เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
• ACTION •
หลายครั้งที่คาร่าชวนผมไปเริ่มต้นชีวิตด้วยกันที่แอลเอกับพ่อแม่ของเธอ เพื่อใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันอย่างสามีภรรยา แต่ผมก็ยกเรื่องงานขึ้นมาอ้างบวกกับเรื่องที่ผมไม่ได้ภาษา เพราะการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นโดยไม่มีเพื่อนไม่ได้อยู่ในสังคมเก่าๆ แถมยังไม่รู้ภาษามันคงเป็นชีวิตที่ยากลำบากมากๆ สำหรับผม
ซึ่งเธอก็ยอมให้ผมมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร เธอยอมทิ้งพ่อแม่ที่แอลเอ ทิ้งเพื่อนสมัยเรียน ทิ้งสังคมที่มีมาอยู่กับผมที่บ้านหลังนี้ และหวังว่าผมจะสร้างครอบครัวร่วมกันกับเธอในสักวัน เธอยังคงเฝ้ารองานแต่งงานของเราให้เกิดขึ้น เฝ้ารอที่จะมีลูกน้อยด้วยกันตามแบบแผนครอบครัวสุขสันต์ที่เธอวาดไว้
แต่ช่วงที่ผ่านมาผมทั้งติดเพื่อน ติดดื่ม และติดเที่ยว จนทำให้คาร่าแฟนของผม เธอมักจะน้อยใจและงอนอยู่บ่อยๆ กับพฤติกรรมของผมที่เป็นอยู่ ซึ่งทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน เธอก็มักจะพูดว่าจะหนีผมกลับไปอยู่กับพ่อและแม่ของเธอที่แอลเอ ทว่าผมได้ยินเธอพูดคำนี้มาประมานเกือบร้อยครั้งได้ ตลอดเวลาที่เราคบกันมาเกือบเจ็ดปี และก็ไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆ จนวันนั้นที่ผมกลับมาบ้านแล้วไม่เจอเธออยู่ที่นี่เหมือนเคย...
เธอเก็บข้าวของทุกอย่างที่พอจะเอาไปได้ พาสปอร์ตและเอกสารสำคัญของเธอทั้งหมด ซึ่งนั่นทำให้ผมแน่ใจว่าเธอคงบินกลับไปหาพ่อกับแม่ของเธอที่แอลเอตามที่เคยพูดขู่ไว้ว่าจะทำ และตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ผมไม่สามารถติดต่อเธอได้...
ผับสุดหรูย่านอโศก...
ผับแห่งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจของกรณ์ ซึ่งเขามักจะมาขลุกตัวอยู่ที่นี่บ่อยๆ เพราะนอกจากจะได้ดื่มด่ำความสนุกกับเพื่อนๆ แล้ว ยังมีสาวๆ สวยๆ ให้มองเป็นอาหารตา ทั้งดาราชื่อดัง ไปจนถึงเซเลบ ต่างก็เลือกใช้บริการที่นี่ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะเจ้าของร้านอย่างกรณ์ ที่เป็นไฮโซชื่อดังในวงการบันเทิง และใครๆ ก็เรียกเขาว่า ‘ไฮโซกรณ์’
“สรุปเมียมึงกลับมาหรือยัง?”
“ยัง แต่เดี๋ยวก็น่าจะกลับ” กรณ์พูดตอบ ‘โปรด’ เพื่อนของเขาไปด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มร้อย
“เป็นกูคงไม่กลับมาแล้วล่ะ มีผัวเหี้ยๆ แบบนี้”
“ปากเหรอน่ะ ไอ้เวร...”
“กูพูดเรื่องจริงเว้ย แล้วถ้าสมมุติว่าคาร่าไม่กลับมาจริงๆ มึงจะทำยังไง?”
“ก็คง...ตามไปง้อมั้ง” แน่นอนว่าถ้าสิ่งที่ผมคิดมันผิดพลาด หากเธอไม่กลับมาจริงๆ ภายในอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งการตามไปง้อเธอที่แอลเอก็คงเป็นสิ่งที่ผมเลือกจะทำ และคงต้องคิดเรื่องการสร้างครอบครัวกับเธออย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งเรื่องงานแต่งและเรื่องชีวิตใหม่ของผมกับเธอที่แอลเอ แม้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผม แต่ถ้าจะต้องเสียเธอไปจริงๆ ก็คงถึงเวลาที่ผมต้องปรับตัวกับเรื่องนั้น
“แค่กูพูดเรื่องแต่งงาน คาร่าก็ใจอ่อนให้กูแล้ว…มึงคอยดู”
“เออกูจะคอยดู มึงทำให้ได้แล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง...” โปรดพูดเตือนเพื่อนสนิทของเขาด้วยความหวังดี เพราะรู้นิสัยว่าเพื่อนของเขาเป็นคนกะล่อนแค่ไหน และหากว่ากรณ์เสียคาร่าไปจริงๆ เขารู้ดีว่าคนอย่างกรณ์ไม่มีทางเข้มแข็งได้แน่ อาจจะเป็นการเสียหลักครั้งใหญ่อีกครั้งในชีวิตของเขาเลยก็ได้
“กูรู้แล้ว สอนเป็นลูกเลยไอ้เวร” กรณ์นิ่งคิดตามคำที่โปรดพูดบอก และเริ่มหวั่นใจกลัวว่าคาร่าจะไม่กลับมาหาเขาจริงๆ ก่อนจะเอะใจกับบางเรื่องที่เขาควรให้ความสำคัญไม่ต่างกัน
“งั้นมึงช่วยหาติวเตอร์ให้กูหน่อยดิ เตรียมตัวไว้หน่อยก็ดี เผื่อว่ากูต้องไปอยู่ที่แอลเอจริงๆ ...”
“เออ เดี๋ยวกูถามพี่สาวให้ หลานกูเรียนภาษาอยู่...”
“อือ”
บ้านกรณ์เวลาตีสอง...
เมื่อกลับมาถึงบ้าน และมองไปรอบบริเวร บ้านที่ดูเงียบเหงานี้ทำให้เขารู้สึกว่าบ้านกว้างใหญ่กว่าปกติ ทั้งที่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
“เฮ้อ~”
ชายร่างสูงทิ้งตัวนอนลงที่โซฟาหรูสีขาวครีมกลางบ้าน อาการเมากรึ่มๆ ของเขายิ่งทำให้ความเหงามีมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะเหมือนว่าเขาจะเพิ่งเห็นค่าบางอย่าง ที่เขาเคยละเลยไป คนที่เคยพูดบ่นเมื่อตอนที่เขากลับบ้านดึกหรือปาร์ตี้จนเช้า วันนี้ไม่มีเสียงของเธอพูดบ่นเขากับเรื่องเดิมๆ นั้นอีกแล้ว
“ไม่เปิดอ่านไลน์ด้วยซ้ำ เฮ้อ…” ภาพแชทที่ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ยิ่งทำให้เขาใจหวิว
“เธอจะทิ้งฉันไปจริงๆ เหรอคาร่า...”
ช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น...
ติ๊ง! (ไลน์ติวเตอร์ มึงทักไปคุยเองแล้วกัน)
ข้อความที่โปรดส่งมาให้ เป็นไลน์ของติวเตอร์ที่กรณ์ขอให้ติดต่อให้ ซึ่งเมื่อกรณ์เปิดอ่านข้อความนั้น ก็รีบติดต่อติวเตอร์ไปในทันที เพราะจำนวนวันที่ขาดการติดต่อกับคาร่ามันมากขึ้นทุกนาที
“คุณกรณ์คะ”
“ครับป้า”
“ป้าว่าจะขอลากลับต่างจังหวัดน่ะค่ะ พอดีพ่อของป้าเสีย...”
“ได้สิครับ... ผมเสียใจด้วยนะครับ” ผู้เป็นนายจ้างไม่ลืมที่จะแสดงความเสียใจกับเรื่องที่ได้ยิน เมื่อป้าแม่บ้านที่ทำงานให้เขามานานหลายปีสูญเสียคนในครอบครัวไป
“ป้าว่าจะขอลาสองอาทิตย์น่ะค่ะ คุณกรณ์อนุญาตไหมคะ”
“ได้ครับ ขาดเหลืออะไรบอกผมได้เลยนะครับ”
ติ๊ง! (ขอโทษด้วยนะคะ พอดีปิดรับสอนแล้วค่ะ) ข้อความตอบกลับของติวเตอร์ ทำให้กรณ์หันกับมาสนใจเรื่องเรียนภาษาที่ตั้งใจว่าจะเรียนเพื่อไปง้อเมีย ทว่าติวเตอร์ผู้สอนกับปฏิเสธที่จะรับสอนเขา
ตึก! (ผมให้ค่าจ้างเพิ่มเป็นสองเท่า ช่วยเปิดสอนให้ผมเป็นกรณีพิเศษหน่อยนะครับ)
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะถอดใจเพียงแค่เจอปัญหาเล็กๆ เช่นนั้น เพราะคิดว่าทุกอย่างจัดการได้หากว่ามีเงินเข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ
ติ๊ง! (ตกลงค่ะ)
สองวันต่อมา หน้าบ้านกรณ์...
“ว่าจะไม่รับแล้วเชียว...” เสียงของ ‘ผักกาด’ เด็กสาวในชุดมอปลายพูดขึ้นถึงเรื่องที่บีบให้เธอต้องรับงานนี้ในช่วงที่ต้องเตรียมตัวสอบจบมอปลายและเตรียมหามหาลัยเข้าเรียนต่อ
แต่เพราะเงินที่มากขึ้นเป็นสองเท่านั้น เธอจึงไม่กล้าปฏิเสธโอกาสดีๆ แบบนี้ที่ไม่ได้มีเข้ามาบ่อยๆ แม้จะต้องปรับเวลาใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด หรืออาจจะต้องกลับบ้านช้ากว่าปกติ
ติ๊งต่อง!
“บ้านหลังใหญ่จัง” เด็กสาวผมเปียใช้เวลาที่ยืนรอคนมาเปิดประตูให้เธอ ไปกับการโฟกัสภายนอกบ้านหลังใหญ่นี้ที่เธอกำลังจะต้องเข้าไป
แก๊ก!
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้านอย่างสุภาพ
“มาหาใครเหรอหนู?”
“ที่นี่บ้านของคุณกรณ์ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ บ้านฉันเองมีอะไร” เวลานี้เขาตั้งคำถามในหัวเต็มไปหมดว่าเธอคือใคร และคิดไปถึงขั้นว่าเธออาจจะเป็นลูกที่เขาไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหน
“หนูเป็นติวเตอร์ของคุณค่ะ วันนี้เรามีนัดกัน จำได้ไหมคะ…”
“ติวเตอร์!” เขาพูดออกมาด้วยความแปลกใจและวาดตามองเธอหัวจรดเท้า เพราะไม่คิดว่าติวเตอร์ของเขาจะมาติวภาษาให้เขาในลุคเด็กสาวมอปลายเช่นนี้
“ใช่ค่ะ”
“เด็กมอปลายงั้นเหรอ…”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY