ตั้งแต่เกิดมา ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดก็ตอนนี้.. ก่อนหน้าที่ฉันจะมีความสุข ชีวิตคู่ฉันเกือบจะแตกสลาย.. สามีฉันไม่ค่อยยอมร่วมรักกับฉัน... ในที่สุดฉันก็มีชู้.. และพอสามีฉันรู้.. เขาจะหาทางออกยังไง..
ตั้งแต่เกิดมา ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดก็ตอนนี้.. ก่อนหน้าที่ฉันจะมีความสุข ชีวิตคู่ฉันเกือบจะแตกสลาย.. สามีฉันไม่ค่อยยอมร่วมรักกับฉัน... ในที่สุดฉันก็มีชู้.. และพอสามีฉันรู้.. เขาจะหาทางออกยังไง..
ตลอด 34 ปีที่เกิดมา ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดก็ตอนนี้แหละ.. ก็จะไม่ให้สุขได้ยังไง ชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งเรื่องฐานะการเงินและเรื่องคู่ครอง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์... สมบูรณ์จนน่าอิจฉา
แต่ก่อนหน้าที่ฉันจะมีความสุข.. ชีวิตคู่ฉันเกือบจะแตกสลาย.. เนื่องจากฉันเป็นผู้หญิงที่ชอบเรื่องเซ็กส์มาก มีความต้องการทุกวัน
แต่สามีฉันน่ะสิ วันๆเอาแต่ทำงาน ไม่ค่อยยอมร่วมรักกับฉันเลย จนฉันต้องหาทางออกในแบบที่ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำกัน
เรื่องราวของฉันถือว่าพิสดารมาก จากคนที่น่าจะตกต่ำ ชีวิตคู่น่าจะล้มเหลว แต่กลับพลิกฟื้นมามีความสุขได้อย่างเหลือเชื่อ ถ้าอยากรู้ฉันจะเล่าให้ฟัง..
ถอยหลังไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันอายุ 32 ปี ส่วนสามีอายุ 36 ถือได้ว่าเป็นวัยเจริญพันธุ์กันเลยทีเดียว เราแต่งกันกันได้ 6 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราร่วมรักกันแทบทุกคืน
บทรักของสามีฉันถือได้ว่าเด็ดพอสมควร ฉันจะมีความสุขทุกครั้งที่มีกิจกรรมทางเพศกับสามี ฉันเสพติดเรื่องเซ็กส์จนรู้สึกว่าขาดเรื่องนี้ไม่ได้เลย
แล้วอยู่ๆสามีฉันก็บ้างาน วันๆทำแต่งาน เริ่มจะไม่ค่อยมีเวลาให้ฉัน ปล่อยให้ฉันอยู่บ้านกับเด็กรับใช้สองคน จนฉันรู้สึกว้าเหว่ และหงอยเหงา
เวลาฉันมีความต้องการทางเพศ ฉันก็ต้องเปิดคลิปโป๊และช่วยตัวเองเพื่อบรรเทาความอยาก แรกๆก็พอช่วยได้บ้าง แต่หลังๆ ฉันเริ่มมีความรู้สึกเบื่อ.. อยากโดนของจริงมากกว่า
อ้อ.. ลืมบอกไป สามีฉันเขาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องออกไปคุมงานเอง ซื้อวัสดุต่างๆเอง เพราะเขาไม่ไว้ใจใคร บางทีก็กลับบ้านดึก บางทีก็ไม่กลับ
ฉันทนอยู่สภาพแบบนี้มา 1 ปีเต็มๆ รู้สึกทรมานใจมาก ช่วยตัวเองจนนิ้วชา สามีก็ยังไม่มาสร้างความสุขให้ฉันเลย เหมือนว่าเขาลืมไปแล้วว่ามีเมียแสนสวยรออยู่ที่บ้าน
ลืมแนะนำตัว.. ฉันชื่อเพ็ญค่ะ รูปร่างสวย หน้าหวาน ผิวขาวเนียน ไม่ได้ชมตัวเองนะคะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เวลาฉันเดินไปไหนมักจะมีผู้ชายชอบมองฉันจนเหลียวหลังเลย
โดยเฉพาะหน้าอกฉัน รู้สึกจะโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะใหญ่และได้รูปโดยไม่ต้องศัลยกรรม ฉันยังไม่มีลูก จึงไม่มีผลกระทบต่อรูปร่างมากนัก
ส่วนสามีฉัน เขาชื่อเจมส์ เป็นผู้ชายรูปร่างบึกบึน สูง 180 ผิวเข้มตามประสาคนใต้ ใบหน้าคม มีหนวดเคราพอสมควร ที่สำคัญ ไอ้นั่นเขาใหญ่ถูกใจฉันมาก ยาวเกือบ 7 นิ้วเลย
ยิ่งตอนที่เราร่วมรักกัน พี่เจมส์จะไม่ยอมเสร็จก่อนฉัน จะเสร็จทีหลังฉันเสมอ น้ำอดน้ำทนพี่เจมส์ดีมาก ฉันสำลักความสุขทุกครั้งที่เราได้ร่วมรักกัน
ตลอด 1 ปีที่พี่เจมส์เริ่มบ้างาน เราร่วมรักกันเฉลี่ยเดือนละครั้งเห็นจะได้ พอพี่เจมส์กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอนเลย บอกว่าต้องตื่นเช้า ไม่ยอมแม้แต่สัมผัสตัวฉัน จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาไปมีผู้หญิงอื่นแน่นอน
ฉันพยายามปลุกเร้าพี่เจมส์ด้วยการนอนกอด และใช้มือรูดแท่งใหญ่ของเขา แต่เขาไม่มีการตอบสนองใดๆ แถมยังพูดให้ฉันเจ็บช้ำน้ำใจอีก
“ผมง่วงมาก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ถ้าเพ็ญอยากมากก็ช่วยตัวเองไปก่อนนะ”
เจอคำนี้เข้าไปฉันถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นอนกระสับกระส่ายไปมา
พอตอนเช้าฉันรีบตื่นมาอาบน้ำ แล้วนอนเปลือยกายข้างพี่เจมส์ หวังว่าเขาจะมีอารมณ์บ้าง.. แต่เปล่าเลย.. เขาไม่มองฉันแม้แต่หางตา ตื่นมาก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกจากบ้านไป
ฉันลุกขึ้นมายืนสำรวจเรือนร่างตัวเองในกระจกเงา ก็เห็นว่ารูปร่างยังสวย ยังไม่มีส่วนไหนบกพร่อง ทำไมพี่เจมส์ถึงไม่สนใจแม้แต่จะมองฉัน คิดแล้วน่าน้อยใจจริงๆ
เมื่อความเบื่อถึงจุดอิ่มตัว ฉันมีความคิดว่าจะออกไปเล่นกีฬา เผื่อจะลดความฟุ้งซ่านลงได้บ้าง ฉันเลือกที่จะโยนโบว์ลิ่ง เพราะไปคนเดียวก็สามารถเล่นได้ และแถวบ้านสถานที่โยนโบว์ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
กระโปรงสั้นกับเสื้อยืดโปโลสีขาว และรองเท้าผ้าใบ เป็นชุดที่ฉันเลือกใส่ ฉันบอกกับเด็กรับใช้ในบ้านว่า
“เดี๋ยวพี่จะไปออกกำลังกายหน่อย เย็นๆจะกลับ ถ้าพี่เจมส์มาเร็วก็หาอาหารให้เค้าทานเลยนะเปลว”
“ค่ะ พี่เพ็ญ”
เด็กรับใช้ที่ชื่อเปลวตอบสั้นๆ แล้วเดินมาเปิดประตูบ้านให้ฉัน
ความจริงเปลวก็เป็นเด็กสาวหน้าตาดี แต่ผิวคล้ำไปหน่อย เพราะเป็นคนใต้ รูปร่างก็ถือว่าใช้ได้ หน้าอกใหญ่พอๆกันฉันเลย
เปลวอายุ 22 เป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย แต่ทำงานเก่ง พี่เจมส์เป็นคนหามา บอกว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านที่อยู่ภาคใต้
ความชื่นชอบในเรื่องเพศของคนไม่เหมือนกัน.. บางคนชอบแบบเรียบง่าย บางคนชอบแบบโลดโผน จึงคิดค้นหาวิธีเพื่อให้ตัวเองมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการ..
หมอทำเสน่ห์ที่เป็นผู้หญิง ทั้งสาวและสวย จะสามารถทำเสน่ห์ได้จริงหรือ.. หรือมีอย่างอื่นแอบแฝง หาคำตอบได้ใน.. หมอเสน่ห์สาวฉาวรัก
หมวยเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ มีผัวแล้ว แต่รายได้ไม่พอใช้ จึงขายขนมหวานหน้าบ้าน เพื่อหารายได้ช่วยผัวอีกทางหนึ่ง.. ความที่หมวยมีรูปร่างหน้าตายั่วยวน และชอบแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสา ทำให้มีลูกค้าผู้ชายแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย.. และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น.. นายหมวยได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต.. สำคัญที่สุดคือ..ผัวที่ไม่ค่อยทำการบ้าน กลับมาลุ่มหลงเธออย่างโงหัวไม่ขึ้น..
เมียเพื่อนที่สนิทกันมาก บ้านอยู่ใกล้กัน เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ความใกล้ชิด สนิทสนม และเป็นกันเอง อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้
อาจารย์เรืองได้เปิดสำนักหมอเสน่ห์ และตั้งตนเป็นหมอเสน่ห์... ผู้ที่มาหามักจะโดนเล่ห์เหลี่ยมอันแยบยลของหมอเสน่ห์หลอกละเมิดทางเพศเกือบทั้งสิ้น... เรื่องจะได้ผลหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคน
ฉันได้มีโอกาสเล่นเกมสวิงอีกครั้งหนึ่ง... ยอมรับเลยว่าครั้งนี้สนุกกว่าทุกครั้ง... เพราะรอบนี้พี่วิทย์คนคิดเกม... และที่สำคัญ มีสามีภรรยาชาวต่างชาติคู่ใหม่มาร่วมด้วย... โดยเฉพาะสามีของคู่ใหม่ เพียงแค่เห็นครั้งแรกฉันก็แอบหลงใหลจนสุดหัวใจ...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY