ชายหนุ่มนกเขาไม่ขัน แต่พอได้อ่านนิยายของเธอนกเขามันก็พร้อมรบ ส่วนเธอกำลังประสบปัญญากับการเขียนนิยายอีโรติก ทั้งสองตกลงเป็นคู่นอนแต่แล้วเขากลับอยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต
ชายหนุ่มนกเขาไม่ขัน แต่พอได้อ่านนิยายของเธอนกเขามันก็พร้อมรบ ส่วนเธอกำลังประสบปัญญากับการเขียนนิยายอีโรติก ทั้งสองตกลงเป็นคู่นอนแต่แล้วเขากลับอยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต
“พี่ขอพูดตรงๆ นะพราว”
“ได้ค่ะพี่ดา”
“ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบทั้งพล็อต เนื้อหา ปมต่างๆ รวมไปถึงการบรรยาย พราวทำได้ดี”
“แต่...” เพราะคุ้นเคยกันมาหลายปี พราวหรือพราวรวีจึงรู้ว่าต่อจากนี้สิ่งที่ญาดาหรือพี่ดาเพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งตอนนี้ควบตำแหน่งบรรณาธิการของสำนักพิมพ์แห่งนี้ต้องมีอะไรพูดต่อจากนั้นแน่ๆ
“เฮ้อ! เอาตรงๆ นะพราว ถ้าคนอ่านเพิ่งมาติดตามอ่านผลงานของพราวตอนนี้ก็คงชอบ เพราะมันสนุกและน่าตื่นเต้น แต่ถ้าคนที่ตามผลงานมาตั้งแต่หลายปีก่อน พวกเขาก็คงจะเริ่มเบื่อกันบ้าง”
“เบื่อเหรอคะ”
“อือ เพราะพี่สนิทกับพราวก็เลยพูดตรงๆ แบบนี้ โดยเพราะช่วงอีโรติก พี่ว่ามันไม่ค่อยถึงอารมณ์เท่าไหร่ คนอ่านเริ่มจับทางได้แล้ว”
“พราวต้องทำยังไงคะ ต้องแก้ใหม่ทั้งหมดเลยไหมคะพี่ดา”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกนะพราว แค่ปรับตรงอารมณ์ของตัวละครช่วงอีโรติกก็พอ ใส่อารมณ์ความรู้สึกเพิ่มเข้าไปอีกนิด”
“งานยากเลยนะคะพี่ดา เฮ้อ..” พราวรวีถอนหายใจ
“พี่ว่าหาแฟนสักคนสิพราว ประสบการณ์ตรงอาจช่วยได้คุณชวินทร์เขาก็สนใจพราวอยู่เหมือนกันนะ”
“พราวยังไม่อยากหาสำนักพิมพ์ใหม่ตอนนี้ค่ะพี่ดา”
พราวรวีรู้ว่าคุณชวินทร์ลูกชายของคูณวศินเจ้าของสำนักพิมพ์นั้นสนใจตัวเองอยู่ แต่ที่เธอต้องรีบปฏิเสธเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้น อีกทั้งเท่าที่รู้มาคุณชวินทร์ก็ควงผู้หญิงแทบไม่ซ้ำหน้า ถ้าขืนเธอเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคนคงได้วุ่นวายกันน่าดู
“หรือถ้ายังไม่มีคนที่ถูกใจจะให้พี่ช่วยติดต่อให้ก็ได้นะ พี่มีคนรู้จักเยอะเลย โสดๆ ทั้งนั้น”
“อย่าเลยค่ะพี่ดา พราวอยู่แบบนี้สบายดีอยู่แล้ว”
“งั้นก็ตามใจจ้ะ แต่ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกพี่ได้ ส่วนเรื่องงานพราวแก้ไขเนื้อหาเสร็จแล้วค่อยเอามาให้พี่ดูอีกทีนะ”
“กำหนดเมื่อไหร่คะพี่”
“พี่ให้เวลาหนึ่งเดือน ถ้าช้ากว่านั้นจะไม่ทันออกงานสัปดาห์หนังสือ”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอคะ สงสัยงานนี้พราวแย่แน่เลยค่ะ”
“อย่าเพิ่งท้อสิ พี่ว่าพราวทำได้อยู่แล้ว ปรับปรุงแค่ช่วงอีโรติกเท่านั้น ส่วนอื่นมันดีอยู่แล้ว”
“จะพยายามนะคะ”
“พี่เชื่อใจนะ มีอีกอย่างที่จะบอกพราว แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครนะ” ญาดายื่นใบหน้ามา ส่วนพราวรวีก็ยื่นหน้าของตัวเองออกไปอย่างตั้งใจฟัง
“ได้ยินคุณวศินบอกว่าถ้างานพราวออกมาทัน เขาจะพิมพ์หนังสือเรื่องก่อนหน้าของพราวอีกครั้ง จะได้ดึงยอดขายในงานหนังสือ น่าจะสักสามหรือสี่เล่มนี่แหละ”
“จริงเหรอคะพี่ดา” เธอดีใจจนเก็บอาการแทบไม่อยู่
“จริงสิ พี่ถึงอยากให้พราวทำเรื่องนี้ออกมาดีที่สุด”
“ขอบคุณนะคะที่แอบบอก งั้นพราวขอตัวก่อนนะคะ”
“สู้ๆ นะน้องรัก”
“ค่ะพี่ดา”
หญิงสาวหันมายิ้มให้กับรุ่นพี่ก่อนที่จะรีบเปิดประตูออกไป
ใบหน้าสวยรูปไข่กับแพขนตางอนงามยิ้มอย่างมีความสุข เพราะถ้าหนังสือได้วางขายในงานสัปดาห์หนังสือนั่นก็หมายความว่าเธอจะได้เงินเพิ่มอีกมาก
แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อนึกได้ว่างานที่ต้องแก้ไขนั้นมันยากแค่ไหน
พราวรวีเป็นนักเขียนแนวอีโรติกเธอมีผลงานตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แห่งนี้มาสิบกว่าเล่ม เริ่มตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาปี 2 พอเรียนจบก็หันมาเอาดีทางด้านแต่งนิยายอย่างจริงจัง นอกจากงานเขียนนิยายแล้วพราวรวียังรับแปลนิยายทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน
ไม่ใช่แค่งานเขียนแต่พราวรวียังมีร้านขายเครื่องเขียนของตัวเองหนึ่งร้านโดยใช้พื้นที่ชั้นล่างสุดของหอพักขนาด 4 คูหาซึ่งตอนนี้ด้านบนมีผู้เช่าอยู่เต็มทุกห้อง
เดิมทีด้านล่างหอพักเป็นร้านเกมที่บิดาและมารดาเป็นคนดูแล แต่พอท่านทั้งสองเสียชีวิตลงพราวรวีก็เลยขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหมดแล้วเปิดเป็นร้านเครื่องเขียน เพราะเธอไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์อีกทั้งเครื่องก็เริ่มตกรุ่น หญิงสาวจึงขายทุกอย่างแล้วนำเงินมาลงทุนเปิดร้านเครื่องเขียนและกิ๊ฟช็อปเนื่องจากเป็นคนชอบเข้าร้านแนวนี้อยู่เป็นประจำ
หลังจากออกจากสำนักพิมพ์แล้วก็แวะที่ร้านเพราะเป็นทางผ่านก่อนกลับบ้านของเธอ
“พี่พราวคะ หวานฝากร้านแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ หวานจะไปเข้าห้องน้ำ”
“จ้ะ ไปเถอะ”
น้ำหวานเป็นเด็กที่พราวรวีจ้างมาเฝ้าร้านให้ส่วนตัวเธอเองจะเข้ามาที่นี่เป็นบางครั้ง เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานที่บ้านของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก
“อ้าว คุณพราว มาพอดีเลยวันนี้น้าได้ส้มมาหลายกิโลเลย ว่าจะเอาไปให้ที่บ้าน รอน้าเดี๋ยวนะคะเดี๋ยวไปเอามาให้”
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ พราวยังไม่รีบกลับ แล้วน้าทำความสะอาดหอเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ยังเหลือชั้นบนอีกชั้นค่ะ พอดีเด็กๆ กำลังอ่านหนังสือกันอยู่น้าเลยไม่อยากรบกวน นี่ก็ว่าจะมาช่วยน้ำหวานเฝ้าร้าน” น้าแก้วตาบอกกับหญิงสาวผู้เป็นนายจ้าง เธอทำงานที่หอพักแห่งนี้มาได้หลายปีแล้ว หน้าที่ก็คือดูแลความสะอาดทั่วไป หญิงวัยกลางคนพักอยู่ชั้นล่างสุดของหอพักซึ่งพราวรวีไม่ได้คิดค่าเช่าเพราะถือว่าเป็นการเฝ้าหอพักให้เธอไปในตัว
“น้าแก้วไปพักก่อนก็ได้นะคะ ก่อนกลับพราวจะแวะไปเอาส้มเองค่ะ”
“คุณพราวไม่มีธุระไปที่ไหนใช่ไหมคะ”
“ไม่มีค่ะ”
พอแก้วตาออกไปไม่นานน้ำหวานก็กลับมาที่ร้าน เด็กสาวถือส้มมาสองถุงขนาดย่อม
“น้าแก้วกลัวพี่พราวลืมแวะไปเอาส้มค่ะ เลยฝากน้ำหวานเอามาให้”
“ขอบใจจ้ะ พี่กลับก่อนนะ วันพุธคงไม่เข้ามาแล้ว”
“ค่ะพี่พราว”
พอออกจากร้านของตัวเองมาได้นิดหน่อยพราวรวีก็แวะที่ร้านอาหารเจ้าประจำที่อยู่หน้าปากซอยเข้าหมู่บ้าน
“พี่เจนนี่คะ ของพราวได้ยังคะ” เพราะโทรมาสั่งตั้งแต่อยู่ที่ร้านเครื่องเขียนพอมาถึงก็เลยรีบทวงเนื่องจากใกล้เวลาพักเที่ยงลูกค้าของพี่เจนนี่จะเยอะเป็นพิเศษ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แกงเขียวหวานไก่กับผัดผักรวมพี่แถมกุนเชียงทอดให้ด้วยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่เจนนี่ใจดีตลอดเลย”
“พี่มีข้อแม้นะคะ”
“อะไรคะ”
“เรื่องต่อไปพี่ขอแบบจัดหนักได้ไหม พอพระเอกหล่อรวยๆ”
“มันแน่อยู่แล้วค่ะ พระเอกของพราวต้องหล่อรวย ขืนเอาแบบธรรมดาที่เจอทั่วๆ ก็ไม่ฟินสิคะ”
“น้องพราวคะ ขอเพิ่มอีกนิดไหมคะ
“ได้เลยค่ะ สำหรับพี่เจนนี่พราวจัดให้ ว่าแต่ขออะไรคะ”
“ขอแบบเอวดุๆ ได้ไหมคะ เหมือนเรื่องแรกๆ ที่น้องพราวแต่งมันแซ่บถึงใจมากเลยค่ะ ไม่เอาแบบที่ตัดเข้าโคมไฟแล้วนะคะ”
“ได้เลยค่ะ พราวจัดให้ตามคำขอเลยค่ะ”
“พี่หยอดกระปุกไว้เยอะเลยหนังสือน้องพราวออกเมื่อไหร่พี่จะรีบไปซื้อเลยนะคะ แต่บอกก่อนนะคะถ้าไม่แซ่บ เอวไม่ดุพี่โกรธจริงๆ ด้วย”
“พี่เจนนี้รอเลยนะคะ ครั้งนี้พราวจัดให้แบบถึงใจเลยค่ะ”
“มันต้องอย่างนั้นสิคะ”
พราวรวีถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยกว่าของวัน หญิงสาวเอาผลงานตีพิมพ์เรื่องแรกของตัวเองมาอ่านอีกรอบ ยอมรับว่าตอนนั้นตัวเองเขียนฉากอีโรติกออกมาได้อย่างดี แม้จะไม่มีประสบการณ์ แต่อาศัยว่าตัวเองอ่านมาเยอะและดูมาเยอะ แต่มาเล่มหลังๆ ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจก็หายไป
ไม่รู้เพราะตัวเองไม่เคยมีความรักหรือเพราะไม่เคยได้ทำแบบนั้นในชีวิตจริงกันแน่ฉากวาบหวิวพวกนั้นเลยดูไร้อารมณ์ตามไปด้วย
บางทีพราวรวีก็รู้สึกผิดต่อนักอ่าน เพราะเรื่องที่เธอแต่งขึ้นส่วนใหญ่ก็อาศัยถามเพื่อนบ้าง ดูหนังโป๊บ้าง แม้จะดูเป็นสาวเปรี้ยวมั่นใจในตัวเอง แต่ในชีวิตจริงเธอก็มีแฟนกับเขาแค่คนเดียวแต่ก็ไม่เคยมีอะไรกับแฟนมาก่อน เพราะตอนนั้นยังเรียนไม่จบ และนั้นก็เป็นเหตุผลให้แฟนหนุ่มของเธอบอกเลิก เธอร้องไห้เสียใจกับรักแรกอยู่สองวัน จากนั้นก็ลืมทุกอย่างจนถึงตอนนี้ก็นานหลายปีแล้วที่หัวใจของเธอมันแห้งเหี่ยวและไม่เคยมีใครได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเลยแม้แต่คนเดียว
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY