เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
ตึก! ตึก! ตึก!
โยชิโอกะ ริว พาส่วนสูง185ซม.เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวชั้นสองภายในเพนท์เฮ้าส์ ที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเหมือนกับบ้านเมืองที่เขาจากมา
ริวเป็นนายน้อยของตระกูลโยชิโอกะที่ถูกส่งมาประจำการอยู่ที่เมืองไทย เนื่องจากธุรกิจของตระกูลกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการรุกรานของยากูซ่าต่างแก๊งที่เริ่มเข้ามายึดครองในเขตของประเทศแผ่นดินแม่
ที่ครอบครัวเขาขยายธุรกิจมาที่เมืองไทยหลังจากที่พ่อกับแม่ของเขาแต่งงานและมีบุตรชายคนแรกนั่นก็คือพี่ชายของเขา
และริวนายน้อยแห่งตระกูลโยชิโอกะที่มีเลือดครึ่งหนึ่งในตัวเป็นคนไทยเป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูล ที่ตัดสินใจอาสามาดูแลธุรกิจที่ไทยแทนพี่ชายที่ต้องการอยู่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่นมากกว่าที่จะเดินทางมาดูธุรกิจที่ไทย
เนื่องจากลูกชายคนแรกหรือหลานชายคนแรกของตระกูลโยชิโอกะกำลังจะลืมตาดูโลกนี้ในอีก1เดือนข้างหน้า
ริวจึงอาสามาแทนพี่ชายท่ามกลางเสียงคัดคานของเหมือนฝันผู้เป็นมารดา ที่ออกจะเป็นห่วงลูกชายคนเล็กอย่างริวแบบออกหน้าออกตา
แต่ยังไงเสียก็ต้องจำใจยอมเพราะมันเป็นความประสงค์ของเจ้าตัวเธอจึงไม่กลัาจะขัดถึงแม้จะแอบไม่ชอบใจนักก็ตาม
ริวเกิดในต้นตระกูลยากูซ่าที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ต้นตระกูลของเขาชื่อเสียงโด่งดังในประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง
เขาถูกฝึกมาอย่างดีจากผู้เป็นพ่ออย่างอิชิโร่ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้อย่างดาบหรือปืนซึ่งเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่ที่ริวเก่งและดูจะชอบเป็นพิเศษคือการต่อยมวยเขาถึงขั้นมีสนามมวยเอาไว้ฝึกซ้อมกับลูกน้อง เพื่อคลายเครียดในวันที่เขาอยากออกกำลังกายหรือพักผ่อนสมอง
อย่างที่บอกต้นตระกูลของริวเป็นยากูซ่า เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลรองจากพี่ชาย ที่ทำหน้าที่ดูแลต้นตระกูลและสืบทอดกิจการอยู่ที่ญี่ปุ่น
ริวในวัย29ปีเขาได้อิทธิพลการใช้ชีวิตมาจากพ่อและพี่ชายมาพอสมควร ใครๆก็รู้ว่ายากูซ่าน่ากลัวเพียงใดและริวก็เป็นแบบนั้นเพียงแค่เขาตวัดสายตาดุใส่ใคร คนๆนั้นก็ถึงกลับกลัวจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ลูกน้องของเขาเองที่ต่างพากันกลัวนายน้อยแห่งตระกูลโยชิโอกะด้วยเช่นกัน
และอย่างที่รู้ๆกันริวเป็นนายน้อยของตระกูลโยชิโอกะผู้คนภายนอกมองเขาว่าเป็นคนโหดเหี้ยม เย็นชา บางครั้งดูน่าเกรงขามมากกว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชาย และริวเองก็เป็นแบบนั้นตามคำที่เขาว่ากัน นั้นจึงทำให้เขาครองตัวเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีผู้หญิงหน้าไหนกล้าเข้าใกล้เขาแม้แต่น้อย
ถึงแม้เขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลายังกะนายแบบ แต่ความหน้ากล้วของริวก็ถูกปิดทับความอ่อนโยนที่อยู่ภายใน จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนได้สัมผัสความอ่อนโยนของเขา จะมีเพียงแค่เหมือนฝันผู้เป็นมารดาเท่านั้นที่ได้สัมผัสความอ่อนโยนที่อยู่ภายในตัวของริว
ตัวเขาเองไม่ใช่ว่าไม่อยากจะมีแฟน เขาเองก็อยากมีคนรักเหมือนกับพ่อและพี่ชาย และก็อยากมีตัวเล็กๆเอาไว้สืบทอดตระกูล แต่เขาเองก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจและทำให้เขาหวั่นไหวใจเต้นแรงได้เลยสักคน
แต่เขาก็ตั้งใจเอาไว้แล้วเมื่อเมื่อไหร่ที่เขาได้เจอคนๆนั้นคนที่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้ เขาจะไม่รีรอที่จะคว้าเธอมาแนบกายถึงแม้เขาจะไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหนเลยก็ตาม แต่มันก็คงไม่ยากเกินความสามารถของเขา
มีอย่างหนึ่งที่ริวกังวลคือการจะมาเป็นแฟนยากูซ่าอย่างเขามันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้หญิงคนนั้นอาจจะต้องเจอบททดสอบอย่างที่แม่ของเขาและไอโกะพี่สะใภ้ต้องเจอ
ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักเขามากพอหลังจากจบบทสอบแล้วเธอกับเขาก็ต้องจบความสัมพันธ์กัน
ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดไปรเวทเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำสวมเข้ากับชุดกางเกงยีนส์ขายาวสีดำเดินลงมาจากชั้น2ของเพนท์เฮ้าส์ ดวงตาคมเข้มสีน้ำตาลตวัดสายตามองลูกน้องที่พากันจัดแถวรอรับผู้เป็นนายอย่างเป็นระเบียบ
ฟุโดมือขวาของเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดก้มหัวเคารพผู้เป็นนายตามด้วยลูกน้องคนอื่นๆ ตามจริงแล้วยังขาดไดจิผู้ที่เป็นมือซ้ายของริวอีกคน แต่ทันทีที่ย่างกรายมาถึงเมืองไทยเขาก็ได้รับคำสั่งจากริวให้แฝงตัวเข้าไปในบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของตัวเอง เพื่อสืบหาหนอนบ่อนไส้ที่มันขายข้อมูลของบริษัทให้กับแก๊งยากูซ่าคู่อริ
และนี่ก็เป็นสาเหตุให้นายน้อยแห่งตระกูลต้องมาประเทศไทยแบบลับๆก่อนถึงกำหนดการอีก2อาทิตย์
"นายจะรับอาหารเช้าเลยหรือเปล่าครับ?" ฟูโดเอ่ยทักทายผู้เป็นนายด้วยภาษาญี่ปุ่นอย่างลืมตัว ทำให้ริวตวัดสายตาดุไปที่ฟุโดมือขวาของเขาทันที
"กูเคยบอกกับมึงว่ายังไง?" น้ำเสียงเข้มถูกเปล่งออกไปด้วยประโยคตำหนิ
ก่อนมาที่ไทยเขาได้กำชับกับลูกน้องคนสนิทอย่างฟุโดและไดจิรวมถึงลูกน้องคนอื่นที่จะติดตามมาให้ใช้ภาษาไทยเป็นการสื่อสารเพราะเขาเองก็อาจจะต้องดูแลธุรกิจที่ไทยไปอีกนาน
"ผมขอโทษครับนาย" เมื่อรู้ว่าผิดฟุโดรีบก้มหัวขอโทษผู้เป็นนายทันที
"จำไว้ให้ขึ้นใจแล้วอย่าผิดอีก กูไม่ค่อยชอบ"
"ครับ" เป็นอีกครั้งที่ฟุโดก้มหัวขอโทษผู้เป็นนายก่อนจะเอ่ยถามประโยคต่อมา... "นายจะรับอาหารเช้าเลยไหมครับ?"
"ขอแค่กาแฟก็พอ" จบประโยคเขาก็เดินผ่านลูกน้องนับสิบตรงไปยังห้องทำงาน เพื่อที่จะศึกษาเอกสารคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทของตัวเอง
ธุรกิจของตระกูลโยชิโอกะที่ริวต้องมาดูแลเบื้องหน้าเป็นธุรกิจสีขาวอย่างเช่นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ บริษัทผลิตอาหารแช่แข็งและอย่างอื่นอีกมากมาย แต่ทว่าเบื้องหลังคือธุรกิจผิดกฎหมายล้วนๆที่สร้างรายได้ให้กับตระกูลเขาอย่างมหาศาลอย่างเช่น คาสิโน คลับและอาวุธเถื่อน
ครืด~ครืด~
โทรศัพท์เครื่องหรูกำลังแผดเสียงดังลั่นภายใต้ความเงียบในห้องทำงานที่ตกแต่งไปด้วยโทนสีดำ มีดาบซามูไรวางอยู่ด้านหลังสร้างความน่าเกรงขามให้คนที่อยู่ในห้อง
ริวละสายตาจากเอกสารตรงหน้าใช้ปลายนิ้วยกขึ้นมาดันกรอบแว่นสายตา ก่อนที่จะเอนหลังพิงไปกับเก้าอี้ผ่อนลมหายใจออกช้าๆล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับ โดยที่ฟุโดที่นั่งอ่านเอกสารอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องทำเพียงก้มอ่านเอกสารแบบเงียบๆไม่ได้ปรายตาขึ้นมามองเจ้านายหนุ่ม
"คิดถึงแม่จังเลยครับ" น้ำเสียงนุ่มถูกพ่นออกมาก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไปนวดคลึงขมับของตัวเองเบาๆ
"(อย่ามาอ้อนหน่อยเลยลูกชาย ถ้าคิดถึงแม่จริงริวคงไม่ทิ้งแม่ไปอยู่ที่ไทยหรอก)" น้ำเสียงประชดประชันปนน้อยใจถูกส่งออกมาจากปลายสายแบบไม่จริงจังมากนัก
"ไม่เอาครับคนสวยของริว อย่างอนริวเลยนะ" น้ำเสียงอ้อนๆถูกเปล่งออกมาทำให้ปลายสายอย่างเหมือนฝันถึงกับใจอ่อนยวบกับน้ำเสียงอ้อนๆของลูกชายคนเล็ก
นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆเธอคงจะพุ่งตรงมาฟัดแก้มลูกชายอย่างที่ชอบทำ
"(อย่ามาพูดเลยริว ถึงจะทำเสียงอ้อนๆใส่แม่แบบนี้ แต่แม่ก็ไม่ยอมใจอ่อนให้หรอกนะ จะงอนจนกว่าริวจะกลับมาจากไทยนั่นแหละ)"
"หึหึ..." ปากหนากระตุกยิ้มหัวเราะในลำคอกับประโยคของผู้เป็นแม่
"(แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูกกินอาหารเช้าหรือยัง ที่ไทยกี่โมงแล้วเนี่ยแม่ยังไม่ได้ดูเวลาเลย?)"
"ผมกินกาแฟไปแล้วครับ ตอนนี้ที่ไทยประมาณ9โมงเช้า"
"(แล้วนี่ไดจิกับคุโดไปไหนทำไมลูกถึงได้กินแค่กาแฟแก้วเดียว หรือแม่ต้องตามลูกไปอยู่ที่ไทยกับลูกดีไหม?)"
"ถามพ่อหรือยังครับว่าจะให้แม่มาหรือเปล่า?" นายน้อยของบ้านถามออกมาอย่างอารมณ์ดี เขารู้ดีว่าพ่อของเขาติดแม่ของเขาหนักมาก เรียกได้ว่าเป็นพวกคลั่งรักเมียเลยก็ว่าได้
ไม่ต่างจากพี่ชายของเขาเองก็เหมือนกันภายนอกกลัวจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่พอใด้อยู่กับเมียก็ดูเป็นแมวน้อยออกจะคลั่งรักหนักมาก ซึ่งเขาเองก็คิดว่าตัวเองคงจะเป็นแบบนั้น
"(ถ้าแม่จะไปซะอย่างพ่อของลูกก็ขัดขวางอะไรแม่ไม่ได้หรอกนะ เอาล่ะริวหาอะไรกินด้วยนะอย่าทำให้แม่เป็นห่วง)"
"ครับ...เดี๋ยวผมจะให้ฟุโดยกอาหารมาให้ แม่ไม่ต้องห่วง"
"(จ๊ะ...ลูกชาย แค่นี้ก่อนนะลูกแม่ต้องวางแล้ว ต้องไปดูไอโกะซะหน่อยได้ยินว่าเจ้าตัวเล็กดิ้นแรงเลยเมื่อเช้านี้)"
"ครับแม่"
"(ก่อนวางสายแม่จะบอกอะไรให้นะริว สาวไทยสวยๆเยอะนะหาที่ถูกใจสักคนสิ แม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นคนไทยนะ)"
"คงไม่มีหรอกครับแม่ ใครๆก็ต่างกลัวผม"
"(อย่าลืมนะริวที่นั่นเมืองไทยไม่มีใครรู้ว่าลูกเป็นยากูซ่าผู้โหดเหี้ยมหรอก แม่เคยได้ยินว่าไม่ไกลจากเพนท์เฮ้าส์ของลูกมีมหาลัยด้วยนะ ช่วงเย็นออกไปดูสาวๆสิเผื่อจะถูกใจใครสักคน)"
"ไว้ผมจะคิดดูครับแม่"
"(จ๊ะ...แค่นี้ก่อนนะริว)"
"ครับ" สิ้นสุดคำพูดริวก็กดตัดสายก่อนจะวางโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยเมื่อเห็นฟุโดมองเขาเหมือนจะพูดอะไร
"มึงมีอะไร?"
"เป็นอย่างที่นายหญิงใหญ่พูดครับ สาวไทยสวยจริงๆ" พูดจบเขาก็ยกยิ้มให้กับผู้เป็นนายไม่ได้กลัวใบหน้าที่เย็นชาของริว เพราะทั้งเขาและฟุโดถูกเลี้ยงควบคู่กันมากับนายน้อยของตระกูลโยชิโอกะ ลับตาลูกน้องพวกเขาก็เหมือนเพื่อนมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
"มึงแอบฟัง" มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ก่อนที่จะพ่นควันขาวออกมาจากปากและจมูก
"มันได้ยินเองครับ"
"ไร้สาระ ออกไปยกอาหารเช้ามาให้กู"
"ครับ"
ติณภพตั้งใจจะรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้ตามเจตนารมณ์ของตัวเองนั่นก็คือตอบแทนผู้มีพระคุณ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะเลี้ยงเอาไว้ที่กินเอง แต่ทว่านานวันเข้าความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
ลินินจำใจต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมเป็นคู่นอนของคนที่ใจร้ายใจใจดำอย่างสิงหราช เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอมา
กี่ครั้งแล้วที่เฮียทำร้ายหนู กี่ครั้งแล้วที่หนูยกโทษให้กับเฮีย ฮึก...ฮือ ครั้งนี้มันไม่ได้จริงๆเฮียทำร้ายหนูหนักเกินไปแล้ว
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY