สาวใช้ใสซื่อกับคุณชายทั้ง7คนในคฤหาสน์หลังใหญ่ คุณชายทุกคนต่างก็หมายตาต้องใจและอยากที่จะครอบครองสาวงามนั้นมาเป็นของตนเพียงผู้เดียว แต่มันไม่ง่ายเมื่อมีศัตรูหัวใจถึง6คน ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน..[ฮาเร็ม]
สาวใช้ใสซื่อกับคุณชายทั้ง7คนในคฤหาสน์หลังใหญ่ คุณชายทุกคนต่างก็หมายตาต้องใจและอยากที่จะครอบครองสาวงามนั้นมาเป็นของตนเพียงผู้เดียว แต่มันไม่ง่ายเมื่อมีศัตรูหัวใจถึง6คน ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน..[ฮาเร็ม]
• ACTION •
เจ็ดปีก่อนหน้าที่น้ำอุ่นจะเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้...
เด็กน้อยและชายวัยกลางคนเดินจูงมือกันมาขอข้าวบ้านคนรวยกินสภาพของทั้งคู่ดูอิดโรยเพราะอดอาหารมาหลายวันแล้ว และสิ่งที่ประทังชีวิตคนทั้งคู่ให้อยู่ลอดได้ถึงเวลานี้ก็คงจะเป็นเศษอาหารจากถังขยะข้างทาง
“ขอข้าวเราพ่อลูกกินหน่อยได้ไหมครับ...ให้ลูกผมกินคนเดียวก็ได้” ชายวัยกลางคนพูดบอกหญิงสาวใช้ที่กำลังให้อาหารหมาอยู่ที่ข้างรั้วบ้าน เขาพูดพลางมองอาหารในจานข้าวหมา
“เข้ามาสิ” หญิงสาวสูงอายุพูดบอกพ่อลูกที่ยืนอยู่ข้างรั้วบ้านด้านนอกให้เข้ามาด้านในก่อนจะออกคำสั่งกับสาวคนใช้อีกคนด้วยตำแหน่งที่สูงชั้นกว่า “ไปเอากับข้าวในครัวมาให้พวกเขา”
ทันทีที่ได้เศษอาหารจากบ้านคนรวยพวกเขาสองคนพ่อลูกก็รีบยัดมันเข้าปากด้วยความกระหายหิวทั้งข้าวและน้ำถูกสลับกลืนลงคอทั้งสองพ่อลูก คนเป็นพ่อกินข้าวไปพลางน้ำตาไหลไปก่อนจะพนมมือก้มลงกราบเท้าหญิงสูงอายุใจดีที่ให้อาหารมื้อนี้ที่เป็นมื้ออาหารต่อชีวิตของตนและลูกสาวได้ไปอีกวัน “ขอบคุณมากนะครับคุณผู้หญิง” ชายวัยกลางคนพูดให้เกียรติด้วยความเคารพอย่างสูงกับหญิงผู้นั้น
“คุณหญิงอะไรเล่า ฉันก็เป็นแม่บ้านนี่แหละ”
“ถ้าไม่มากเกินไปผมขอฝากลูกสาวไว้ที่นี่สองสามวันจะได้ไหมครับ ผมจะไปหารับจ้างทำงานแล้วเดี๋ยวได้เงินผมจะกลับมารับลูก” คนเร่ร่อนพูดขอทั้งน้ำตาอย่างไร้หนทางกับหญิงผู้ใจบุญ
หญิงสูงอายุหยุดคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบตกลงไปเพราะเห็นใจในความยากจนไร้ซึ่งหนทางของคนทั้งคู่ “สองสามวันนะ…ฉันจะดูแลให้ จะให้ข้าวยัยหนูมันกินไม่ต้องห่วง” หญิงสูงอายุรับปากกับชายเร่ร่อนเพราะสงสารสองพ่อลูก
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมาก ฮือๆ” มือสองข้างพนมก้มลงกราบเท้าผู้มีพระคุณอีกครั้งก่อนจะคว้าตัวลูกสาวมากอดไว้เพื่อล่ำลา
“ฮึกๆ พ่อจะไปไหน” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นพรางถามพ่อของเธอทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรนะน้ำอุ่นเดี๋ยวพ่อรีบกลับมา หนูอยู่ที่นี่จะมีข้าวกินเชื่อพ่อนะ” มือหนาสกปรกลูบลงที่หัวของเด็กสาวอย่างอบอุ่นแม้เป็นมือที่เลอะเทอะเด็กสาวก็ยังดึงมือของพ่อเธอเข้ามาจูบเพื่อให้กำลังใจพ่อของเธอ “ฮึกๆ ทำตามที่พ่อบอกนะเด็กดี”
“ค่ะ น้ำอุ่นจะเป็นเด็กดีจะอยู่รอพ่อที่นี่ไม่ไปไหนนะ สามวันใช่ไหมคะ?” เสียงเด็กน้อยเอ่ยถามพ่อของเธอด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจว่าพ่อของเธอจะกลับมารับเธอตามที่นัดหมายกันไว้ในอีกสามวันข้างหน้า
“สามวันพ่อจะกลับมารับน้ำอุ่นรอพ่อนะ” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เด็กน้อยได้ยินจากคนเป็นพ่อ ก่อนที่เขาจะจากไปนานแสนนาน…
เจ็ดปีต่อมา...
“น้ำอุ่น มาหายายหน่อยซิ๊” เสียงแม่บ้านวัยสูงอายุเรียกหาเด็กสาวเร่ร่อน ที่ตอนนี้กลายเป็นหลานสาวสุดที่รักของเธอไปแล้วหลังจากที่อาศัยอยู่ที่นี่นานถึงเจ็ดปี จากตอนนั้นที่เธอมีอายุเพียงแค่สิบสองปีเท่านั้นจนตอนนี้เริ่มโตเป็นสาวและอยู่ในช่วงวัยสิบเก้าย่างเข้ายี่สิบปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
“จ๋ายาย~” เจ้าของเสียงหวานขานรับ
“ยายทำบัวลอยให้กินเอาไหม” คุณยายใจดีเอ่ยถามหลานสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“กินค่ะ งั้นน้ำอุ่นช่วยยายทำนะคะ” เด็กสาวตอบรับเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มงดงามของเธอ
วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันคอยแอบไปเดินด้อมๆ มองๆ แถวริมรั้วบ้านเพราะคิดว่าพ่อสุดที่รักของฉันจะกลับมาหา แต่ก็ยังไม่ทันได้เห็นใครยายจ๋าของฉันก็เรียกหาซะก่อน
ฉันอาศัยอยู่ที่นี่โดยการทำงานแลกที่ซุกหัวนอนกับข้าวกินในแต่ละวัน ไม่ได้เรียนหนังสือหรือมีเพื่อนอย่างลูกคนใช้คนอื่นในบ้านฉันมีหน้าที่เพียงแค่ช่วยยายจ๋าทำงานอยู่ที่หลังบ้านกับในครัวเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่มย่ามที่คฤหาสน์ใหญ่ เพราะยายจ๋าสั่งไว้แบบนั้นและฉันก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมเพียงแค่ทำตามที่ยายบอกเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำเพื่อตอบแทนท่าน คือการเชื่อฟังและเป็นเด็กดีของยายจ๋า
“น้ำอุ่น~ น้ำอุ่น~” เสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกหาเด็กสาว
“คะป้า?”
“ไปช่วยงานป้าที่คฤหาสน์หน่อยสิ”
“ไม่ได้!” คุณยายดุเสียงเข้มขึ้น
“โอ๊ยยายหอม วันนี้พวกคุณชายเขาจัดปาร์ตี้กันคนที่คฤหาสน์มันไม่พอทำงาน ให้น้ำอุ่นไปช่วยฉันเถอะนะฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวกูไปเอง” ยายหอมพูดขึ้นก่อนจะวางแป้งบัวลอยในมือลงใส่จาน เพราะเธอไม่ต้องการให้น้ำอุ่นเข้าไปที่คฤหาสน์นั่น จึงอาสาที่จะไปด้วยตัวเอง เหตุผลเพราะยายหอมรู้ดีว่าหากคุณชายทั้งเจ็ดได้พบกับความสวยสดของหลานสาวของเธอแล้ว น้ำอุ่นคงไม่ได้กลับออกมาจากที่นั่นเป็นแน่
“ยายจ๋า เดี๋ยวน้ำอุ่นไปให้เองจ้ะ ตอนนี้น้ำอุ่นโตแล้วยกของได้สบายยายอยู่พักที่นี่เถอะนะจ๊ะ” เด็กสาวพูดพรางลุกขึ้นดึงมือของคุณยายไว้เพราะไม่อยากให้ยายจ๋าของเธอต้องไปทำงานหนัก เพราะเธอห่วงสุขภาพด้วยอายุที่มากขึ้นทุกวันและร่างกายที่ทรุดโทรมลงเลื่อยๆ ของยายหอม
“เฮ้อ~ ใส่แมสไปด้วยนะน้ำอุ่นอย่าถอดออกเชียวล่ะ”
“จ้ะยาย” เด็กสาวรีบวิ่งไปหยิบแมสในกล่องมาใส่ปิดหน้าเอาไว้ตามที่ยายจ๋าของเธอบอกอย่างว่านอนสอนง่าย ก่อนจะเดินตามป้าแม่บ้านไปช่วยงานที่คฤหาสน์หลังใหญ่...
ตลอดเจ็ดปีที่ฉันมาอยู่ที่นี่ฉันไม่เคยย่างกายเข้าไปที่คฤหาสน์ใหญ่ ที่ที่เป็นที่อยู่ของเหล่าคุณชายทั้งเจ็ดคนเลย แต่ก็รู้การมีอยู่ของพวกเขาที่ป้าและยายจ๋าชอบพูดบ่นให้กันฟังถึงความดื้อแบบไร้ที่ติของพวกเขา ซึ่งคนไร้การศึกษาไร้พ่อแม่แบบฉันก็ไม่รู้อะไรภายนอกคฤหาสน์หลังนี้เลยรู้เพียงแค่สิ่งที่ยายจ๋าสอนและบอกให้ทำ รู้เพียงแค่พื้นที่ของคนรับใช้อยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้เข้าไปเห็นภายในของคฤหาสน์ ข้างในนั้นจะสวยเหมือนกับที่ฉันคิดไว้ไหมนะ...
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY