ผมชื่อเซบาสเตียนเป็นหมอฟันที่ “หนักเอา เบาสู้”
ผมชื่อเซบาสเตียนเป็นหมอฟันที่ “หนักเอา เบาสู้”
คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม ?
สำหรับผมที่เป็นหมอฟัน มีชีวิตมาสามสิบสามปียังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้สักครั้ง ใครกันที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงเพียงสบตากันครั้งเดียว
ใช่ว่าผมไม่เคยมีความรัก ก็มีมาหลายหนลองมาหลายทีแต่จบไม่ดีสักราย ผมนอกใจเขาบางทีเขาก็นอกใจผม เข้ากันไม่ได้ก็หลายคน สรุปแล้วผมไม่เคยโชคดีในเรื่องนี้เลย
หวังว่าการมาพักผ่อนครั้งนี้จะได้พบเรื่องดีๆ กับเขาบ้าง
เกาะสมุย
ชายหนุ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเพื่อหลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงรวมถึงบริเวณรอยต่อเขตปริมณฑล นี่ไม่ใช่วันหยุดเป็นวันพุธกลางสัปดาห์ถ้าออกสักเจ็ดโมงคงเกือบเที่ยงกว่าจะพ้นกรุงเทพ
สายลมยามเช้าแสงแดดอ่อนๆ ช่วยให้จิตใจสดชื่น หลังจากต้องง้างปากคนไข้มาหลายเดือนติด ในที่สุดผมก็ได้พักร้อนกับเขาสักที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคราวนี้ลาได้ตั้งห้าวัน ผมจะอาบแดด เล่นน้ำ สูดไอทะเลให้ชุ่มปอดไปเลย
เที่ยงกว่าก็มาถึงดอนสักมันเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ผู้คนบนฝั่งกับบนเกาะใช้ข้ามไปมา เรือเฟอร์รี่กำลังเข้าเทียบส่วนผมก็เตรียมเหยียบคันเร่งเพื่อนำรถเข้าไปจอดในเรือ อันที่จริงนั่งเครื่องบินเร็วกว่าแต่ผมชอบขับรถชอบมองวิวข้างทางและที่พลาดไม่ได้ก็คือแวะดื่มกาแฟไปเรื่อยๆ เจอร้านถูกใจก็ลงไปพักขายืดเส้นยืดสาย
เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการลอยล่องอยู่กลางทะเลไม่น่าเบื่อสักนิด เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปบนเรือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น ซุ้มขายอาหารและขนม โทรทัศน์ให้ชมฆ่าเวลาแต่ที่ชอบที่สุดก็คือมีห้องนวด ผมเลือกนวดเท้าเพราะใช้เหยียบใช้เดินมาครึ่งค่อนวัน
“สวัสดีค่ะคุณเซบาสเตียน สุธีร์ มอนต์โกเมอรี่ โรงแรมหาดสวยยินดีต้อนรับค่ะ” เมื่อมาถึงท่าเรือหน้าทอนที่เป็นศูนย์กลางของเกาะสมุย ผมก็ขับรถไปอีกสิบห้านาทีแล้วก็ถึงที่พักที่จองไว้
“เรียกซะเต็มยศเลย เรียกธีร์ก็พอครับ” ชายหนุ่มบอกแล้วยิ้มโชว์ฟันขาว
“อุ๊ยตาย ! พูดไทยได้ด้วย ขอโทษค่ะ” พนักงานต้อนรับเผลอทำกิริยาตกใจจนเกินงามจึงรีบกล่าวขออภัย
“ไม่เป็นไรครับ ก็หน้าฝรั่งจ๋าขนาดนี้แต่ดันพูดไทยชัดปร๋อใครจะไม่งงบ้าง ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป
“กุญแจห้องค่ะ อาหารเช้าตั้งเวลาหกโมงถึงสิบโมงเช้านะคะ คุณเซบาสเตียนต้องการรับประทานเวลาไหนขอให้แจ้งทางเราในตอนเย็นของแต่ละวันนะคะ” ผมจองวิลล่าริมหาดไว้มันเป็นห้องพักที่แพงที่สุดการบริการจึงดีที่สุดเช่นกัน ผมไม่ต้องไปรับประทานอาหารรวมกับลูกค้าคนอื่นแต่จะมีพนักงานนำมาส่งให้ถึงหน้าห้องเลยทีเดียว
“ผมแจ้งตอนนี้ได้เลยไหมครับ”
“ได้เลยค่ะคุณเซบาสเตียน” แม้ลูกค้าจะให้เรียกแค่ชื่อเล่นแต่พนักงานก็ยังเกรงใจอยู่ดี
“ผมขอเป็นตอนเจ็ดโมงครึ่งทุกวันเลยครับ ถ้าเป็นไปได้”
“ได้แน่นอนค่ะ ดิฉันลงบันทึกให้แล้ว ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับกุญแจห้องแล้วขยิบตาให้สาวๆ
“ส้ม ! แกไม่รู้จักคุณธีร์เหรอ” อมราหรืออ้อมที่ยืนข้างๆ กลับมาพูดเป็นปกติก็ตอนที่พ่อเทพบุตรเดินไปไกลแล้ว ก่อนหน้านั้นอมรามัวแต่ตกตะลึงในความสมบูรณ์แบบของเซบาสเตียนจนพูดไม่ออก
“หึ … นายแบบเหรอ ฉันไม่ค่อยได้ตามพวกนี้” สุชาดาตอบ
“หมอฟัน นายแบบและที่สำคัญรวยมาก … มากแบบ ก. ไก่ ล้านตัว แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนอังกฤษมั้งไม่แน่ใจเขาเป็นลูกครึ่งที่พูดไทยชัดแจ๋วเพราะคุยกับแม่ด้วยภาษาไทย คุยกับพ่อด้วยภาษาอังกฤษแล้วก็เยอรมัน”
“โอ้โฮ ! นี่แกอยู่ข้างบ้านเขาเหรอ รู้เยอะรู้ดี”
“เห็นบุ๊คกิ้งตั้งแต่เดือนก่อนว่าเขาจะมา ฉันนี่ตั้งตารอเลย พ่อคุณเอ๊ย ! หล่อกว่าในหนังสือล้านเท่า” อมรายังเพ้อไม่หยุด
“หนังสืออะไร ใครหล่อเหรอ” แสงจันทร์แทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างเพื่อนสองคน
“คุณเซบาสเตียน ลูกค้าที่มาเช็กอินน์เมื่อกี้ ออร่าเหมือนหล่นลงมาจากสวรรค์” สุชาดาบอกเพื่อนที่มาทีหลัง
“อ้อ … ก็ลูกค้าไง เห็นแล้วว่ามีชื่ออยู่ ตื่นเต้นอะไรกัน” แสงจันทร์วางกระเป๋าแล้วหยิบแฟ้มออกมากางเพื่อดูงานของช่วงเช้า
“เซ็งสุด นี่แกสองคนไม่รู้จักคุณธีร์จริงๆ เหรอ” อมราถาม
“หึ ไม่รู้จัก” แสงจันทร์กับสุชาดายืนยันด้วยเสียงหนักแน่น
“คืองี้จันทร์ส่วนส้มแกฟังให้ชัดๆ อีกที คุณเซบาสเตียนเป็นหมอฟัน เป็นนายแบบ รวยมาก หล่อมาก สุภาพมากแล้วก็ยิ้มหวานสุดๆ สมแล้วที่เป็นหมอฟันเพราะฟันขาวสะอาดเรียงซี่สวยงาม” อมราร่ายยาวแบบไม่พักหายใจ
“ฉันต้องหาข้อมูลบ้างแล้ว” สุชาดาหยิบมือถือขึ้นมาจิ้มอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจประวัติต่างๆ ตั้งแต่เด็กจนโตของเซบาสเตียนก็มาอยู่ในมือ
“โอ้โฮ ! นี่ไม่ใช่คนแล้ว เทพเจ้าลงมาเกิดในร่างมนุษย์ชัดๆ เล่นกีฬาเก่ง แกฟังนะว่าเขาเล่นอะไรบ้าง ฟุตบอล บาสเกตบอล กอล์ฟ ว่ายน้ำ ฟันดาบ วิ่ง เคยลงแข่งไตรกีฬาแล้วก็คือเป็นหมอฟันด้วย ทำทั้งหมดได้ยังไงวะ นี่แค่เดินขึ้นบันไดเข่าก็ลั่นแล้วไม่ต้องนึกถึงวิ่งเลยและที่สำคัญ ฉันอ่อนกว่าเขาเป็นสิบปี” สุชาดาอ่านประวัติสุดยอดเยี่ยมของเซบาสเตียนด้วยความชื่นชมปนอิจฉา
ตอนอยู่ลอนดอนเซบาสเตียนถ่ายแบบเป็นอาชีพเสริมพอกลับมาเมืองไทยก็มุ่งมั่นกับหหน้าที่หมอฟันเพียงอย่างเดียวเพราะอยากพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
“ไหมล่ะ บอกแล้วว่าเขาน่ะดีพร้อม” อมราสำทับ
“ว่าไหมจันทร์” สุชาดาถามเพื่อน
“ไรเหรอ” แสงจันทร์เงยหน้าขึ้นมาถามแบบงงๆ เพราะไม่ได้ฟังที่เพื่อนคุยเลยสักคำ
“โอ๊ย ! ยายชีแสงจันทร์ ละทางโลกแล้วไปถือศีลแปดไหม”
“อะไรเล่าก็ไม่รู้จักจะสนใจทำไม เขาก็เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ตื่นเต้นไรหนักหนา นายแบบ พระเอก ก็มาพักโรงแรมเราออกจะบ่อย ละครก็ยังเคยมาถ่ายมีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“แต่นี่คือเซบาสเตียน สุธีร์ มอนต์โกเมอร์รี่ ไม่เหมือนกันแน่นอนจ้ะเพราะเขาไม่ได้แค่หล่อแต่เพอร์เฟคทุกอย่างและๆๆ ที่สำคัญก็คือยังโสดด้วยจ้า” อมราพูดด้วยตาเป็นประกาย
“แล้วไงคิดว่าเขาจะมองเด็กกะโปโลแบบพวกเรางั้นสิ”
“โอ๊ย ! แกเนี่ย ไม่เคยให้ความหวังเพื่อนเลยนะจันทร์” อมราทำหน้างอที่เพื่อนมาดับฝันกลางวัน
“เตรียมเอกสารเถอะ เดี๋ยวลูกค้ากลุ่มนี้ก็มาแล้ว ไม่น่าเกินชั่วโมง” สามสาวจึงเลิกคุยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY