หลังจากโดนสามีนอกใจราตรีก็ถูกเพื่อนพาไปลงเสน่ห์กับลัทธิที่บูชาเรื่องเพศ กว่าจะรู้ตัวว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดเธอก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น กลายเป็นว่าเธอต้องหลับนอนกับชายอื่นโดยที่สามีไม่เคยรู้เลย
หลังจากโดนสามีนอกใจราตรีก็ถูกเพื่อนพาไปลงเสน่ห์กับลัทธิที่บูชาเรื่องเพศ กว่าจะรู้ตัวว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดเธอก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น กลายเป็นว่าเธอต้องหลับนอนกับชายอื่นโดยที่สามีไม่เคยรู้เลย
ลัทธิวิปริต
ตอน ลงเสน่ห์
ภายในบ้านหรูของมหาเศรษฐีนักธุรกิจส่งออกธัญพืช
ฮือ! ๆ ๆ
เสียงหญิงสาววัยยี่สิบปลายกำลังร้องไห้กระซิกๆด้วยหัวใจที่พังทลายและอ่อนล้า
ร่างอิ่มสวยทรุดลงนั่งพับเพียบกับพื้นห้องโถงอันหรูหรา สองแขนเล็กเรียวกอดรูปแต่งงานของเธอกับสามีไว้แนบอก
น้ำตาไหลพาดแก้มนูนนิ่มเป็นทางยาวทั้งสองข้างก่อนจะหยดลงบนหน้าขาที่เนียนขาวและอิ่มอวบซ่อนรูป
ทำไม ทำไมเค้าถึงนอกใจฉันทั้งๆที่บอกว่ามีฉันคนเดียว!
เสียงความคิดแว่วดังในหัวคุณนายราตรี เมียรักวัยสาวสะพรั่งของนายราเมศวร
ติ๊ง! ๆ ๆ ๆ เสียงข้อความในมือถือบนโต๊ะรับแขกดังระรัว ปรากฏข้อความจากเพื่อนในกลุ่มแม่บ้านสาวไฮโซที่ต่างก็เป็นภรรยานักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ
นุ้ย: อย่าอยู่คนเดียวนะ! เดี๋ยวฉันไปหา
พี่หญิง: ของเล่นชั่วคราว ประเดี๋ยวเค้าเบื่อก็กลับมาหาเรา พวกเรานี่แหละตัวจริง
ร่างบางที่แอบซ่อนรูปค่อยๆพยุงตัวเองลุกยืนก่อนจะเดินโซเซมายังโต๊ะ พอหยิบมือถือขึ้นมาอ่านก็ปรากฏข้อความจากสามีรักเด้งขึ้นมาต่อ
ถ้าเรื่องแค่นี้อภัยไม่ได้ก็เลิกๆกันไปเลย
โพล๊ะ! มือน้อยที่สั่นเทาทำให้สมาร์ทโฟนราคาแพงตกลงพื้นแตกกระจุย เศษหน้าจอกลายเป็นเศษแก้วที่ทอแสงไฟบนเพดานระยิบระยับ
ฮือ! ๆ ๆ ร่างขาวโพลนในชุดเดรสลายดอกไม้ทรุดลงมานั่งกอดเข่า น้ำตาไหลหลากออกมาอีกชุดใหญ่
รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีเศษแก้วยัดแน่นอยู่ในอก ภาพสามีจูงมือนักศึกษาสาวเดินเข้าโรงแรมยังแจ่มชัดเหมือนเช่นวันวาน
คำสอนของแม่ที่บอกว่าผู้ชายรวยจะเห็นเราเป็นเพียงแค่สิ่งของกังวาลก้องอยู่เต็มหัว สะอึกสะอื้นจนไม่รู้นานเท่าใด
แป๊น! ๆ เสียงแตรรถโรสรอยดังอยู่หน้าบ้าน มันเรียกสติของราตรีกลับมา เธอรีบจัดเผ้าผมให้เข้าที่และย่างเดินมาเปิดประตูบ้านหรู ทว่าใบหน้ายังเลอะคราบน้ำตาที่แห้งกรัง
"เลิกร้องได้แล้วยัยราตรี" เสียงนุ้ย เพื่อนสาวคนสนิทที่เพิ่งลงจากรถฝั่งคนขับ เธอสวยและสูงยาวราวกับนางแบบ
แก๊ก! ๆ ๆ เสียงรองเท้าส้นสูงของสาวอีกนางนึงเดินย่างกรายมายืนหน้าเรือนร่างที่เล็กบางกว่า พร้อมรอยยิ้มและมือที่ยกขึ้นลูบหัวราตรีอย่างอบอุ่น
"เรื่องนี้มันแก้ได้พี่จะพาไปหาอาจารย์เอง" พี่หญิง
"ทำไมต้องไปหาอาจารย์คะ" หญิงสาวอ่อนวัยกล่าวด้วยดวงตากลมแป๋วที่แดงก่ำ
"พวกเราจะพาแกไปลงเสน่ห์ไง รับรองสามีกลับมาหลงแกจนไม่ออกจากบ้านแน่" นุ้ยรีบตอบ
"ฮริ! ๆ" พี่หญิงหัวเราะและกล่าวต่อ
"รับรองน้องจะชอบ อีกอย่างพี่จ่ายให้เอง" เสียงภรรยาของนักธุรกิจขนส่งกล่าวขณะเสยผมเหน็บหูให้เพื่อนสาวรุ่นน้อง
"แต่ ถ้ามันไม่ได้ผลล่ะคะ" ราตรี
"ไม่ได้ผลก็ไม่เห็นเป็นไร แกไม่ต้องเสียอะไรซักหน่อย" นุ้ย
"ใช่จ๊ะ พี่จะออกค่าใช้จ่ายให้เอง ถ้ามันได้ผลก็เกินคุ้มไม่ใช่เหรอ สามีก็กลับมารักมาหลงน้อง" พี่หญิง
"แต่" ราตรีอ้ำอึ้ง
"น้องจะไม่ให้อภัยราเมศวรหรือ" พี่หญิง
"ปะ เปล่าค่ะ" ราตรี
"โอเคงั้นไปกัน พี่ขับเอง นุ้ยไปนั่งหลังแต่งหน้าให้ราตรีด้วย" สาวใหญ่สั่งแล้วเดินก้าวไปเปิดประตูขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี
ราตรีขึ้นมานั่งเบาะหลังอย่างงงๆ ขณะที่เพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังแต่งหน้าทาปากให้เธอ
นั่งใจลอยได้เพียงชั่วครู่ก็มาถึงตึกหรูที่ตกแต่งสไตล์จีน มองจากข้างนอกแล้วเหมือนดั่งเรือสำเภาขนาดใหญ่
พี่หญิงและนุ้ยพาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด เมื่อมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อบนชั้นนี้ตกแต่งแนวตะวันตก
มีผู้ชายร่างใหญ่ใส่สูทดำยืนคุมประตูไม้บานใหญ่ที่สลักลายไม้กางเขน พอพี่หญิงล้วงนามบัตรมาชูขึ้นชายฉกรรจ์ที่น่ากลัวทั้งสองกลับก้มโค้งคำนับหล่อนและเปิดประตูแง้มออก
แอ๊ดดด!
เดินเข้ามาภายในเห็นแสงไฟสลัวๆ กลางห้องโถงมีบัลลังก์ทองคำตั้งตระหง่านราวกับที่นั่งพระราชากรีก
มีรูปปั้นชายหญิงที่โป๊เปลือยเรียงรายจากประตูไปถึงบัลลังก์กลางห้อง มองไปรอบๆภายในกว้างขวางพอๆกับสนามฟุตบอล
มีการตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้ราวกับป่ามนเทพนิยาย มีราวผ้ากั้นและแขวนบดบังแต่ละส่วนให้เป็นโซนเล็กๆ มีเสียงครางของชายหญิงดังแว่วมาไกลๆชนิดแทบไม่ได้ยิน
แปะ! ๆ ๆ ๆ จู่ๆก็มีเสียงปรบมือดังก้องอยู่หน้าบัลลังก์ทองคำ สามสาวหันขวับมามองก็เจอกับร่างชายสูงวัยที่แต่งชุดสูทสีขาว
"มาแล้วหรือคุณหญิง คุณนุ้ย" หนุ่มใหญ่เอ่ยและกวักมือเรียกสองสาวให้เดินเข้าไปหา
สองสาวจับมือชายสูงวัยที่ดูเหมือนบาทหลวงแล้วก้มจูบหลังมือของเค้าอย่างเคารพจนทำเอาราตรีที่ยืนมองตกใจ
จุ๊บ! ๆ
"วันนี้มีเรื่องอะไร ทำไมสองสาวถึงมาหาพ่อได้" หนุ่มใหญ่เอ่ยและบีบคางงอนสวยของสองสาวก่อนจะเชิ่ดหน้าพวกหล่อนขึ้นมามองตาประสานใจ
ราตรีถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเพื่อนสาวปล่อยให้ชายหนุ่มที่ไม่ใช่สามีคีบคางลูบแก้มอย่างย่ามใจ
"อ้อ อยากให้อาจารย์ช่วยราตรีค่ะ" พี่หญิง
"ผัวเธอนอกใจไปคบเด็กค่ะอาจารย์" นุ้ยรีบเสริม
"หิ! ๆ ๆ เรื่องเเค่นี้เอง มานี่ซิหนู มานั่งบนเก้าอี้นี่มา" อาจารย์หันมาหัวเราะและแสยะยิ้มก่อนจะมองเรือนร่างที่ขาวโพลนซ่อนรูปอยู่ภายใต้ผ้าเดรสสีฟ้าบาง
"รีบมาเร็วๆสิแก" นุ้ยกวักมือเมื่อเห็นราตรีอ้ำอึ้ง
"ไม่ต้องกลัว พวกเราก็เคยทำแล้ว" พี่หญิงพยักหน้าและส่งยิ้ม
"ขึ้นไปนั่งบนนั้นเลย" หนุ่มใหญ่เอ่ยย้ำและหันกลับไปพูดคุยจู๋จี๋กับสองสาว เค้าส่งสายตาเจ้าชู้ใส่พวกหล่อนซึ่งมองยังไงๆก็ไม่มีความน่าเคารพเอาเสียเลย
ราตรีหันหลังให้บัลลังก์สีทองที่สูงสง่าก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นมานั่งอย่างสำรวม สองมือกุมตักและหนีบขาแน่น
"เอาหละ ๆ ขอเวลาแป๊บ" หนุ่มใหญ่เอ่ยกับสองสาวแล้วเดินมายืนหน้าราตรี เค้าคุกเข่าลงกับพื้นและก้มถอดรองเท้าของเธอออกอย่างใจเย็น
"ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์" หญิงสาวรีบก้มดึงรองเท้าตัวเองออก ทว่าไม่ทัน สองมือใหญ่ได้โยนรองเท้าลงพื้นเสียแล้ว
"อื่ม เป็นคนที่งามมาก งามทั้งผิวพรรณ ทรวดทรงและกระดูก" หนุ่มใหญ่เอ่ยขณะกุมสองเท้าเล็กขาวไว้แน่น ตาก้มมองตั้งแต่น่องขาวไล่ขึ้นมายังขาอ่อน
ราตรีเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนชายอื่นกำลังจ้องเข้ามายังชายชุดเดรส ขณะเดียวกันมือที่หยาบโลนของเค้าก็บีบข้อเท้าสองข้างและค่อยๆฉีกขาเธอแยกออก
"อย่าค่ะ" ราตรีร้องห้ามและพยายามหนีบขากลับมาแนบกัน
"ราตรี" นุ้ยตะคอกดัง
"อย่าไปกลัว ปล่อยใจสบายๆ พวกเราดูอยู่" พี่หญิงกล่าวแล้วเดินมายืนข้างๆบัลลังก์ พร้อมทั้งดึงมือราตรีไปจับ
หิ! ๆ หนุ่มใหญ่หัวเราะและบีบข้อเท้าสองข้างฉีกออกในสภาพแดงคามือ ทำให้สองขาที่ขาวโพลนซ่อนรูปถ่างอ้าจนเห็นกางเกงในสีขายภายใต้ชายชุดเดรสสีฟ้าคราม
จู่ๆผู้ชายคนนึงก็เดินดุ่มๆมาจากม่านกั้นด้านข้างห้องโถง ในมือเค้ามีคฑาสั้นและขันน้ำอีกหนึ่งใบ
อาจารย์ปล่อยข้อเท้าสองข้างที่ถูกบีบจนแดงเป็นจ้ำๆก่อนจะหันไปรับไม้คฑาและจับขันน้ำวางลงพื้น
เค้าขมุบขมิบปากและค่อยๆจุ่มคฑากับน้ำในขัน จากนั้นเอาปลายไม้มาแตะที่ขาอ่อนด้านในของราตรี
พรื่ดด! ๆ ไม้แอปเปิ้ลที่เย็นและเปียกชุ่มลูบไล้ขาขาวๆไล่ขึ้นมาจนถึงขาหนีบก่อนจะทิ่มชนกับกลางเป้ากางเกงในที่นูนโหนก
อื้ออ! ราตรีเม้มกัดริมฝีปากตัวเองขณะที่หลับตาปี๋ เสียงครางกระเส่าเล็ดหลุดจากลำคอเบาๆ ขณะที่ไม้คฑาถูไถไปกับความรียาวของร่องสาว
พรื่ดด! ๆ ปลายไม้ที่ทู่โค้งแยงถูขึ้นลงจนเสียวทะลุกางเกงในตัวน้อย สำใสๆไหลเอ่อเลอะเต็มง่ามขาขณะที่รอยแยกของเรือนกายร้อนวูบๆวาบๆ
ใจเต้นดังตูมๆจนกลบเสียงเพื่อนทั้งสองที่กำลังพูดให้กำลังใจอยู่ข้างๆ สองมือจิกมือเพื่อนๆจนเป็นรอยเล็บฝังอุ้งมือพวกหล่อน
ขณะหลับตารู้สึกว่ากางเกงในกำลังโดนดึงร่นลงมาจนเจ็บตูด ฟุ่บ! ฟั่บ!
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าชั้นในตัวจิ๋วหลุดลงมาที่เข่าเสียแล้ว ชายชุดเดรสก็โดนผู้ชายอีกคนถลกขึ้นจนหว่างขาและเนินหน่าวจ่ออยู่ตรงหน้าอาจารย์ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
"พี่หญิง นุ้ย หนูไม่เอาแล้ว" ราตรีเอ่ยเสียงดังทั้งๆที่หน้ายังมองผู้ชายอีกคนที่กำลังถลกชายผ้าของเธออยู่
หิ! ๆ ๆ ชายแปลกหน้าส่งยิ้มและหัวเราะกลับ ขณะเดียวกันอาจารย์ของเค้าก็ลุกขึ้นยืนและก้มหน้าซบกับร่องสาวที่ขาวโบ๊ะแทบไร้เส้นขน
รู้สึกถึงริมฝีปากที่ร้อนแดงตรงเนินหน่าว พร้อมทั้งหนวดเคราสั้นแข็งที่บาดขาอ่อนสองข้าง
แผล๊บ! ๆ ลิ้นสากยาวเลียปาดร่องสวาทจากล่างขึ้นบนสองที
อร๊า! อร๊ายยย! ราตรีกรีดร้องสุดเสียงขณะที่สะบัดแขนออกจากมือเพื่อน ก่อนจะใช้สองมือน้อยๆจิกหัวอาจารย์อย่างลืมเนื้อลืมตัว
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY