นริศราคือเด็กสาวที่ถูกพ่อแม่ขายให้มาเฟีย เธอตกเป็นเด็กรับใช้และแม่บ้าน สิบปีต่อมาเธอกลายเป็นสาวแรกแย้มที่สวยสะพรั่ง แถมยังชอบถูกเจ้านายสั่งให่แก้ผ้าอยู่บ่อยๆ ทว่าเค้ากลับไม่กล้าทำอะไรล่วงเกินเธอเลย นั่นมันเพราะอะไรกันนะ?
นริศราคือเด็กสาวที่ถูกพ่อแม่ขายให้มาเฟีย เธอตกเป็นเด็กรับใช้และแม่บ้าน สิบปีต่อมาเธอกลายเป็นสาวแรกแย้มที่สวยสะพรั่ง แถมยังชอบถูกเจ้านายสั่งให่แก้ผ้าอยู่บ่อยๆ ทว่าเค้ากลับไม่กล้าทำอะไรล่วงเกินเธอเลย นั่นมันเพราะอะไรกันนะ?
ทาสรับใช้เจ้านายมาเฟีย
ตอน เพราะเธอเป็นเหมือนดอกไม้งาม
สายลมเย็นพัดผ่านทะเลสาบกว้าง คลื่นน้ำกระเพื่อมไหวขณะแสงแดดระยิบระยับทอประกายกับเกลียวคลื่น
นกน้อยบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือคฤหาสโบราณกลางแม่น้ำใหญ่ รูปทรงตัวอาคารดั่งปราสาทหินโรมัน มีเสาสูงยาวเด่นสง่าตระกาลตา สีขาวของตึกดูเหลืองซีดจนบ่งบอกถึงความเก่าแก่ประมาณหกชั่วอายุคน มีชายฉกรรจ์เดินตรวจตราโดยรอบเกาะกลางแม่น้ำ ทุกคนมีสีหน้าถมึงทึง
เด็กสาวร่างบางแก้มโตกำลังจัดแจงอาหารจากมือเชฟฝรั่งเศสเรียงรายลงบนโต๊ะศิลาอันกว้างขวาง ปากสีชมพูขมุบมิบขณะชายหางตามองเจ้าแมวสก๊อตติชสีเทาตัวผู้
"วันนี้เค้าจะลงมาทานข้าวกี่โมงกันนะโอลาฟ"
เงี๊ยว! เจ้าแมวตัวอ้วนฉุส่งเสียงร้องขณะก้มดมปลาแซลม่อนย่างถ่าน
"อย่านะ อยากโดนคุณเอสตีเหรอ" นริศราถลึงตาดุเจ้าขนฟู มันกระโจนหนีลงจากโต๊ะอาหารไปนั่งอยู่บนเปียโนราวกับว่ากลัวเจ้านายของสาวใช้เป็นอย่างมาก เพียงแค่ได้ยินชื่อของเค้า
ฟู่วส์! จมูกจิ้มลิ้มถอนหายใจแรงเมื่ออาหารเรียงรายเรียบร้อยบนโต๊ะ ร่างบางย่างเดินมาริมหน้าต่างและดวงตากลมแป๋วก็มองทอดออกไปยังทะเลสาบสีเขียวมรกต
สิบปีมาแล้วที่เด็กสาวโดนพ่อกับแม่ขายให้กับบ้านมาเฟียตระกูลหนึ่ง เธอเริ่มทำงานบ้านมาตั้งแต่อายุเก้าขวบ บัดนี้เธออายุย่างเข้ายี่สิบจึงถูกเลื่อนขั้นให้เป็นเสมียนและผู้ดูแลส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มนามว่าเอส มาเฟียหนุ่มใหญ่วัยสามสิบหกปี
หน้าที่ของเธอคือดูแลเสื้อผ้าหน้าผมและอาหารการกินของเค้าทุกอย่าง และยังต้องคอยนับเงินสดที่ลูกน้องชาวแก๊งนำมาส่งในทุกๆวันด้วย เงินสีเทาเหล่านั้นล้วนมาจากบ่อน ซ่องโสเภณี และสนามม้าสนามมวย
ปุ้ง! ๆ ๆ เสียงกระสอบทรายบนชั้นดาดฟ้าทำให้สติของเด็กสาววัยแรกแย้มกลับมาสู่ปัจจุบันกาล
"จะเก้าโมงแล้ว ต้องไปเรียกคุณเอส" นริศราเอ่ยขณะมองนาฬิกาข้อมือสีทองอร่ามบนข้อแขนเล็ก มันคือของขวัญเพียงชิ้นเดียวจากเจ้านายของเธอ
แปะ! ๆ ๆ รองเท้าผ้ากระทบพื้นขณะเรียวขาเล็กสวยสลับก้าวขึ้นบันใดอย่างเร่งรีบ แฮ่ก! ๆ ๆ หน้าอกน้อยกระเพื่อมสั่นขณะที่ลมหายใจร้อนพวยพ่นออกทางปากสีชมพูเรียวบาง
ร่างเพรียวขาวสะท้อนแสงแดดยามสายเมื่อขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า ผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนกับใบหน้าเล็กเรียวทำให้สาวใช้ดูเด็กลงไปอีกมากโข ราวกับเด็กมัธยมต้นก็ไม่ปาน
เปรี้ยง! ๆ ๆ ดวงตากลมแป๋วเบิกโพลงเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มร่างใหญ่กำลังเปลือยท่อนบนซ้อมกระสอบทรายอยู่กลางแดดจ้าบนชั้นดาดฟ้า
"คุณเอสคะ ถึงเวลาทานข้าวแล้วนะคะ" เสียงเล็กแหลมดังแว่วเข้าหูหนุ่มร่างใหญ่ผิวแทน ใบหน้าคมคายหันขวับมาพลันใด
"ทำไมต้องมาเรียก ฉันไม่ใช่ลูกเธอนะ" หนุ่มใหญ่วัยเกือบพ่อบ่นเสียงดัง กระนั้นก็ยอมถอดนวมออกจากกำปั้น
อึก! เด็กสาวกลืนน้ำลายเหนียวแทบไม่ลงคอ ตามองจ้องยังหยดเหงื่อบนปลายจมูกโด่งที่กำลังหยดติ๋งๆลงบนหน้าอกล่ำกว้าง เห็นเต็มสองตาว่ามันกลายเป็นสายธารไหลลงสู่กล้ามท้องซิกแพคที่นูนแน่นเป็นลอนๆแล้วหายวับไปตรงขอบกางเกง
"ยืนบื้ออะไรอยู่ได้ รีบเอาของลงไปสิ" หนุ่มใหญ่ตวาดดังก่อนจะหันหน้าไปมองสมาร์ทโฟนและเสื้อผ้าที่กองอยู่บนโต๊ะ
"ค่ะ วันนี้ต้องมีประชุมหนูเลยรีบขึ้นมาเรียกค่ะ" เด็กสาวตอบขณะวิ่งอ้อมร่างสูงใหญ่ไปเก็บเสื้อผ้าและมือถือกอดไว้ที่หน้าอก เธอรีบก้าวตามหนุ่มหล่อมาดเข้มลงไปยังห้องโถงชั้นล่าง
มาเฟียหนุ่มรุ่นที่หกลงมานั่งที่โต๊ะอาหารทั้งที่ยังเปลือยท่อนบนอล่างฉ่าง แขนท่อนใหญ่ขยับไปมาจนเห็นมวลมัดกล้ามแน่นหนาและเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดๆ
แปะ! ๆ ๆ สาวรับใช้วิ่งมายืนข้างกายเจ้านาย มองไปตามผิวหนังชุ่มเหงื่อของเค้าแล้วชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย โดยเฉพาะใบหน้าอันหล่อเข้มบาดใจนั้น
"เค้ก นี่ใครทำเค้กวะ บอกแล้วว่าไม่ชอบ" จู่ๆน้ำเสียงที่ฟังดูโหดร้ายผิดกับหน้าตาก็ตวาดลั่น
โพล๊ะ! สมาร์ทโฟนในมือเด็กสาวร่วงหล่นลงพื้นทันทีที่เธอตกใจสะดุ้ง
"ขะคือ ฉันเห็นว่าท่านใช้แรงเยอะก็ควรทานอาหารที่มีคาร์บเยอะๆน่ะค่ะ" นริศรายืนห่อตัวเล็กขณะตอบเสียงสั่น
"แต่เค้กมันมีน้ำตาล ยัยโง่" เจ้านายหน้าหล่อรุ่นพ่อหันมาเงยหน้าสบตาดุ
"ไม่มีนะคะ ใช้น้ำตาลเทียมและครีมเทียมด้วยค่ะ" เด็กสาวตอบอย่างใสซื่อ
"แต่ฉันไม่ชอบเค้ก" หนุ่มหล่อตวาดและเอื้อมจับเค้กสีขาวขยำจนเละเทะคามือ
"เอาไปวางบนขาเธอแล้วแก้ผ้า ไปนั่งบนเปียโนโน่น"
น้ำเสียงหนุ่มใหญ่ฟังดูเยือกเย็นน่ากลัว แต่การลงโทษแบบนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก นริศราจึงก้มหน้าจ๋อยขณะเดินไปยืนหน้าเปียโน เธอค่อยๆถอดผ้ากันเปื้อนออก ตามด้วยเสื้อและกระโปรงสาวใช้ที่ถูกโยนลงมากองกับพื้น
หึ! ๆ มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มและหัวเราะอย่างชอบใจ ขณะมองเรือนร่างเปลือยเปล่ากำลังปีนขึ้นไปนั่งบนเปียโนเค้าก็ตักอาหารกินไปด้วย
"อ้าขาออก จะเอามือปิดทำไม มันไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย ฉันเห็นของเธอมาตั้งกี่ครั้งแล้ว หึ! ๆ ๆ ๆ"
มาเฟียหนุ่มสั่งไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวนั่งร้องไห้กระซิกๆขณะยกสองมือออกจากเนินหน่าวและอ้าสองขาออกกว้าง จากมุมมองนี้ไปยังโต๊ะอาหารเธอรู้สึกว่าเจ้านายตัวเองช่างไม่ต่างอะไรกับฆาตกรโรคจิต จะผิดต่างก็แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย
อึก! หนุ่มใหญ่กลืนน้ำลายเหนียวลงคอขณะจ้องมองมายังง่ามขาขาวที่นั่งอยู่บนแป้นกดเปียโน
ตริ๊ง! ๆ ๆ เสียงโน๊ตดนตรีดังระรัวเมื่อร่างบางนั่งสั่นเทาขณะที่ตูดกดกับแป้นเปียโน เนินหน่าวที่นูนโหนกไร้เส้นขนกำลังเผยให้ชายหนุ่มรุ่นพ่อได้เห็นถึงร่องกลีบสีชมพูที่ปิดแนบมิดชิดสนิทเนื้อ
อื่ม! มาเฟียหนุ่มซดน้ำแกงขณะมองจ้องร่องสาวสีชมพูอมแดงอย่างตาค้าง รู้สึกว่าเค้าจะกินอาหารอร่อยขึ้นกว่าปกติ
"เค้กล่ะ เอามันป้ายกับขาเธอสิ" เสียงดุดังก้องจนมือน้อยต้องรีบหยิบเค้กก้อนเหลวๆมาปัายกับขาข้างขวาของตัวเอง
เมี๊ยว! เจ้าโอลาฟส่งเสียงร้องขณะทำจมูกฟุตฟิตๆ มันกระโจนลงจากหลังเปียโนมาก้มเลียขาขาวของสาวใช้แผล็บ! ๆ
อือออ! เด็กสาวหยุดร้องไห้แต่กลับกลายเป็นร้องครางกระเส่า รู้สึกแสบแปล๊บๆตรงลิ้นแมวที่เลียขาอ่อน ทว่าไม่กล้าจะยกมือปัดป้องเจ้าเหมียวเพราะกลัวเจ้านายดุ
"นริศรา เธอรู้ไหมว่าเธอน่ะสวยมาก"
"แต่โง่"
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวร้องโฮครั้งใหญ่ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อตำใจ เจ้าเหมียวที่เลียขารีบกระโจนหนี
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวยกมือน้อยปาดน้ำตาขณะที่นั่งอ้าขากว้างอยู่บนเปียโน ตริ๊ง! ๆ ๆ เสียงโน๊ตดังทุกครั้งที่ตูดงอนขาวสั่นกระเพื่อม
"นี่ เอามือออกให้ฉันได้มองใบหน้าสวยๆของเธอเสียที"
"จะน้อยอกน้อยใจอะไรนักหนา เธอต้องขอบคุณพ่อกับแม่เธอมากกว่าที่ไม่เอาเธอไปขายให้ซ่อง ป่านนี้จะเป็นยังไงคิดดูสิ"
"ฮือ! ๆ ๆ แล้วคุณทำแบบนี้กับฉันทำไม ทำทำไม" เด็กสาวเอาสองมือออกจากหน้าและกำหมัดแน่นจนสั่น เปล่งเสียงดังตวาดสวนเจ้านายอย่างท้าทาย
"ถ้าหนูผิดจะตีหนูก็ได้ ทำไมต้องสั่งให้หนูแบบนี้ ทุกครั้งเลย ฮือ! ๆ ๆ" น้ำเสียงสาวใช้อ่อนลงพลันใดที่เธอเรียกตัวเองว่าหนู
"หึ! ๆ ๆ ก็เพราะว่าเธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่สดสวยยังไงล่ะ"
"อย่างเธอไม่ควรต้องโดนใครเด็ดดมหรือล่วงเกิน"
"คนสวยอย่างเธอต้องสวยอยู่บนช่อดอกไม้ให้ฉันได้มองทุกครั้งไป"
หนุ่มใหญ่เอ่ยขณะมองเต้านมขาวไล่ลงมายันเนินหน่าวและร่องสาวที่แดงระเรื่อขึ้นทุกขณะ
อึก! กำปั้นน้อยคลายออกขณะที่มือเล็กเรียวสั่นเทา คำพูดที่เพิ่งได้ยินกับหูเมื่อครู่ช่างรู้สึกดีพิลึก ถึงกระนั้นก็ไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังชมหรือดูถูกอยู่กันแน่
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY