S2.1 ...แสนดีตั้งใจที่จะเรียนจิตแพทยย์เพื่อญะญ๋า แต่กลับต้องมารักษาอาการป่วยจิตให้กับหมอปืนแฟนของเธอแทน... (ฉันจะรักษาหมอปืนให้หาย แกไม่ต้องเป็นห่วงนะญะญ๋า)
S2.1 ...แสนดีตั้งใจที่จะเรียนจิตแพทยย์เพื่อญะญ๋า แต่กลับต้องมารักษาอาการป่วยจิตให้กับหมอปืนแฟนของเธอแทน... (ฉันจะรักษาหมอปืนให้หาย แกไม่ต้องเป็นห่วงนะญะญ๋า)
INTRO!(สำคัญ)
"ทำความเข้าใจก่อนอ่าน"
S1อาหมอ S2.1 บำบัดรักแฟนเพื่อน (OLD.)
ควรอ่านตามนี้เพื่อไม่ให้งง มี2แบบ ดังนี้.
เริ่มอ่าน s1อาหมอ ต่อด้วย s2.1 บำบัดรักแฟนเพื่อน (ตอนจบแบบเก่า)
เริ่มอ่าน s1อาหมอ ต่อด้วย s2.2 คุณหมอสองรัก (ตอนจบแบบใหม่)
ปล.ใครยังไม่เคยอ่านเรื่องแรก สามารถเริ่มอ่านเรื่องใหม่ 'บำบัดรักแฟนเพื่อน' ได้เลยนะครับ เดี๋ยวไรท์จะลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ ของS1ไว้ให้ เผื่อใครอยากเริ่มอ่านที่เรื่องนี้เลย
S1.ญะญ๋าและหมอปืนทั้งคู่เป็นอาหลาน (เพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของพ่อ) ญ๋ามาอาศัยอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของหมอปืนและทำงานที่เดียวกันจึงเกิดความรักขึ้น ญะญ๋าป่วยเป็นแพนิคและซึมเศร้า มีเรื่องฝังใจมากมาย เช่น ความเครียดในวัยเด็ก เธอมีเพื่อนคนเดียวคือแสนดีเพราะหลายคนไม่ชอบที่เธออ่อนแอและความกดดันจากการเรียนแพทย์ (ญ๋าเรียนไม่เก่ง หัวไม่ดีแต่ก็พยายามถึงที่สุดเพื่อจะเป็นหมอ) บุกคลิกของเธอที่เป็นสาวหวานน่ารักไร้เดียงสา ท่าทางของเธอไม่ถูกใจเพื่อนร่วมงานจนถูกเอาไปนินทาในกลุ่มลับว่าเธอเป็นพวกแอ๊บใส ซึ่งต่อหน้าทุกคนทำเป็นพูดดีด้วยแต่ลับหลังพูดถึงเธอเสียๆ หายๆ ถึงอาการป่วยที่เธอเป็น (ว่าเป็นโรคอ่อยผู้ชายยอดฮิต) แต่เธอกลับมองว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่น่ารักกลุ่มหนึ่งซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ฝั่งใจที่ทำให้อาการเธอแย่ขั้นสุด คือเธอไม่สามารถรักษาคนไข้ต่อได้เพราะอาการแพนิคกำเริบจนทำคนไข้เสียชีวิตคาเตียงผ่าตัด เรื่องที่ต้องปิดบังพ่อแม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ของเธอกับหมอปืน และเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้คนอ่อนแออย่างญะญ๋าตัดสินใจฆ่าตัวตาย (ในตอนจบของเรื่อง s1อาหมอ) จนเป็นที่มาให้หมอปืนคนรักของเธอเสียสติ
ตอนจบเก่า OLD! [แสนดีตั้งใจที่จะเรียนจิตแพทย์เพื่อญะญ๋า แต่กลับต้องมารักษาอาการป่วยจิตให้กับหมอปืนแฟนของเธอแทน]
...ฉันจะรักษาหมอปืนให้หาย แกไม่ต้องเป็นห่วงนะญะญ๋า...
ไปเริ่มกันเลย!!
• ACTION •
วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องมาพบกับคนไข้จิตเวชคนพิเศษ หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันนานสามปี เพราะหลังจากที่พวกเราสูญเสียญะญ๋าไปทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง และกว่าที่จะตั้งหลักกับความเป็นจริงที่ไม่มีญ๋าได้ฉันก็ใช้เวลาไปเป็นปี
แต่ยังมีอยู่คนนึงที่ติดอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตไม่ยอมไปไหน และหากว่าเขายังเป็นแบบนี้อยู่อีกไม่นานก็คงเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เพราะการที่เขาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์หรูนี้ลำพังและไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ไม่นานความโดดเดี่ยวจะฆ่าเขาในที่สุด
หลังจากที่แสนดีปฏิเสธการรักษาหมอปืนอยู่หลายครั้ง เพราะกลัวว่าการที่ได้เจอหมอปืน มันจะทำให้พากันเศร้าทั้งคนไข้แล้วก็หมอ แต่สุดท้ายเธอก็รับรักษาคนไข้คนนี้เหตุผลก็เพราะเพื่อนรักของเธอ
ติ๊งต่อง!
พอได้ยินเสียงคนกดกริ่งเจ้าบ้านก็เดินมาเปิดประตูทันที แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าแสนดีมาที่นี่
“อ้าวแสนดี ไม่เจอกันนานเลย มาหาญะญ๋าเหรอ...”
คำพูดนั้นของหมอปืนทำให้เธอจุก จนแน่นิ่งไปสักพัก “ค่ะหมอ” นี่แหละสิ่งที่ฉันกลัว การที่หมอปืนยังพร่ำเพ้อพูดถึงญ๋าอยู่แบบนี้
“เข้ามาก่อนสิ ญ๋ายังหลับอยู่เลย”
หลับอยู่เหรอ “...หมอปืนสบายดีใช่ไหมคะ”
แสนดีมองดูสภาพผมยาวเฟื้อยหนวดไม่ได้โกน ร่างกายซูบผอมของคนไข้ของเธอแล้วก็รู้สึกเวทนา
“ก็สบายดีนะ แต่ญ๋านี่สิเอาแต่นอนอย่างเดียวขี้เกียจตัวเป็นขนเลย ฮ่าๆ” หมอปืนหัวเราะออกมาทั้งที่สีหน้าของตัวเองนั้นดูเศร้ามากและมันก็ยิ่งทำให้คนที่เห็นรู้สึกหดหู่จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “นั่งก่อนสิแสนดี”
“ค่ะหมอ”
เธอนั่งลงที่โซฟาห้องรับแขกและมองไปรอบๆ บ้านก็เห็นว่าที่นี่ดูสะอาดตาดีเหมือนว่าหมอปืนจะเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเป็นปกติ แต่ที่ดูรกหูรกตาที่สุดก็หน้าจะเป็นเจ้าของบ้านนี่แหละ ตอนนี้หมอปืนผมยาวกว่าเธอซะอีกแถมหนวดเคราก็ยาวรกรุงรังปิดหน้าไปหมด พอเห็นสภาพคนไข้แล้วเธอก็รู้สึกท้อใจเพราะเขาดูแย่กว่าที่เธอคิดไว้
หมอปืนเดินเข้าไปเอาน้ำในครัวมาวางไว้ให้แสนดี ก่อนจะถามถึงธุระของเธอ “มีธุระอะไรกับญ๋าเหรอ?”
“แค่คิดถึงญ๋าเฉยๆ น่ะค่ะ ก็เลยแวะมาหา” เธอรู้ว่าถ้าบอกคนไข้ไปตามตรงว่าเธอจะมารักษาเขา เธอคงจะโดนเขาไล่ออกจากบ้านแน่
“ช่วงนี้ญ๋าเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกมากิน..ถ้าอยากเจอก็ลองเข้าไปเรียกดูสิเผื่อว่าญ๋าจะตื่น” ผู้ป่วยคิดไปว่าถ้าแฟนของตนเห็นว่าเพื่อนมาหาเธออาจจะดีใจ
“ไปเรียกเหรอคะ”
“ใช่ ในห้องนั้น เดินเข้าไปได้เลย”
“ค่ะ”
ถึงจะรู้ว่าภายในห้องนั้นไม่มีใคร แต่ฉันก็ต้องลุกไปดูญ๋าตามที่คนไข้ของฉันบอก เพราะการได้รู้ความเป็นอยู่ของเขามันน่าจะมีอะไรที่ฉันสามารถเก็บข้อมูลไว้ไปทำการรักษาเขาได้
พอเปิดเข้ามาในห้องนี้ก็ดูสะอาดตาเหมือนกับภายนอก พอมองไปที่เตียงฉันก็เห็นญ๋าของคนไข้ฉันจริงๆ หมอนข้างที่สวมชุดนอนสีฟ้าอ่อนมีโบผูกผมมัดไว้ที่จุกหมอนข้าง
ภาพที่เห็นทำให้แสนดีกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะเธอเองก็ยังจดจำญะญ๋าได้ดีไม่เคยลืม “ฮึกๆ ญ๋า”
เธอฟุบหน้าร้องไห้กับหมอนข้างตัวแทนของญ๋าที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียง เพราะภาพจำทั้งหมดมันยากเกินจะทนเจ็บ เมื่อได้นึกถึง
“ตั้งสติหน่อยสิแสนดี แกมารักษาหมอปืนนะ” เธอพูดเตือนตัวเองที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย
“ญ๋าตื่นหรือเปล่าแสนดี?”
“เอ่อ..ญ๋าบอกว่าอยากนอนต่ออีกหน่อยน่ะค่ะ” แสนดีรีบยกมือขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาออก เพื่อไม่ให้หมอปืนเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ “เราออกไปข้างนอกกันดีกว่านะคะ”
จิตแพทย์อย่างแสนดีเริ่มคิดหาวิธีที่จะทำการรักษา และเขาควรจะได้รับยาเพื่อปรับสารเคมีในสมองที่เป็นผลต่อโรคให้มีความสมดุล ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะให้คนไข้จิตเวชทานยาตามที่หมอสั่ง
“หมอปืนอยู่แต่บ้านไม่ออกไปไหนเลยเหรอคะ?”
“ใช่..หมอไม่ได้ออกไปไหนหรอกอยู่บ้านเป็นเพื่อนญ๋าน่ะ จะมีก็แต่ไอเซฟกับแสนรักที่มาหาบ้าง”
“อ๋อจริงสิ หนูมีของฝากมาให้หมอปืนด้วยน่ะค่ะ” ฉันหยิบกระปุกยาวิตามินอาหารเสริมที่ด้านในถูกสลับเปลี่ยนเป็นยาที่หมอปืนควรจะได้รับเพื่อการรักษา
“วิตามินอาหารเสริมค่ะ ยี่ห้อนี้กินดีมากเลยนะคะ” ฉันวางกระปุกยาไว้ที่โต๊ะตรงโซฟาก่อนจะหาเรื่องชวนหมอปืนกินข้าว “หมอปืนทานข้าวหรือยังคะ”
“กินหรือยังเหรอ?” เขาพยายามนึกว่าตนเองทานข้าวไปหรือยัง แต่ก็นึกไม่ออก มือที่สั่นไม่หยุดเพราะอดข้าวตอบกลับอีกคนได้เป็นอย่างดี
“เราทานข้าวกันดีไหมคะ หนูยังไม่ได้กินอะไรมาเลย”
“ได้สิ เดี๋ยวหมอทำอะไรให้กินนะ” เขาพูดจบก็ลุกเดินเข้าครัวไป แต่เมื่อเปิดดูของในตู้เย็นและตู้เก็บของในครัวก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเหลืออยู่ จะมีก็แค่มาม่าคัพเท่านั้น
“อ้าว ลืมไปว่าในตู้เย็นไม่มีของเลย...ทำไงดีล่ะ”
“ไม่มีของเหรอคะ?”
“ใช่ หมอไม่ได้ออกไปซื้อของมาตุนไว้เลยน่ะ”
“งั้นเราออกไปซุปเปอร์ใกล้ๆ ซื้อของกันก่อนดีไหมคะ” ฉันหลอกล่อหมอปืนให้ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง เผื่อว่าการที่เขาได้เห็นอะไรแปลกหูแปลกตา จะช่วยกระตุ้นให้เขาตื่นตัวพร้อมรับกับการรักษาของฉัน
“ไม่ได้หรอก หมอทิ้งญ๋าไว้บ้านคนเดียวไม่ได้ เธอเป็นซึมเศร้าอยู่แสนดีลืมเหรอ” การทิ้งผู้ป่วยไว้คนเดียวเป็นเรื่องที่อันตราย ผมทำแบบนั้นไม่ได้
“แต่เมื่อกี้ญ๋าก็บ่นว่าหิวเหมือนกันนะคะ เห็นบอกว่าอยากจะกินตีนไก่เผ็ดด้วย สงสัยเธอคงต้องอดกินแล้วล่ะ” เธอยกญะญ๋าขึ้นมาอ้างเพื่อหลอกล่อหมอปืน
“เอ่อ...” หมอปืนทำท่าทางคิดหนัก
“เราไปซื้อของกันแล้วให้ญ๋านอนรออยู่ที่บ้าน พอทำเสร็จค่อยไปเรียกญ๋ามากินข้าวด้วยกันดีไหมคะ”
“แต่ว่ารถหมอ...”
“หนูเอารถมาค่ะ ไปรถหนูก็ได้”
“งั้น..หมอขอไปบอกญ๋าก่อนนะว่าจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวตื่นมาแล้วหาหมอไม่เจอเดี๋ยวจะงอแงอีก”
“ได้ค่ะ..ฝากถามญ๋าด้วยนะคะว่าอยากกินอะไรเพิ่มไหม”
การที่จะเป็นจิตแพทย์ได้ฉันก็ต้องเข้าใจคนไข้ที่ตัวเองรักษาโดยการเอาตัวเข้าไปอยู่ใกล้เขา แบ่งปันเรื่องเล่าความทุกข์จากเขาและบางทีฉันก็ยังต้องทำตัวบ้าเหมือนเขาอีกด้วย เคสหมอปืนก็ยังถือว่าดีกว่าคนไข้ของฉันก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตัวเองเป็นนางทาสในสมัยรัชกาลที่5 ซึ่งฉันก็แปลงร่างเป็นคุณหญิงเพื่อช่วยบำบัดคนไข้มาแล้ว เรื่องตามน้ำคนไข้จิตแพทย์แบบฉันถนัดเรื่องนั้นที่สุด
ฉันสัญญานะญ๋า ว่าจะรักษาคนรักของแกให้หายกลับมาเป็นปกติให้ได้...
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
4Pเหล่ามาเฟียทั้งสามมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงในการรับเธอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
4Pเหล่ามาเฟียทั้งสามมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงในการรับเธอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
© 2018-now MeghaBook
บนสุด