U3 - หม่ามี๊อย่าแต่งตัวโป๊ได้ไหมครับ บอกแล้วไงว่าผมหวง...
U3 - หม่ามี๊อย่าแต่งตัวโป๊ได้ไหมครับ บอกแล้วไงว่าผมหวง...
• ACTION •
ซู่!!
เสียงฝนเทลงมาเป็นสาย ทำให้เด็กสาวที่เพิ่งกลับจากขายของที่ตลาดนัด ต้องหาที่หลบฝนก่อนจะกลับไปยังบ้านเด็กกำพร้า ที่เธออาศัยเป็นที่หลับนอนตั้งแต่จำความได้
@ป้ายรถเมย์ 19.50น.
“ตกอะไรตอนนี้เนี่ย จะถึงอยู่แล้วเชียว” เสียงเค้กเด็กสาววัยสิบแปดปี พูดบ่นกับฝนที่ตกในช่วงฤดูของมัน ซึ่งเธอก็ลืมพกร่มมาเหมือนทุกวัน จึงต้องอาศัยหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมย์เป็นการชั่วคราว เพื่อรอฝนซา
โชคดีนะที่ไม่ได้รอคนเดียว...
เค้กหันไปเห็นว่ามีสองแม่ลูกยืนหลบฝนอยู่ที่ชายคาป้ายรถเมย์นี้ด้วย จึงเกิดความสบายใจขึ้น...
“หนู..”
“คะ?” เค้กหันไปเมื่อหญิงสาวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาเรียกเธอ
“น้าฝากลูกชายแป๊ปนึงได้ไหม น้าจะวิ่งไปเอากระเป๋าที่วางไว้ฝั่งนู้นน่ะ เดี๋ยวน้ารีบกลับมา” เธอพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“อ๋อได้ค่ะ เดี๋ยวหนูดูให้” เธอตอบรับไปทันทีด้วยความมีน้ำใจ
“ขอบใจมากนะจ๊ะ” เธอขอบใจเด็กสาวก่อนหันมาพูดบอกลูกชายวัยสามขวบ “อยู่กับพี่เขานะมียู”
หนุ่มน้อยพยักหน้าตอบรับคำสั่งของแม่ ก่อนจะมองตามแม่ที่วิ่งหายเข้าสายฝนไป...
“มานั่งข้างพี่สิ เดี๋ยวแม่ก็มา” เค้กพูดบอกกับหนุ่มน้อยที่นั่งนิ่งไม่รู้ความให้ขยับเข้ามานั่งใกล้เธอ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่ดื้อดึง
เขาจับมือพี่สาวใจดีคนข้างๆ ไว้แน่น เพราะกลัวกับบรรยากาศรอบข้างที่ไม่คุ้นชิน
“กลัวฝนเหรอ? ไม่ต้องกลัวนะ แม่หนูข้ามไปเอาของฝั่งนู้นแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” เธอกุมมือหนุ่มน้อยตอบกลับ เพื่อไม่ให้เขาหวาดกลัว
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง เด็กสาวที่นั่งอยู่กับหนุ่มน้อย ก็เริ่มชะเง้อคอมองหา หญิงสาวที่วิ่งหายเข้าสายฝนไป
“หนาวหรือเปล่า?”
“...” หนุ่มน้อยพยักหน้าตอบกลับเสียงหงอย มือก็ไม่ปล่อยจากมือของพี่สาวคนใจดี
“ในกระเป๋าได้พกเสื้อมาหรือเปล่า?” เค้กเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยสะพายกระเป๋าเป้ใบหนึ่งไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งเมื่อหนุ่มน้อยได้ยินคำถามนั้นก็ถอดกระเป๋ายื่นให้กับเค้กดู เพราะตนก็ไม่รู้ว่าผู้เป็นแม่นั้นใส่อะไรมาให้บ้างในกระเป๋าใบเล็กนั้น
“ไม่เห็นมีเลย มีแต่ซองเอกสารอะไรก็ไม่รู้” เธอเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่น ก่อนจะตัดสินใจอุ้มหนุ่มน้อยมานั่งบนตัก และใช้กระเป๋าใบเล็กนั้นคุ้มกันเขาจากความเหน็บหนาว พร้อมกับเสียสละอ้อมกอดอุ่นให้หนุ่มน้อยได้ซุกกอด
“อุ่นขึ้นไหม?”
“...” พยักหน้าพร้อมยิ้มเล็กๆ ให้กับพี่สาวใจดี
“ชื่ออะไรเหรอ?”
“...”
“กลัวพี่เหรอ?”
“...มียูครับ ผมชื่อมียู”
“ชื่อเท่ห์จัง^^”
เวลาผ่านไปจนแล้วจนเล่าแม่ของหนุ่มน้อยก็ยังไม่กลับมา สายฝนที่ตกหนักก็เริ่มซาลงจนเริ่มเห็นความสว่างบนท้องถนน และเห็นรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาอย่างชัดเจนขึ้น
“ทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย?” เด็กสาวเริ่มเป็นกังวลและไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้แต่นั่งรออยู่เช่นนั้น จากเวลาสองทุ่มยาวไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน
@สถานีตำรวจ...
เธอพามียูมาส่งไว้ที่นี่ เพราะคิดว่าตำรวจน่าจะช่วยตามหาแม่ให้กับหนุ่มน้อยได้ แต่พอเธอกำลังจะเดินจากที่ตรงนั้นมา กลับมีมือน้อยที่รั้งมือของเธอไว้
“พี่ต้องกลับบ้านแล้ว มียูอยู่กับคุณตำรวจนะ เดี๋ยวแม่ก็มารับ” เค้กนั่งลง และพูดบอกกับหนุ่มน้อยที่น้ำตาเอ่อคลอเพราะความหวาดกลัว แต่ถึงไม่อยากจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ เธอก็ต้องทำแบบนั้นอยู่ดี
@บ้านเด็กกำพร้า 3วันต่อมา
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ฉันนอนไม่หลับเลย เอาแต่คิดถึงหน้าเด็กคนนั้น น้องคงหวาดกลัวมาก “จะได้เจอกับแม่หรือยังนะ ขออย่าให้โดนทิ้งเหมือนฉันเลย”
เธอพูดถึงความหลังหน้าเศร้าของตัวเอง ก่อนจะเตรียมตัวออกไปขายของที่ตลาดเหมือนกับทุกวัน
เค้กเป็นเด็กขยัน และเธอก็เลือกที่จะมุ่งมั่นกับความรวย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เธอมีความคิดนั้นตั้งแต่อายุสิบห้าปี และออกไปขายของที่ตลาดนัดอย่างสม่ำเสมอ และหวังว่าวันนึงเธอจะได้ออกจากที่บ้านเด็กกำพร้านี้ และไปมีชีวิตที่ดีกว่า …ชีวิตที่เธอวาดฝันไว้
“มาได้ไง?!” เธอหันไปเห็นว่าหนุ่มน้อยที่เจอกันที่ป้ายรถเมย์เมื่อสามวันก่อนยืนมองเธออยู่ใกล้ๆ
“น้องเพิ่งมาใหม่นะ เห็นว่าพ่อแท้ๆ เสีย แล้วแม่เลี้ยงก็พาไปทิ้งไว้ที่ป้ายรถเมย์ ช่วยๆ กันดูด้วยนะเค้ก” เสียงผู้ดูแลเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่เด็กๆ ที่นี่ต่างเรียกว่า ‘แม่’ พูดบอกกับเค้กที่ยืนทำหน้าสงสัย
“คะ ค่ะแม่”
ปุก!
หนุ่มน้อยวิ่งเข้ามากอดเค้กด้วยความดีใจ พร้อมกับยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา เพราะรู้สึกดีใจที่ได้เจอพี่สาวใจดีคนนั้น...
“ทิ้งลงได้ยังไงนะ?” เค้กพูดขึ้นในขณะที่ลูบหัวหนุ่มน้อยเบาๆ อย่างสงสารและเห็นใจ ที่เขาต้องมาเจอชะตากรรมที่คล้ายกันกับเธอ
@15ปีต่อมา
ภาพสาวสวยวัยสามสิบสามปีในบ้านหลังใหญ่ เธอกำลังแต่งตัวสวยเพื่อที่จะออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนสาว
ในเวลานี้เค้กไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าที่วิ่งขายน้ำหอมตามตลาดนัดอีกต่อไปแล้ว เพราะปัจจุบันเธอเป็นCEOน้ำหอมแบรนด์ดัง และขายดีติดต่อกันมาถึงหกปี สร้างรายได้ให้เธอมหาสาร จนเธอกลายเป็นเศรษฐี มีเงินใช้และกินอยู่สบายอย่างที่เธอวาดฝันไว้
“หม่ามี๊จะออกไปไหนครับ?” เสียงห้าวแตกหนุ่มของมียู เด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่เค้กรับเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย ในฐานะลูกบุญธรรม เมื่อแปดปีก่อน
เพราะเหตุผลที่ว่ามียูนั้นคอยตามติดเธออยู่ตลอด จนวันที่เธอย้ายออกจากบ้านเด็กกำพร้า เขาก็เริ่มแสดงความก้าวร้าวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ จนในที่สุด เธอต้องไปรับมาอยู่ในความดูแล
“จะออกไปเที่ยว เดี๋ยวมา”
“เปลี่ยนชุดก่อนครับ บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าแต่งตัวโป๊” เขาพูดพร้อมกับมองชุดเดรสสีชมพูสุดเซ็กซี่ที่เธอใส่อย่างไม่ชอบใจ
“ฉันโตแล้วนะ!”
“หม่ามี๊อย่าแต่งตัวโป๊ได้ไหมครับ บอกแล้วไงว่าผมหวง...”
(คอมเมนท์ขึ้นเร็วไรท์มาอัปให้อีก ขอคนละหนึ่งคอมเมนท์เพื่อเป็นกำลังใจนะครับ)
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY