ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
• ACTION •
เหตุผลที่โซ่ไม่ยอมพูด : ตั้งแต่เด็กโซ่เป็นคนที่ฟันยื่นออกมานอกปากเข้าขั้นรุนแรง ถึงขั้นไม่สามารถที่จะหุบปากให้สนิทได้ และการที่รูปลักษณ์ของเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้โซ่โดนเพื่อนกลั่นแกล้งตั้งแต่ชั้นปฐมจนถึงมัธยมปลาย เขาเลยเอาแต่อมฟัน เอามือปิดปากและไม่ยอมพูดเก็บตัวอยู่หลังห้องเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร และมันก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กอ่อนแอและขี้กลัว โดนเพื่อนในห้องคอยกลั่นแกล้งอยู่ประจำ
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับโซ่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดปากหรือเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้ยิน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นฟันที่น่ารังเกียจนั้นของตน จนทำให้เขามีฉายาในโรงเรียนว่าใบ้ และไม่มีใครรู้ชื่อเล่นของเขาเลย นอกจากชื่อจริงที่ปักอยู่ที่เสื้อนักเรียนตรงหน้าอก (ลวิตร เกรียงธนัตถ์) แต่ก็มีเพียงเธอคนนั้นที่ไม่เคยมองว่าเขาแปลกประหลาดหรือน่ารังเกียจอย่างที่คนอื่นพูดเลย แต่กลับกันเธอมองคนพวกนั้นที่คอยกลั่นแกล้งเขาต่างหากที่น่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ยิ่งกว่าโซ่ซะอีก
6ปีก่อน..
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ในห้องเริ่มเบาเสียงลงเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ครูประจำวิชาจะเข้าสอน แต่ก็มีเสียงของเด็กเกเรหลังห้องดังอยู่ไม่หยุด...
“พูดดิไอใบ้! พูดดิวะ!” เด็กเกเรพูดพลางผลักไหล่ของคนขี้กลัวเต็มแรง หนำซ้ำยังมีมือของเด็กเกเรอีกสองสามคน รุมตีหัวของโซ่เล่นด้วยความสนุกอีกด้วย และพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหนำซ้ำยังมองว่าเป็นความเท่ห์ที่เด็กเกเรอย่างเขาควรจะทำกับคนอ่อนแอ
“ฟันหรือเล็บตีนหมาวะไอเหี้ย โคตรน่าเกลียดเลยไอสัต ฮ่าๆ” เพชรหัวโจกของเด็กเกเรหลังห้องพูดขึ้นในขณะที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนของโซ่
“เห้ย! พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรนักเนี่ย?!” เสียงห้าวของเด็กสาวในชุดมอปลายที่นั่งอยู่หน้าห้องพูดขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่หลังห้องเพื่อสงบเสียงน่ารำคาญนั้น “มึงจะแกล้งไอใบ้มันทำไมนัก ก็รู้อยู่ว่ามันไม่พูด” หัวหน้าห้องสาวใจกล้าพูดดุเด็กเกเรที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหารังแกเพื่อนร่วมชั้นอยู่
“จะดุทำไมเนี่ยเป๋า บอกดีๆ เราก็เงียบให้แล้ว” เพชรพูดอย่างใจเย็นกับสาวที่ตนชอบ
กระเป๋ามองหน้าของเพชรอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปดุเพื่อนชายที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างคนขี้ขลาด “แล้วมึงเป็นบ้าอะไร นั่งให้มันแกล้งอยู่ได้ ลุกมานี่!” ว่าแล้วเป๋าก็กระชากแขนของโซ่ลุกขึ้นพาไปนั่งที่หน้าห้องกับเธอ เพราะเห็นว่าโซ่นั้นปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วภาพนั้นมันก็ขัดใจเธอมากสุดๆ ที่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายแต่กลับอ่อนแอกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงซะอีก
นอกจากกระเป๋าจะไม่กลัวเด็กผู้ชายในห้องแล้ว เธอยังเด็ดขาดมากอีกด้วยกับการที่จะจัดการเรื่องไม่ถูกต้องนี้ และเพราะความใจกล้านั้นทำให้เธอได้เป็นหัวหน้าห้องและกลายเป็นประธานนักเรียนหญิงคนแรกของโรงเรียนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่างทั้งหน้าตาและความสามารถและมีความเป็นผู้นำสุดๆ เธอคอยจัดการเรื่องในโรงเรียนได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ของเธอ แถมเธอยังเป็นขวัญใจทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องอีกด้วย ไม่เว้นแต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังพากันรุมชอบเธอ
@วันปัจฉิมปี2560
ในวันปัจฉิมที่นักเรียนชั้นมอสาม และมอหกของโรงเรียนจะต้องอำลาเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและรวมไปถึงชุดนักเรียนที่ตนใส่อยู่ด้วย เพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่ในช่วงต่อไปของชีวิตที่โตขึ้น
“เป๋า เขียนเสื้อให้เราหน่อยดิ” เพชรเดินมาพร้อมปากกาและดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“หันหลังมา” กระเป๋าดึงปากกาที่มือของเพชรไป ก่อนที่จะเขียนคำสั้นๆ ลงที่เสื้อด้านหลังของเขา (ลาก่อน)
“เดี๋ยวเป๋า...” เพชรเรียกหยุดกระเป๋าไว้เมื่อเธอเขียนเสร็จและยื่นปากกาคืนให้กับตน “อ่ะ เราให้”
ดอกไม้ช่อโตที่เพชรเตรียมมาถูกยื่นไปยังด้านหน้าของผู้หญิงที่เขาปลื้มมาเป็นเวลานาน แต่ไม่กล้าที่จะจีบเพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เขาจะได้มาครอบครองง่ายๆ แม้ว่าเขาจะเป็นขวัญใจของผู้หญิงในโรงเรียนนี้แต่ก็ไม่ใช่กับกระเป๋าเพื่อนร่วมชั้น
“ขอบใจ” ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั้นๆ ห้วนๆ แต่มันก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นยิ้มไม่หุบถึงจะรู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าของตัวเองก็ตาม แต่เพียงแค่ได้มอบมันให้กับเธอ ก็ทำให้ใจของคนเกเรฟูขึ้นมาได้
วันนี้ฉันมองหาไอใบ้ทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปแอบอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเรียนจบแท้ๆ “เห็นไอใบ้ป่ะ?” กระเป๋าถามหากับเพื่อนในห้องของเธอ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าโซ่หายไปอยู่ที่ไหน จนเธอเริ่มออกตามหาเขาทั่วโรงเรียนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะโดนเด็กเกเรแกล้งอยู่ในที่ลับตาคนอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง...
หลังตึกเรียนอาคารสาม...
ณ.มุมอับที่ลับตาคนแบบนี้ กลับมีเด็กผู้ชายในชุดมอปลายคนนึงนั่งยองๆ อยู่ ในขณะที่มือของเขาก็ขย้ำเศษอาหารเพื่อเอาให้กับหมาแม่ลูกอ่อนที่มาแอบคลอดลูกอยู่หลังตึก “อ่ะ...” เสียงแผ่วเบานั้นทำคนที่แอบฟังอยู่ตื่นเต้นเอามากเมื่อได้ยิน
“ไอใบ้! เมื่อกี้มึงพูดเหรอ?” กระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางตกใจ เพราะตั้งแต่เรียนกับโซ่มาตั้งแต่มอหนึ่ง จนจบมอหกก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่แอะเดียว
คนตัวสูงรีบส่ายหัวตอบกลับพร้อมกับเดินถอยหลังหนีจนชิดกำแพงด้วยความหวาดกลัว “...”
“เพื่อนเขากินเลี้ยงกันอยู่ที่ห้อง มึงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?” กระเป๋าเอ่ยถามในฐานะหัวหน้าห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนหายออกมาจากห้อง
“...” โซ่ชี้ไปที่หมาเพื่อบอกว่าตนเอาข้าวมาให้มัน
''เอาข้าวมาให้หมาเหรอ?''
“...” พยักหน้าตอบกลับด้วยแววตาของคนขี้ขลาด
กระเป๋าสังเกตเห็นว่ามือของโซ่เลอะข้าวอยู่เลยเดินไปเปิดก๊อกและลากสายยางมาหาโซ่ แต่ท่าว่าโซ่กลับนั่งลงที่พื้นและยกแขนขึ้นป้องกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเขาคิดว่าเธอกำลังจะฉีดน้ำใส่เขาเหมือนกับที่เด็กคนอื่นๆ เคยทำ เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้นเมื่อแกล้งให้เขากลัวมันดังก้องอยู่ในหัวจนไม่อาจลืม ความระแวงจึงผุดขึ้นเพราะคิดว่าเธอจะทำเช่นนั้น
“เฮ้อ~” ท่าทางขี้กลัวของเขาทำให้เธอหงุดหงิดเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเข้าใจได้ เพราะรู้ว่าเขาเจอเรื่องแบบนั้นอยู่ตลอด ก็ไม่แปลกที่เขาจะกลัวเธอ ''เอามือมานี่'' ว่าแล้วกระเป๋าก็คว้ามือข้างที่เลอะของโซ่มาล้างน้ำให้ อย่างไม่รังเกียจเศษอาหารที่ติดอยู่ที่มือของเขาเลยแม้แต่น้อย ''ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ มึงจะใช้ชีวิตยังไงฮะ กูนึกไม่ออกเลย'' กระเป๋าพูดพลางส่ายหัวด้วยความสงสัย และแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ไพเราะแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
“...” โซ่ยังคงเงียบและนิ่งอยู่ตลอด จนกระเป๋าล้างมือให้ตนเสร็จ
“ลุกขึ้น กลับไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ห้อง” เธอบอกกับโซ่ก่อนจะหันหลังเดินไปเพราะคิดว่าเขาจะทำตามคำสั่ง แต่ก็ต้องหยุดและหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา “มาสิวะ!”
“...” โซ่ปัดมือไล่เพื่อบอกให้กระเป๋านั้นกลับไปเพราะเขาจะไม่เดินตามเธอกลับไปที่นั่น
“ก็ไปด้วยกันสิ”
“...” ส่ายหัวตอบกลับ
“จะเอายังไง จะแอบอยู่ที่นี่จนถึงเวลาครูปล่อยกลับบ้านเลยใช่ไหม!?” กระเป๋าถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและท่าทางไม่พอใจ ซึ่งคำตอบของคนขี้ขลาดก็ยังคงพยักหน้าสั้นๆ เช่นเดิม “งั้นก็ตามใจ!”
ช่วงเย็น...
ในเวลาที่ทุกคนกลับบ้านกันจนหมดแล้ว ก็เป็นเวลาที่โซ่จะเดินกลับบ้านของตนเหมือนกับทุกๆ วัน การเรียนจบของเขามันแสนลำบากมาก เขาเลยไม่คิดที่จะเรียนต่อและออกมาทำงานรับจ้างเลี้ยงดูยายแบบเรียบง่าย และไม่คิดที่จะต่อมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นเพราะฐานะที่ยากจนและเรื่องหนักใจที่ตนเจอตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ถึงแม้ว่าตนจะมีเกรดเฉลี่ยที่ดีติดท็อปสามของห้องทุกปีก็ตาม...
บ้านโซ่...
เมื่อกลับมาถึงบ้านซอมซ่อของตน เขาก็ต้องตกใจที่เห็นว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นเรียนมานั่งคุยอยู่กับยายของตนที่บ้าน
“ไงโซ่ กลับมาบ้านแล้วเหรอ?” โซ่แสดงท่าทางตกใจและหวาดกลัวมากเมื่อได้ยินว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นของตน เรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่เขาไม่เคยพูดบอกใครมาก่อน “งั้นเดี๋ยวหนูกลับก่อนนะคะยาย ไว้มาเยี่ยมใหม่นะคะ” กระเป๋ายกมือขึ้นไหว้ยายของโซ่อย่างสุภาพ ก่อนจะเดินสวนกับโซ่ออกจากบ้านไป
“เพื่อนเองมารอตั้งพักใหญ่แล้ว ทำไมเพิ่งกลับมาฮะ?” เสียงยายแก่ที่มีลักษณะฟันเหมือนกันกับโซ่เอ่ยถามหลานชายของตน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา หนำซ้ำเขายังมีท่าทางไม่พอใจที่ยายเอาเรื่องของตนไปบอกกับคนอื่นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[กด💛 เพิ่มเข้าชั้น✅ คอมเมนท์ให้กำลังใจ😍 และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY