“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
ตอนที่1 คืนพลาด
ไมเคิลเดินตามเจเลอร์ลงมาเมื่ออยู่ ๆ คนแอบหวงแมวก็หมดอารมณ์สนุกและหนีมานั่งเฝ้าแมวของมันที่ชั้นล่าง เขามองตามสายตาคมดุไปก็เห็นแผ่นหลังนวลเนียนของสองสาวที่ไอ้เคนกำลังนั่งคุม ปากพูดกับอีกคนแต่สายตายังส่งซิกไปหาผู้หญิงปากเก่งอย่างแสนดี
“อ๊ะอายจะรู้ตัวมั้ยวะว่าเจ้าของมันจ้องตะคุบอยู่ตรงนี้”
“...”
“หวงเค้าสิมึง” เจเลอร์ยังเข้มขรึมทำเพียงตวัดสายตามองเขาอย่างรำคาญเท่านั้น ก่อนจะเอาสายตานั้นไปเฝ้าผู้หญิงที่มันเคยบอกว่าไม่เอาแล้ว เขายกมือขึ้นเรียกพนักงานคนหนึ่งในร้านให้มาหา ก่อนจะช่วยเพื่อนที่นั่งหน้าตึงด้วยวิธีที่เจเลอร์คิดไม่ได้อย่างแน่นอน
“มึงหาคนเอาฝาเบียร์ไปขูดรถไอ้เคนให้รอบคัน แล้วให้คนไปบอกมัน”
“อะไรนะครับ!”
“มึงได้ยินไม่ผิด เสร็จงานแล้วไอ้เจเลอร์จะจ่ายให้หมื่นนึง” เขาถูกเจเลอร์มองด้วยหางตาแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน...แสดงว่าความคิดมันก็เข้าท่าดี
.....
“แสน! เดี๋ยวก็เมาหรอก” อชิรญาแกล้งรั้งมือของเธอ และเธอก็แกล้งกรอกน้ำเมาสีสวยลงคอทีเดียวจนหมด ก่อนจะหันไปพูดพร้อมยิ้มแฉ่ง
“กลับแท็กซี่”
“เดี๋ยวเถอะ” เธอละสายตาหยาดเยิ้มจากใบหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนกวาดมองตั้งแต่บาร์เทนเดอร์ คนที่ยืนเต้นโซนธรรมดา ไปยังหน้าเวทีที่ชอบที่สุด ก่อนจะเอาสายตากลับมามองเพื่อนที่นั่งข้างกันเห็นว่าใบหน้าของอชิรญาเอนซบบนบาร์แล้ว และเคนก็มองมาที่เธอแววตาวาวระยับไม่ต่างจากที่มองเพื่อนเธอ
“เราไปล้างหน้าก่อนนะ นั่งอยู่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
“ให้ไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก นั่งอยู่ตรงนี้นะเข้าใจมั้ย”
หญิงสาวรีบใช้น้ำเย็น ๆ ประพรมกรอบหน้าที่ร้อนผ่าว สงสัยบาร์เทนเดอร์จะใส่เหล้าเยอะไปเธอถึงได้จะเมาง่ายขนาดนี้ ‘ที่พูดเล่นว่าจะกลับแท็กซี่คงได้ทำมันจริง ๆ’
เธอยืนใช้มือค้ำกับขอบอ่างล้างมือจนรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยจึงรีบพาตัวเองกลับไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่กับเคนซึ่งระหว่างทางเธอก็เจอพวกน่ารำคาญมาชวนไปต่อ หรือมาหยุดมองหน้าอกที่โผล่พ้นเสื้อเกาะอกสีขาวของเธออย่างตั้งใจ
“คืนนี้มีคนไปส่งหรือยังครับ”
“เอารถมาค่ะ”
“เดี๋ยวสิคุณคุยกันก่อน”
“โทษนะคะฉันรีบ” เธอสะบัดมือคนแปลกหน้าออกอย่างไม่มีเวลาหันไปด่าเพราะมองเห็นแล้วว่าเพื่อนของเธอกับเคนหายไปแล้ว เหลือแค่กระเป๋าของเธอที่วางอยู่
“เพื่อนเราที่นั่งอยู่กับผู้ชายตรงนี้ไปไหนแล้วคะ”
“อ๋อ เพื่อนคุณเมาพี่เคนพาขึ้นไปห้องวีหนึ่งแล้ว”
จิ๊!
หญิงสาวร้องขึ้นอย่างหงุดหงิดแค่ไม่กี่นาทีไอ้พี่เคนนี่ก็ไวจริง ๆ เธอรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองฝั่งขวามือที่เป็นห้องวีไอพีพรีเมี่ยมและผลักประตูห้องที่อยู่ด้านในสุดอย่างไม่ลังเล
ความมืดเกือบสนิททำเอาต้องยืนตั้งหลักก่อนหลายวินาที และในที่สุดก็เห็นร่างกำยำนั่งหันหลังพาดท่อนแขนกับพนักพิง แล้วเพื่อนเธอล่ะ?
“พี่เคน! อ๊ะอาย...นาย!” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหวเมื่อในห้องนี้ไม่มีเพื่อนเธอ และเขาก็ไม่ใช่เคน ไม่มีเวลาตกใจนานเพราะห่วงอชิรญามากกว่าสิ่งใดจึงหวังจะรีบออกไปจากที่นี่แต่กลับถูกกระชากลงมาบนโซฟาตัวเดียวกับเขาหัวคะมำลำตัวพาดบนหน้าตักแกร่ง แต่เมื่อเธอจะลุกหนีก็ทำไม่ได้เพราะถูกรัดไว้แน่น
“นี่! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!”
“บังเอิญอยากยุ่งซะด้วยสิ”
“ปล่อยนะฉันรีบไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอก!”
“หาอ๊ะอายอยู่เหรอ”
กึก
“อ๊ะอายอยู่ไหนนายรู้เหรอ”
“รู้สิ”
“ก็บอกมาสิว่าอ๊ะอายอยู่ไหน”
“เอาตัวเข้าแลกสิ แล้วจะบอก” ทั้งคำพูดและมือที่กำลังลูบต้นขาของเธออย่างจาบจ้วงทำให้แสนดีดีดดิ้นอย่างไม่ยอม แต่เขายังลุกล้ำเธอด้วยการปัดรวบผมหลบทางเพื่อนฝังกลีบปากที่ต้นคอทางด้านหลัง
“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าเพื่อนอยู่ไหน ป่านนี้โดนไอ้เคนเอาไปแล้วมั้ง”
“ก็บอกมาสิโว๊ย!”
“พูดกับคนที่จะช่วยเธอแบบนี้เหรอ”
“ก็เพราะรู้ว่านายไม่ช่วยไง ปล่อยสิฉันรีบ! อ๊าย!” ร่างบางถูกจับพลิกไปนอนราบบนโซฟาหนังและถูกขังไว้ในคนตัวโตที่คร่อมทับเธออย่างแนบชิด เธอกรีดร้องหวังให้ใครได้ยินและทำให้เขาหยุดสักทีเธอเหลือเวลาตามหาเพื่อนน้อยลงทุกที
“กรี๊ด อ็อกก” ไมเคิลแกล้งกรอกเหล้าขวดเล็ก ๆ รสบาดคอลงโพรงปากของหญิงสาว ดีกรีเหล้ามันมากถึง 80% ‘ตัวเล็ก ๆ แค่นี้แก้วเดียวก็น็อก’
“ไอ้บ้าแกเอาอะไรให้ฉันกิน แค่ก ๆ”
“เหล้าธรรมดา คิดว่ามียาหรือไง”
“ถ้ามียานายก็ชาติชั่วเกินไปแล้วแหละ” ตัวของหญิงสาวฟุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มันไหลลงคอไม่หมด เธอยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากและคางที่เหล้าไหลย้อยก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ปรากฏว่าภาพมันเบลอหมุนไปหมด
“ฉันล่ะโคตรเกลียดเวลาถูกใครด่า และยิ่งเป็นผู้หญิงนะ...”
“นาย...”
“เพื่อนเธออยู่กับไอ้เจเลอร์ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“...”
“เมาไวจัง เหล้ายังเหลืออีกนะ” แสนดีเริ่มรู้สึกว่าเปลือกตามันหนักเกินจะลืมขึ้นไหว รสชาติเหล้ายังติดอยู่ในโพรงปากจนเธอต้องกลืนน้ำลายลงคอล้างความขมของมัน ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงาน ยิ่งตอนที่เธอใช้มือขยุ้มเส้นผมตัวเองเขาก็แทบจะขาดสติลง
“เหล้านี้นำเข้าเลยนะ ปกติมันขายไม่ดีหรอกเพราะเมาง่าย”
“ลุก...ออกไป”
ไมเคิลกรีดนิ้วไล้บนเนินอกอวบแผ่วเบาแต่ทำให้คนใต้ร่างสยิวซ่านวูบวาบด้วยความที่ไม่เคยมีใครได้ทำแบบนี้กับเธอ ก่อนที่เกาะอกตัวเล็กจะถูกนิ้วชี้เกี่ยวลงมากองใต้ฐานอก
“อย่า..”
“จุกของเธอมันจะสีอะไรกันนะ” ขณะที่ถามมุมปากก็ยกยิ้ม ดูจากผิวขาว ๆ แล้วคิดว่าภายใต้ที่ปิดจุกนั่นน่าจะแป็นสีชมพูสด คนเมาพยายามดึงเกาะอกของเธอขึ้นปิดโดยไม่รู้เลยว่ามือข้างหนึ่งของเขากำลังรั้งมันไว้ ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบรีโมทเล็ก ๆ ข้างแก้วเหล้ามาเปลี่ยนโหมดจากไฟปาร์ตี้เป็นสีวอร์มไลท์ ไมเคิลถึงกับกัดริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อได้เห็นทรวดทรงของเธออย่างถนัดตา
“นมนี่ของจริงป้ะ?”
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY