายนะ”
พรึ่บ
ก่อนที่ฉัตรทองจะมาถึงตัวธาริกาก็มีเสื้อสูทตัวใหญ่มาปกคลุมเธอจากทางด้านหลัง หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่ช่วยเหลือเธอแต่เขาดันไม่ใช่สักคนที่เธอคิด
“ขอบคุณนะคะ”
“คุณชาร์ล...” เรียวคิ้วของธาริกาขมวดมุ่นที่ซินดี้เรียกชื่อเขาขึ้นมา
“ทรายแก้ว ตายแล้ว! ลุกขึ้นเดินไหวลูก”
“พี่ฉัตรมาพยุงทรายหน่อยค่ะ ข้อเท้าน่าจะเจ็บ” ไม่ทันที่ฉัตรทองจะได้ทำหน้าที่นั้น ชายหนุ่มเจ้าของเสื้อก็อุ้มเธอออกไปจากหน้างาน
“นั่นคุณชาร์ลหนิ”
“ใช่ คุณชาร์ลจริง ๆ ด้วย” เสียงพูดคุยไล่หลังหลังจากเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ซินดี้ยังคงแสดงสีหน้ารู้สึกผิดต่อหน้าสื่อที่ทำธาริกาอับอาย
“ความผิดซินดี้เองค่ะ มันผิดคิว.. ซินดี้ขอโทษทรายแก้วผ่านพวกพี่ ๆ เลยแล้วกันนะคะ”
“อย่าร้องไห้ไปเลยครับ ทรายแก้วเขาแยกแยะได้อยู่แล้วเรื่องแบบนี้มันผิดพลาดกันได้”
แม้ภายนอกจะเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแต่ในใจเธอนั้นยิ้มกว้างอย่างสะใจ ส่วนเรื่องผู้ชายเดี๋ยวค่อยเคลียร์
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY