U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
• ACTION •
คฤหาสน์มาเฟีย...
แง~ แง~
เสียงเด็กน้อยวัยสามเดือนร้องงอแงอยู่ไม่หยุด ไม่มีใครทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรถึงทำให้เขาร้องไห้จนหน้าแดงเช่นนี้ และสิ่งที่ไม่รู้เหตุผลนี้ก็ยิ่งทำคนเป็นย่าใจจะขาด
“โอ๋ๆ ~ ไม่ร้องนะคะคนเก่งของย่า ...หยุดร้องเถอะลูก ย่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
คุณหญิง ‘ภาดา’ นายหญิงใหญ่ของบ้านอุ้มหลานชายขึ้นมาปลอบขวัญให้เสียงร้องงอแงนั้นหยุดลง และใกล้ๆ กันนั้นก็มี ‘ศิธา’ ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยืนมองดูการกระทำของผู้เป็นแม่อยู่ ซึ่งเขาก็เป็นพ่อของ ‘ศรันย์’ หนุ่มน้อยวัยสามเดือนนี้ พ่อที่เพิ่งรู้ก่อนหน้าสามเดือนว่าตนมีลูกน้อย
“แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ” เสียงเข้มของคนนิ่งขรึมพูดบอกกับแม่ของตน แต่ยังไม่ทันจะเดินออกจากบ้าน ผู้เป็นแม่ก็อุ้มเด็กน้อยเดินเข้ามาขวางหน้าเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวตาศิธา ช่วยแม่ปลอบตาหนูหน่อยสิ ร้องงอแงตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่หยุดเลย” เธอพูดบอกลูกชายสีหน้าเป็นกังวลเพราะเป็นห่วงหลานชาย และการที่เด็กน้อยร้องอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้ก็ทำให้เธอจิตตกตามไปด้วย
“จะให้ผมปลอบเด็กเหรอครับ ผมเนี่ยนะ?”
“ใช่ แกเป็นพ่อตาศรันย์นะ โอ๋ลูกหน่อยสิ” พูดจบเธอก็พยายามยัดเยียดให้ลูกชายอุ้มเด็กน้อยที่เกิดจากอสุจิของเขาแต่ไม่ใช่ความรัก
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกของแก’ ทีไร ศิธาเป็นต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจกับแม่ของตน เพราะเขาไม่เคยเต็มใจที่จะมีลูกชายคนนี้เลย หากแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของคุณหญิงภาดาทั้งหมด
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?” เขาทำเสียงแข็งท่าทางไม่อ่อนโยนใส่หนุ่มน้อยร่างเล็กจิ๋วที่อุ้มอยู่ ทว่าหนูน้อยกลับเงียบเสียงงอแงลง และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดุๆ ของศิธา ความเกรี้ยวกราดที่เหมือนกับยักนั้นทำหนูน้อยระบายยิ้มออกมาทีละนิด จนเห็นเหงือกสีชมพูที่อยู่ด้านในโพรงปากเล็กจิ๋ว
“เงียบแล้วเห็นไหม หลานย่าเก่งที่สุด~”
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ” เขาทำท่าจะคืนหนุ่มน้อยให้กับผู้เป็นแม่ แต่เธอก็รีบพูดหยุดลูกชายไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เล่นกับลูกแกก่อนไม่ได้หรือไง ไปช้าสักวันลูกน้องแกคงไม่ประท้วงไล่แกออกจากบริษัทหรอก”
“เด็กนี่ไม่ใช่ลูกของผมครับ แม่หลอกให้ผมไปรีดน้ำเชื้อ พอผ่านไปเก้าเดือนก็พาเด็กนี่เข้ามาที่บ้าน แล้วก็พูดกรอกหูผมทุกวันว่าเด็กนี่เป็นลูกของผม...”
เขาพูดความอัดอั้นนั้นออกมา เพราะเขารับไม่ได้ที่จู่ๆ ผู้เป็นแม่จะยัดเยียดเด็กคนนี้ว่าเป็นลูกของตน หลังจากที่หลอกให้ตนไปฝากไข่แต่กลับได้มาเป็นตัว และเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กคนนี้เกิดจากหญิงสาวคนไหนที่ให้กำเนิด
“แต่ยังไงเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแกนะ แกก็ให้ความรักกับเขาหน่อยสิ” ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกที่แอบทำเรื่องอุ้มบุญหลานชายแบบลับๆ หลอกให้ลูกชายอย่างศิธาเซ็นเอกสารมากมาย แต่เธอก็อยากให้ผู้เป็นพ่อให้ความรักกับเด็กน้อยบ้าง เพราะหวังจะให้หลานชายเติบโตมาด้วยความรักและความอบอุ่นที่ครอบครัวมอบให้
“แม่เป็นคนอยากมีหลาน ก็ให้ความรักเองแล้วกันนะครับ วันนี้ผมมีประชุม ขอตัวไปทำงานก่อน” ร่างเล็กจิ๋วถูกส่งคืนให้กับคุณหญิงภาดาผู้เป็นย่า ก่อนที่คำพูดทิ่มแทงใจดำจะหลุดออกจากปากของผู้เป็นแม่
“เพราะแกบ้างานแบบนี้ไง แฟนแกถึงได้ทิ้งไป”
“…”
เธอพูดจี้ใจดำลูกชายจบ ก็หอบหลานชายขึ้นชั้นสองของบ้านไป เพราะหงุดหงิดกับลูกชายแสนใจดำของเธอที่ไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็น แม้กระทั่งลูกแท้ๆ ที่เธอเป็นคนจัดสรรมาให้
บนรถ ระหว่างเดินทางไปทำงาน...
คำพูดจี้ใจนั้นทำให้ศิธาหวนคิดถึงใครบางคนที่จากเขาไปเมื่อสองปีก่อน คนที่ทำให้เขาไม่สามารถเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใครได้อีก เพราะยังติดอยู่กับเธอคนนั้น
“ได้ข่าวเธอหรือยัง?” เสียงเข้มของผู้เป็นนายเอ่ยถามกับ ‘ทีม’ ลูกน้องคนสนิทถึงเรื่องที่เขาสั่งให้ตามสืบ
“ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับนาย ผมพึ่งให้เพื่อนช่วยตามสืบ ถ้าได้เรื่องยังไงจะบอกทันทีเลยนะครับ”
“...อือ”
ภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้เขาไม่เคยแสดงออกหรือพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีลึกๆ แต่แววตาโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยความคิดถึงใครบางคนก็ปิดไว้ไม่อยู่...
เพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางเมือง...
‘ธัญ ธัญญาดา’ สาวร่างเล็กนั่งปั๊มนมอยู่ที่กลางห้องนั่งเล่นสุดหรู สถานที่ที่เธอใช้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว และจะจากไปหลังจากงานสิ้นสุดลง ซึ่งก็อีกไม่นานนี้...
“ธัญต้องปั๊มนมอีกกี่ถุงคะพี่ว่าน?”
“อีกห้าถุงค่ะ” เสียงของ ‘ว่าน’ สาวหน้านิ่งเจ้าระเบียบ เอเจนซี่และผู้ช่วยส่วนตัวของธัญ พูดตอบถึงสิ่งที่เธอต้องทำอยู่เป็นประจำทุกวัน
“เฮ้อ~”
เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับหน้าที่ที่ต้องทำซ้ำเดิมทุกวันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา คือลุกขึ้นมาปั๊มนมวันละหลายๆ ถุงเพื่อส่งมอบให้กับลูกชายที่เธอถูกว่าจ้างจากคนรวยให้อุ้มบุญ
เต้าอวบทั้งสองข้างของเธอถูกปั๊มนมนานถึงยี่สิบนาที และหยุดพักสิบนาที เพื่อทำสิ่งนั้นต่อไปจนกว่านมจะเกลี้ยงเต้า ราวกับเธอเป็นเครื่องจักรผลิตนม
ซึ่งตั้งแต่ที่คลอดลูกออกมา เธอไม่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าของเด็กน้อยที่เธออุ้มท้องมาถึงเก้าเดือนเลย และก็ไม่รู้ว่าใครคือผู้ว่าจ้าง รู้เพียงแค่เธอจะได้เงินมากถึงสิบล้านในการอุ้มบุญครั้งนี้ ซึ่งเป็นราคาที่มากกว่าราคาทั่วไปที่เขาจ้างอุ้มบุญกัน
เพราะผู้ว่าจ้างต้องการแม่พันธุ์ที่ดีที่สุด ตรงตามที่วางไว้ทั้งรูปร่าง หน้าตา สีผิว พื้นฐานความรู้ รวมถึงประวัติคู่นอนต้องเคยผ่านผู้ชายไม่เกินหนึ่งคน และจากผู้หญิงที่เข้ามาสมัครเป็นสิบๆ คน เธอเป็นคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือก และถูกตาต้องใจผู้ว่าจ้างมากที่สุด
เงินมากมายที่เธอนั่งนับวันรอจะได้รับ ชีวิตอิสระที่เธอต้องการจะได้ใช้ หลังจากที่จบงานนี้เธอก็จะย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศลำพัง
“ถึงเวลาอาหารว่างแล้ว เดี๋ยวฉันมานะคะ”
“อาหารว่างมื้อนี้เป็นอะไรเหรอคะ?”
“ฟักทองนึ่งค่ะ”
“เอ่อ..ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหมคะ ธัญเบื่อฟักทองนึ่งแล้ว”
“งั้นเป็นผลไม้รวมแล้วกันนะคะ”
“ได้ค่ะ” สาวผิวขาวแก้มป่องพูดบอกกับผู้ช่วยของเธอ คนที่อยู่กับเธอตั้งแต่วันแรกก่อนตั้งท้องจนถึงตอนนี้
เธอจะได้รับอาหารที่ครบห้าหมู่อยู่เสมอในทุกวัน อาหารที่มีประโยชน์ที่สุด น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยที่สุด วิตามินบำรุงราคาแพง และอีกมากมายที่เธอได้รับและต้องกินของพวกนั้นทุกวัน ทำสิ่งนั้นเป็นประจำซ้ำๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด เช่นนมจากเต้าที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กน้อย
และทุกอย่างนี้เป็นการดูแลจากผู้ว่าจ้างของเธอทั้งหมด จนกว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลง เมื่อนั้นเธอจะได้รับเงินส่วนที่เหลือและได้มีชีวิตอิสระอย่างที่ต้องการ
“ธัญต้องอยู่ที่นี่อีกแค่อาทิตย์เดียวใช่ไหมคะ?”
“ประมาณนั้นค่ะ” ผู้ช่วยเจ้าระเบียบพูดตอบน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ด้วยกันนานนับปีแต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนคนที่ไม่สนิทกัน
เมื่อได้ยินคำยืนยันนั้น ธัญก็มองภาพในจอมือถือที่ปรากฏให้เห็นรูปบ้านที่เธอจะย้ายเข้าไปอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บ้านหลังใหม่ที่อยู่ประเทศเกาหลี เส้นทางใหม่ของชีวิต...
“อีกแค่อาทิตย์เดียว...”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY