S1..ผมได้รับคำสั่งจากนายให้ดัดสันดานคุณหนู ซึ่งเธอกับผมต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน ยิ่งเกลียดก็ยิ่งต้องเจอ ผมอยากจะบินตามไปดูแลนายที่มาเก๊า แล้วปล่อยให้ไอวอมอยู่กับคุณหนูของมันจริงๆ3P
S1..ผมได้รับคำสั่งจากนายให้ดัดสันดานคุณหนู ซึ่งเธอกับผมต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน ยิ่งเกลียดก็ยิ่งต้องเจอ ผมอยากจะบินตามไปดูแลนายที่มาเก๊า แล้วปล่อยให้ไอวอมอยู่กับคุณหนูของมันจริงๆ3P
• ACTION •
ตั้งแต่แม่เสียไป พ่อก็ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าอยู่บ้านกับฉัน ซึ่งแต่ก่อนฉันเคยเป็นเด็กที่ได้รับความรักจากพ่อและแม่เป็นอย่างดี เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นกันมาก จนกระทั่งวันที่แม่จากเราไป พ่อก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ฉัน พ่อจะปล่อยฉันไว้กับพวกบอดี้การ์ดและก็แม่บ้านที่บ้านหลังนี้ จนฉันเริ่มกลายเป็นเด็กก้าวร้าวขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนเป็นพ่อ
และช่วงวันสองวันมานี้พ่อของฉันดูจะยุ่งเอามากๆ ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรขนาดนั้นบ้านช่องไม่กลับ แถมพรุ่งนี้พ่อยังบอกฉันอีกด้วยว่าห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวช่วงเย็นเขาจะกลับมากินข้าวด้วยที่บ้าน ซึ่งการอยู่บ้านมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดๆ ฉันไม่มีอะไรทำเลยนอกจากการเลื่อนดูโทรศัพท์ไปพรางๆ เพื่อแก้เหงา...
@โรงแรม
“พรุ่งนี้ฉันฝากแกดูโบอาด้วยนะ อย่าให้ออกจากบ้านเด็ดขาด...”
พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของผม ซึ่งเรื่องนี้โบอา ลูกสาวของผมเธอจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเธอได้มาอาละวาดพังงานแต่งของผมกับเมียใหม่แน่ๆ ใจจริงผมก็รู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเรื่องนี้กับโบอา แต่ว่าการทำแบบนี้มันก็ดีที่สุดแล้วกับเมียใหม่ของผมแล้วก็ลูกในท้องของเธอ...
“ครับนาย” ผมก้มหน้าและตอบรับคำสั่งนายทันที ถึงแม้การดูแลคุณหนูโบอา จะเป็นเรื่องยากผมก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือแสดงอาการท่าทางไม่พอใจออกมาได้ เพราะนายมีบุญคุณกับผมมาก และไม่ว่านายจะสั่งอะไรผมก็พร้อมรับคำสั่งนั้นทันที
“ช่วงที่ฉันไปอยู่มาเก๊าฝากแกจัดการดัดนิสัยลูกสาวฉันให้ที ช่วงนี้ยัยหนูเริ่มดื้อไม่ฟังฉันแล้ว”
ปกติผมจะตามใจเธอตลอด จนทำให้เธอเคยตัว และพอผมพูดห้ามหรือเตือนอะไรเธอก็ไม่ค่อยจะฟัง แล้วทั้งบ้านก็พากันไม่กล้าขัดใจลูกสาวของผมไปด้วย แต่ดูเหมือนไอเจเคมันจะเป็นคนเดียวที่กล้าขัดใจและแข็งกับเธอที่สุดในบ้าน ซึ่งผมก็ไว้ใจมันที่สุด ที่จะฝากลูกสาวไว้กับมัน
“ครับ แล้วนายจะไปอยู่มาเก๊านานไหมครับ” เจเคลูกน้องคนสนิทเอ่ยถาม
“ก็จนกว่าลูกฉันจะคลอดนั่นแหละ” ผมกะว่าจะรอให้ ‘มิลา’ คลอดลูกก่อนแล้วค่อยกลับมาอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดผมพาเธอเข้าบ้านตอนนี้ยัยหนูได้เป็นคนทำคลอดให้เมียใหม่ผมแน่ๆ
“ครับนาย…”
แบบนี้ผมก็ต้องทนเลี้ยงยัยคุณหนูปากดีนั่นเกือบเก้าเดือนเลยเหรอ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของผม ที่ต้องมาเจอเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจแบบนั้น
@ตึกใหญ่
วันนี้บ้านดูเงียบไปแปลกๆ พวกบอดี้การ์ดก็อยู่บ้านกันแค่ไม่กี่คน และไม่รู้ว่าพวกมันหายหัวไปไหนกันหมด ไอคนที่เรียกใช้ง่ายๆ ก็ไม่อยู่ อยู่แต่ไอ ‘เจเค’ คนที่เรียกใช้อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง “ไปเอานมในตู้เย็นให้หน่อย”
คุณหนูเอ่ยปากกระแทกเสียงสั่งให้ผมไปเอานมให้ และผมก็เกลียดท่าทางจองหองพองขนของเธอสุดๆ ถึงแม้ว่าผมจะแก่กว่าเธอตั้งหกปีแต่เธอก็ยังเรียกผมว่าไอ และไม่เคยแสดงท่าทางเคารพผมเลยสักครั้ง “…”
“กูสั่งให้มึงไปเอานมให้กู มึงไม่ได้ยินรึไง ฮะ!” เธอลุกขึ้นจากโซฟาและแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดใส่เขา
“แม่บ้าน ไปเอานมมา” ผมหันไปบอกแม่บ้านที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับมาใช้ผม “อยากได้อะไรก็สั่งแม่บ้านสิครับ ผมเป็นบอดี้การ์ดไม่ใช่คนรับใช้”
“มึงก็ขี้ข้าเหมือนกันนั่นแหละ กูเป็นนายมึง เวลาที่กูสั่งให้มึงทำอะไร มึงก็ต้องทำ อย่าเสือกมาสอนกู” ฉันเกลียดที่ไอเจเคมันเอาแต่ขัดคำสั่งของฉันทุกอย่าง แล้วมันก็ยังเป็นลูกน้องคนโปรดของพ่ออีกด้วย เหมือนว่ามันเองก็จะรู้ตัวว่าพ่อฉันให้ท้ายมัน มันเลยปีกกล้าขาแข็งกับฉันขนาดนี้
ทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้คุณหนูผมต้องคอยนับหนึ่งถึงล้านตลอด เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ..ใจเย็นไอเจเคอีนี่มันก็แค่เด็กปากดีเท่านั้น
“ครับคุณหนู”
ยิ่งเห็นหน้ามันฉันก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่รู้ว่ามันจะมายืนเฝ้าประกบฉันอยู่ทำไม วันนี้ทุกคนดูทำตัวแปลกๆ กันไปหมดทั้งแม่บ้าน ทั้งไอเจเคก็คอยประกบเฝ้าฉันอยู่ไม่ห่าง
“ไปไกลๆ ได้ไหมกูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ฉันตะหวาดใส่มันเสร็จฉันก็เดินหนีหน้ามันไปนั่งอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำเพื่อให้ใจเย็นลง แต่ไอเจเคมันก็ยังเดินตามตูดฉันไม่เลิก น่าลำคานจริงๆ
ติ๊ง! [เบอร์ปริศนา - รูปงานแต่งของคุณอิทธิพ่อของเธอและมิลาเมียใหม่]
ไม่รู้ว่ามือดีที่ไหนส่งรูปนี้มาให้ฉัน แถมยังใจดีส่งสถานที่จัดงานมาให้ฉันอีก ซึ่งภาพทั้งหมดที่ฉันได้รับจากเบอร์แปลก มันทำให้ฉันตาสว่างและเข้าใจที่วันนี้ฉันโดนไอเจเคมันคอยตามประกบอยู่แบบนี้
จู่ๆ คุณหนูขี้โมโหก็เดินเข้าไปหาคนที่เธอเกลียดขี้หน้า พรางมองหน้าเขาด้วยความแค้นใจ แววตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา จนทำชายหนุ่มร่างสูงเริ่มใจคอไม่ดีที่เห็นท่าทางของเธอแบบนั้น
ตุบ! ตูม!!
เจเคถูกเท้าเล็กที่โมโหและโกรธแค้นสุดขีดถีบลงสระเต็มแรง ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน เพื่อไปจัดการพ่อของเธอ
ตอนนี้ผมรู้ได้ทันที ว่าเธอคงรู้เรื่องงานแต่งของนายแล้วแน่ๆ “เหี้ยเอ๊ย ใครอยู่ข้างนอกบ้าง จับคุณหนูไว้ที!!” ผมตะโกนเรียกหาลูกน้องก่อนจะรีบขึ้นจากสระไปตามจับเธอ
แต่พอผมวิ่งออกมาหน้าบ้านก็ไม่ทัน คุณหนูขับรถสวนออกไปพอดี “บรรลัยแล้วกู” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ ‘วอม’ มือซ้ายของนาย และเพื่อนรักเพียงคนเดียวของผม ที่ตอนนี้อยู่คุ้มกันนายที่งานแต่ง “ไอวอมมึงรีบสแตนบายรอที่งานแต่งเลย คุณหนูหนีออกไปแล้ว”
@สถานที่จัดงานแต่ง
พอได้ยินสิ่งที่ไอเจเคบอกผมก็รีบส่งซิกบอกลูกน้องในงานให้ไปดักรอที่หน้าประตูทางเข้างานทันที “พวกมึงสองคนไปดักทางนู้น”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญซึ่งผมกำลังจะสวมแหวนให้เธอแต่จู่ๆ ก็เห็นว่าบรรยากาศตอนนี้มันแปลกไป บอดี้การ์ดที่ยืนคุมอยู่ในงานก็พากันวิ่งวุ่นออกไปที่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งผมก็ได้แต่ภวานาขอว่าอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย…
@หน้าโรงแรมที่จัดงาน
พอจอดรถหน้าโรงแรมได้ ฉันก็ไม่ลืมที่จะเอาไม้เบสบอลคู่ใจท้ายรถลงมาด้วย พ่อฉันรู้ดีที่สุดว่าฉันเล่นเบสบอลเก่งมาก แล้วก็ตีไม่เคยพลาดเลยด้วย
ตอนนี้ผมเห็นเป้าหมายที่ผมต้องจัดการแล้ว เธอเดินตรงเข้ามาหาผมกับพวกลูกน้องที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูอย่างไม่เกรงกลัว ในมือเธอก็ยังถือไม้เบสบอลไว้แน่น แล้วดูเหมือนว่าเธอจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย
“คือ...คุณหนูครับ” วอมยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดจนจบประโยคก็โดนคุณหนูของเขา ขว้างไม้เบสบอลใส่แต่โชคดีที่เขาหลบทัน
ควับ!
“ถ้าพี่วอมเข้าข้างพ่อ ก็เข้ามาจับตัวหนูได้เลย” บอดี้การ์ดคนเดียวที่ฉันพูดดีด้วยและเขาก็ทำดีกับฉันมาตลอดคือพี่วอม ฉันไว้ใจเขาที่สุด แต่ว่าวันนี้เขาหักหลังฉัน
“ขอโทษนะครับคุณหนู” ผมเอ่ยปากขอโทษ ด้วยความรู้สึกผิดต่อเธอ แต่ผมก็ไม่สามารถขัดคำสั่งนายได้อยู่ดี สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยปากสั่งลูกน้อง “จับคุณหนูไว้”
“อ๊ายๆๆ!!” เธอกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความโมโหสุดขีดก่อนจะฟาดไม้เบสบอลใส่ทุกคนที่วิ่งเข้าไปหยุดเธอไว้ เท้าเล็กสองข้างก็สลับถีบคนพวกนั้นออกห่าง
เสียงกรีดร้องนั้นทำให้คนในงานตกใจและพากันมองไปที่ประตูทางเข้ากันหมด แล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือโบอา ลูกสาวของผมแน่นอน “เธอมาแล้วสินะ” เขารีบจบพิธีและเชิญแขกออกจากงานแต่ก็ไม่ทันลูกสาวของตนอยู่ดี เธอวิ่งเข้ามาใช้ไม้เบสบอลตีทำลายข้าวของตกแต่งในงานจนเละเทะไปหมด
“พาเธอไปหลบก่อน” ผมสั่งลูกน้องให้พาเมียใหม่ผมไปหลบให้ห่างเธอ ส่วนตัวเองก็ยืนรอลูกสาวเดินเข้ามาหา
เขายกมือขึ้นสั่งลูกน้องไม่ให้จับตัวเธอ และปล่อยให้เธอเดินเข้ามาระบายความโกรธลงที่ตน พ่อที่ทำผิด ปิดบังและมีความลับต่อลูกสาวอย่างเธอ
“ฮึกๆ งานแต่งทั้งทีทำไมพ่อถึงไม่ชวนหนูละคะ”
เธอยิ้มถามผมทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้มใสอยู่ แล้วนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมนั้นรู้สึกผิดต่อลูกมากยิ่งขึ้น “ยัยหนูพ่อขอโทษนะ”
เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าพ่อก่อนจะกรีดร้องโวยวายอีกครั้ง พร้อมกับใช้ไม้เบสบอลฟาดตีสิ่งของที่อยู่ใกล้คนเป็นพ่อเพื่อระบายอารมณ์โกรธ
หลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบขับรถตามมาที่งานเพื่อมาพาคุณหนูกลับบ้านทันที แล้วพอมาถึงงานก็เห็นว่าที่นี่เละไปหมดแล้ว แถมคุณหนูยังกำลังอาละวาดอยู่ต่อหน้านายอีกด้วย...
เจเคเดินพุ่งเข้าไปดึงไม้เบสบอลที่มือของเธอออกอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะแบกเธอขึ้นบ่าและหันไปโค้งหัวขอโทษนายที่ตนพลาดทำคุณหนูหลุดมาที่นี่
“ปล่อยกูไอขี้ข้า!!”
“มึงไปขับรถ” ผมออกคำสั่งกับลูกน้องให้มันไปขับรถเพราะว่าผมต้องนั่งจับคุณหนูอยู่เบาะหลัง ถ้าไม่ทำแบบนี้คุณหนูใจเด็ดของผม เธอได้โดดลงจากรถแน่ “หุบปากสักทีได้ไหมครับ!” เจเคพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเพราะรู้สึกหมดความอดทนกับเด็กดื้ออย่างเธอ
“กูไม่หุบปากมึงจะทำไมกู!!” ฉันตะโกนใส่หน้าไอขี้ข้าทันทีเมื่อมันกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน
ตอนนี้เธอทำคนใจร้อนฟิวขาดแล้ว... “ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกนาย คุณหนูคงโดนผมจับทำเมียไปแล้ว”
“ถ้ามึงกล้า ก็ทำสิ...” คนปากดีพูดตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY