ผมชื่อมนัชเป็นตำรวจที่ “เอาการ เอางาน”
ผมชื่อมนัชเป็นตำรวจที่ “เอาการ เอางาน”
“สวัสดีค่ะคุณตำรวจ” สุชาดายกมือไหว้ชายหนุ่มในเครื่องแบบตามมารยาท
“สวัสดีค่ะน้องส้ม พี่ซื้อเค้กใบเตยมาฝาก” มนัชยิ้มร่ามาแต่ไกลแต่รอยยิ้มก็แห้งลงเมื่ออีกฝ่ายดูไม่ยินดีเท่าใดนัก
“อ้าว ! คุณมนัช มาทำอะไรเหรอคะ” นันทิชาทักทาย
“มาทำธุระให้ไอ้ธีร์ครับแล้วก็ซื้อเค้กมาฝากน้องส้มด้วย”
“ส้มกลับได้เลย เดี๋ยวพี่ดูให้เอง”
“ขอบคุณค่ะพี่นัน” สุชาดาลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินออกไปทันที
“นี่ของส้มรึเปล่า” นันทิชาถามลูกน้อง
“เอ่อ … คือ” สาวน้อยไม่รู้จะตอบยังไงเพราะการที่คนแปลกหน้าตั้งใจซื้อของมาฝากไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
“เค้กใบเตยครับผมซื้อมาฝากน้องส้ม”
“ขอบคุณค่ะ” สุชาดารับถุงสีหวานมาถือแล้วรีบเดินจ้ำให้เร็วที่สุด
มนัช มีเพียร อายุสามสิบสามปี ความฝันเดียวของเขาก็คืออยากเป็นตำรวจ เมื่อถึงเกณฑ์เข้าเรียนมนัชก็จากบ้านเกิดไปกินนอนที่โรงเรียนประจำ ด้วยความแน่แน่วชายหนุ่มจึงได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตามที่ตั้งใจ
หน้าตาของมนัชคมเข้ม รูปร่างสูงล่ำตามมาตรฐานคนในเครื่องแบบ เมื่อออกกำลังกายเป็นประจำกล้ามเนื้อที่ล่ำอยู่แล้วก็ยิ่งได้รูปสมส่วน
จึงไม่แปลกที่มนัชจะเนื้อหอมเป็นที่ถูกตาต้องใจของสาวๆ แม้กระทั่งหนุ่มๆ
“คุณธีร์เขามีธุระอะไรเหรอคะคุณมนัช จันทร์ไปหาเมื่อวาน นี่ก็น่าจะลงเครื่องแล้ว”
“มันจะเซอร์ไพรส์เมีย … สองคนนั้นหมั้นกันแล้ว ผมไม่ได้ใช้คำผิดนะครับ” มนัชรีบอธิบายเพราะการไปเรียกผู้หญิงอื่นว่าเมียไม่ใช่เรื่องเหมาะสมถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“หมั้น ! คุณพระ ไปวันเดียวได้เป็นคู่หมั้นคุณหมอซะแล้วแสงจันทร์” นันทิชาตกใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน
“ไอ้ธีร์มันถอยรถเครื่องให้เมียครับ ผมเลยเอามาส่ง”
“ให้ร้านเอามาก็ได้นี่คะ”
“อ่า … เอ่อ” คุณตำรวจไม่รู้จะบอกยังไงว่าอยากหาเหตุมาที่นี่ให้บ่อยที่สุด
“อ้อ ! เข้าใจแล้วค่ะ มาจีบส้มสินะ” นันทิชาเห็นมนัชมองไปทางที่ลูกน้องเดินไปอยู่บ่อยๆ
นันทิชาก็เพิ่งเอะใจเพราะสุชาดาเดินเข้าไปในโรงแรมทั้งที่เลิกงานแล้ว สงสัยจะไปคุยกับแม่บ้านมั้ง
“ผมเคยถามน้องจันทร์แล้วแต่ขอถามคุณนันอีกทีเพื่อความชัวร์ น้องส้มยังไม่มีแฟนใช่ไหมครับ”
“เท่าที่นันเห็นก็ไม่มีนะคะแต่ถ้าจันทร์บอกว่าไม่มีก็เชื่อได้เลยเพราะสองคนนี้สนิทกันแล้วจันทร์ก็ไม่ใช่คนพูดปด”
“ครับ” คุณตำรวจรับคำแบบหงอยๆ ถึงอีกฝ่ายจะไม่มีแฟนแต่ก็ดูไม่มีความหวังเลยเพราะเธอไม่เปิดโอกาสสักนิด
“มีเรื่องนึงที่นันพอจะช่วยได้นะคะ”
“เรื่องไหนครับคุณนัน”
“เล็กน้อยมากค่ะแต่น่าจะมีประโยชน์”
“จะน้อยนิดแค่ไหนก็ช่วยผมเถอะครับ ผมอยากให้น้องส้มสนใจผมบ้าง”
“คือ … เอ่อ ส้มไม่ชอบใบเตยค่ะ ยิ่งกลิ่นใบเตยสดๆ คือเกลียดเข้าไส้เลย ได้กลิ่นแล้วส้มมันเวียนหัวน่ะค่ะ”
“เวร ! ขอโทษครับผมไม่ได้ว่าคุณนันนะครับแค่อุทานเฉยๆ” มนัชหงอยหนักกว่าเดิม ซื้อของมาฝากแต่ดันเป็นของที่เธอเกลียด
“ไม่เป็นไรค่ะ นันเข้าใจ”
“ที่จริงผมอาสาไปรับน้องจันทร์แต่เจ้าตัวเกรงใจจะว่ารถมาเอง” มนัชชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อลดความช้ำใจ ป่านนี้เธอเอาโยนทิ้งถังขยะไปแล้วมั้ง เค้กก็ไม่ใช่รสที่ชอบแถมคนที่ให้ยังเหม็นขี้หน้าอีก
“จันทร์ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ขี้เกรงใจ”
“ผมดีใจกับน้องแล้วก็เพื่อนมากๆ เลยครับ”
“สักวันคุณมนัชก็เจอคนที่ใช่ค่ะ” นันทิชาได้แต่ให้กำลังใจ เรื่องรักชอบใครจะไปบังคับได้ถึงจะเป็นหัวหน้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายแต่ฉันก็อยากให้ลูกน้องลองเปิดใจดู
“ขอโทษนะครับ ผมขอไปรับสายก่อน” มนัชรับสายเรียกเข้าแล้วเดินไปด้านหน้าโรงแรม
“ขอบคุณนะคะ” แสงจันทร์จ่ายเงินให้คนขับเมื่อเดินผ่านลานจอดรถก็ใจคอไม่ดีเพราะเห็นรถตำรวจจอดอยู่
“สวัสดีค่ะพี่มนัช ที่โรงแรมมีเรื่องเหรอคะ” ยิ่งเห็นมนัชแสงจันทร์ก็ยิ่งตกใจ
“เปล่าครับ พี่มาส่งของ”
“ส่งของ” แสงจันทร์ยิ่งงงไปกันใหญ่ ส่งของไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจไม่ใช่เหรอ
“นี่ครับ มีคนฝากมาให้” มนัชยื่นดอกไม้ช่อโตให้แสงจันทร์
“ของหนูเหรอคะ ใครให้คะ”
“ลองอ่านการ์ดดูสิครับ”
“หวังว่าจะชอบของขวัญปีใหม่นะครับ … ที่รักของหนู” กระดาษสีชมพูเขียนไว้สั้นๆ แค่นั้น
“พี่ธีร์เหรอคะ” แสงจันทร์ถามแบบไม่แน่ใจ
“ใช่ครับ เดี๋ยวพี่พาไปดู”
“อ้าว ! แล้วดอกไม้นี่ไม่ใช่ของขวัญเหรอคะ” แสงจันทร์งงหนักขึ้นเรื่อยๆ มาถึงที่ทำงานแต่เจอเรื่องให้ประหลาดใจเต็มไปหมด
“ก็ใช่ครับแต่ก็มีอีก”
“ไปเถอะ คุณตำรวจเขามารอแกนานแล้ว” สุชาดาโผล่มาจากด้านหลัง เมื่อกี้เพื่อนบอกว่ากำลังจะถึงเลยมาดักรอ
“ไอ้บ้า ! ตกใจหมดไม่กลับบ้านรึไง”
“ก็รอเจอแกก่อนนี่ไง”
“รอเจอฉันหรือรอของฝากจ๊ะ”
“ก็ทั้งสองอย่างแหละน่า” สุชาดาทำหน้ายู่เพราะหมั่นไส้ที่เพื่อนรู้ทัน ก็โดนัทเจ้าดังน่ะสิฉันติดใจนักเพื่อนไปกรุงเทพทีไรต้องฝากซื้อตลอด
“นี่ครับ” มนัชพาแสงจันทร์มาที่ลานจอดรถแล้วส่งกุญแจให้หนึ่งดอก
“ของหนูเหรอคะ” สาวน้อยมองมอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมด้วยความตกใจ
“ใช่ครับ ไอ้ธีร์มันฝากพี่จัดการ น้องจันทร์ชอบสีนี้ไหมอยากได้รุ่นอื่นรึเปล่า”
“ชอบค่ะ ชอบๆ” ฉันรีบตอบ
“งั้นพี่ให้น้องจันทร์ดูก่อน พี่จะไปทำงานแล้วแต่ขอไปลาน้องส้มแปบนึง”
“ค่ะๆ” ฉันรับคำแล้วมองเจ้าสองล้อแบบไม่อยากเชื่อสายตา คนมีเงินเหมือนมีเวทมนตร์เลยเนอะ เสกของได้ตามใจนึก
แสงจันทร์เดินไปรอบๆ มองจนทั่วก็ไม่พบตำหนิแม้แต่จุดเดียว
“พี่ตรวจดูหมดแล้ว ระบบไฟ น้ำมัน เบรก รอยขีดข่วน ไม่มีปัญหาเลยแต่ถ้าเจอโทรหาพี่ได้นะ” มนัชเดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มเพราะได้คุยกับสาวน้อยแสนน่ารัก แม้เธอจะพูดคุยตามมารยาทถามคำตอบคำแต่ได้เท่านี้ก็ดีใจแล้ว
“ขอบคุณพี่มนัชมากนะคะ หนูเกรงใจมากเลยทำให้พี่เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง พี่ขอตัวก่อนนะ”
“สวัสดีค่ะพี่มนัช” แสงจันทร์ไหว้คุณตำรวจหล่อล่ำแล้วรีบโทรไปหาเซบาสเตียน
“โอ๊ย ! หนูก็รักพี่ธีร์ค่ะ มันอะไร ยังไง ไหนเล่าสิ” แม้จะเลยเวลาเลิกงานแล้วแต่สุชาดาก็ยังปักหลักไม่ไปไหนเพราะอยากรู้ว่าเพื่อนสนิทไปทำอะไรที่กรุงเทพแต่บทสนทนาที่แอบฟังอย่างตั้งใจก็ทำให้ตกใจจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ก็ตามที่พูดไง ต้องให้แปลอีกเหรอ”
“แหวนอะไร !” สุชาดาเห็นแหวนเพชรวิบวับบนนิ้วมือก็ยิ่งตาโตเข้าไปใหญ่
“แหวนหมั้นน่ะ” แสงจันทร์ตอบ
“หมั้น !” สุชาดาทวนคำแล้วอ้าปากค้าง
“อืม … หมั้นแล้วค่อยแต่งทีหลัง”
“กรี๊ดดดดดดด … ขอโทษค่ะ จิ้งจกน่ะค่ะ จิ้งจกตกใส่” สุชาดากรีดร้องด้วยความอิจฉาแล้วก็รีบขอโทษเพราะลูกค้ารอบๆ ตกใจกับเสียงแปดหลอด
“ตอนแรกแกไม่สนใจเขาเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็เขาดีกับฉัน รักฉัน หลงฉันเหมือนฉันสวยประหนึ่งนางงามจักรวาล ใครจะใจแข็งอยู่ได้”
“โอ๊ยๆๆ อิจฉาๆๆๆ นั่นหมอธีร์เลยนะจันทร์ โปรไฟล์ดี ชาติตระกูลเริ่ด หน้าตายิ่งเริ่ด”
“ฉันก็ยังไม่เชื่อเลยส้ม ว่าจะโชคดีขนาดนี้”
“นี่ถ้ายัยอ้อมรู้นะ กรี๊ดลั่นเกาะแน่ๆ” แสงจันทร์พอจะนึกหน้าของอมราออกว่าจะอึ้งแค่ไหนเพราะยัยนั่นปลื้มคุณหมอฟันเอามากๆ แต่เสียใจนะจ๊ะ
เขาเป็นของฉันแล้ว
“ดีใจด้วยนะจันทร์ วี้ดดดด แกทำบุญด้วยอะไรเนี่ย” สุชาดาดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าแสงจันทร์เสียอีก
จะเรียกว่าบุญพาวาสนาส่งพรหมลิขิตหรืออะไรก็ตามแต่ สุชาดาคิดว่ามันสมควรที่สุดในสิ่งที่เพื่อนสนิทได้รับ แสงจันทร์เป็นคนจิตใจดีพูดดีไม่เคยว่าร้ายใครแถมชีวิตก็อาภัพเสียพ่อแม่ไปพร้อมกัน
“ขอบใจแกมากนะส้ม ฉันดีใจกว่าเดิมอีกที่เห็นแกดีใจขนาดนี้”
“ทำไมล่ะ ฉันก็ต้องดีใจสิ”
“ไม่ช้าไม่นานฉันก็คงต้องเลิกทำงานที่นี่ ไม่ด้วยเรื่องลูกก็เรื่องงานของพี่ธีร์”
“แล้วยังไงเหรอ” สุชาดาไม่เข้าใจ
“แกก็ต้องอยู่คนเดียวสิ นี่ยัยอ้อมก็ไปติดใจฝรั่งหัวทองอีก ตกกระไดพลอยโจนเพื่อนสนิทสองคนแต่งงานพร้อมกันแกคงเหงาน่าดู”
“เหงาอะไร ถ้าแกสองคนไปฉันได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอนแล้วพี่นันก็ต้องรับเด็กใหม่ ทีนี้ฉันก็ได้เชิดใส่พวกหน้าอ่อน”
“โอ๊ย ! จ้า แม่คุณแม่คนคิดบวกเหลือเกิน แกรีบกลับบ้านเปล่า”
“รีบแล้วจะมาดักรอไหม เข้าไปข้างในกัน”
“ถุงไรอ่ะ” แสงจันทร์ถาม
“เค้กน่ะ” สุชาดาตอบแล้วทำหน้าเบ้
“ลูกค้าให้เหรอ”
“หึ เขาให้” สาวน้อยทำปากคว่ำกว่าเดิมถึงแม้เพื่อนไม่เอ่ยชื่อแต่ท่าทางก็ทำให้แสงจันทร์เข้าใจว่าใครเป็นคนให้ของชิ้นนี้
“แกจะไปรังเกียจรังงอนอะไรเขาหนักหนาวะ”
“คนเจ้าชู้มาจีบก็ควรออกห่างไหม ถ้าประวัติดีแบบพี่ธีร์หรือพี่ป๊อกจะไม่เล่นตัวเลย แล้วมาคะขาจ๊ะจ๋าใส่ยิ่งทำให้ขนลุก”
“ก็เขาพูดแบบนั้นเป็นปกติแกจะขนลุกทำไม”
“เขาพูดคะขากับฉันคนเดียว”
“เพราะแกเป็นคนพิเศษไง”
“ดูแกเชียร์เขาจังเลยนะจันทร์”
“อยากให้แกลองเปิดใจดู เขาเป็นตำรวจนะไม่ทำลายอนาคตตัวเองหรอก ลองไปกินข้าวกับเขาก็ไม่เห็นเสียหาย”
“เป็นตำรวจแล้วก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหัวมาโนชไม่มีอะไรน่ากลัวเลยเนอะ ลูกเป็นตำรวจพ่อเป็นมาเฟียคุมเกาะ น่าคบน่าไปไหนด้วยสุดๆ”
“โอเค … ตามใจแกแล้วกัน” แสงจันทร์จนใจที่จะบังคับใจเพื่อน
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY