"เต!!!นายอยู่ไหนทำไมยังไม่มารับฉันกับลูกอีกห๊ะ อ่อที่แท้กำลังมีความสุขอยู่บนเตียงกับสาวๆของนายจนลืมฉันกับลูกสินะ"
"เต!!!นายอยู่ไหนทำไมยังไม่มารับฉันกับลูกอีกห๊ะ อ่อที่แท้กำลังมีความสุขอยู่บนเตียงกับสาวๆของนายจนลืมฉันกับลูกสินะ"
อลิซ...
"เตนายอยู่ไหนแล้วทำไมยังไม่มารับฉันกับลูกอีกห๊ะ!!!" ฉันตะคอกใส่คนที่ฉันโทรหาเป็นสิบๆสายอย่างโมโหแล้วเขาก็เพิ่งรับสายฉันเมื่อครู่นี้นี่เอง ทั้งที่เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ฉันกับลูกจะกลับไทย อันที่จริงเขาต้องมารอรับฉันกับลูกสิ ไม่ใช่ให้ฉันกับลูกมารอเขาแบบนี้ ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะห้ามลูกไม่ให้บอกเขาให้รู้ก็น่าจะดีเพราะว่าใจจริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากบอกเขาให้เขารู้เลยสักนิดว่าฉันกับลูกจะกลับไทยแต่ลูกน่ะสิดีใจที่จะได้กลับไทยก็เลยโทรไปบอกเขา คือฉันไม่ได้โกรธลูกหรอกนะที่บอกเขาเพราะฉันรู้ว่าแกอยากเจอหน้าพ่อเพราะไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนแล้ว
("เออ กำลังออกไป รอแป๊บ") เสียงกระหืดกระหอบอย่างคนรีบเร่งของคนปลายสายทำให้ฉันเดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้เขายังอยู่ที่ห้อง
("เตจะรีบไปไหนคะ")เสียงหวานๆที่ดังแทรกเข้ามาในสายทำให้ฉันรู้เลยว่าที่เขาลืมมารับฉันกับลูกสาเหตุมาจากอะไร
"อ่อที่แท้นายกำลังมีความสุขอยู่บนเตียงกับสาวๆของนายจนลืมฉันกับลูกสินะหึ ถ้างั้นนายไม่ต้องมาก็ได้อยู่กับผู้หญิงของนายไปก็แล้วกันฉันกับลูกจะกลับกันเอง" หลังจากพูดจบฉันก็กดวางสายทันทีก่อนจะทำการบล็อกเบอร์เขาเพราะฉันรู้ว่าเขาก็โทรกลับมาอย่างแน่นอน ฉันข่มความโกรธพยายามทำใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่านไม่คิดมากไม่เสียใจไม่ให้รู้สึกอะไรกับพ่อของลูกแล้วแต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้จริงๆ
"แม่ค๊าบทำไมปะป๊ายังไม่มารับเราซักที ผมหิวแล้วค๊าบ" น้องติณณ์ลูกชายวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาถามฉันด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าแกหิวขนาดไหน
"แม่ขอโทษนะครับลูก" ขอโทษที่ทำให้ลูกมีพ่อแบบนั้นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่ว่าจะกี่ปีเขาก็เป็นเตวิชคนเลวคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"เดี๋ยวแม่พาไปกินของอร่อยๆนะครับน้องติณณ์อยากกินอะไรสั่งเต็มที่เลยนะครับ^^" ฉันก้มหน้าลงพูดกับลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มสดใสกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเองตอนนี้
"อ่าววแล้วปะป๊าไม่มารับเราแล้วเหรอค๊าบ"
"เอ่อ..ปะป๊าเค้าติดธุระครับมารับเราไม่ทัน"
"ว๊าาา ผมอยากเจอปะป๊า อยากกอดปะป๊า"
"ไว้วันหลังค่อยเจอปะป๊าก็ได้ครับ เราอยู่ที่นี่อีกหลายอาทิตย์ยังไงติณณ์ก็ต้องได้เจอปะป๊าอยู่แล้วครับ^^"
"ค๊าบบบ^^"
หลังจากนั้นฉันก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมที่พักที่ฉันจองไว้ก่อนจะบินมาที่นี่ ทุกคนคงจะส่งสัยเรื่องราวของฉันใช่ไหมคะ ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะคะเพราะเรื่องมันยาวมาก
หลังจากมาถึงโรงแรมฉันก็ฝากกระเป๋าให้พนักงานเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องพักก่อนจะพาลูกไปที่ห้างใกล้ๆโรงแรมเพื่อหาอะไรทานเพราะแกบ่นหิวตลอดทาง
"ติณณ์หนูอยากกินร้านไหนเลือกๆได้เลยนะครับ" ฉันพาลูกมายังชั้นที่มีร้านอาหารหลากหลายร้านเพื่อให้แกได้เลือกทานในสิ่งที่แกอยากทาน
"ร้านนี้ก็ได้ค๊าบ ผมอยากกินผัดไทย" น้องติณณ์ชี้ไปที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่มีรูปผัดไทยในจานมีกุ้งตัวใหญ่วางกลางจาน คือน้องติณณ์เป็นเด็กที่ชอบทานอาหารไทยมากๆพวกขนมปังไส้กรอก พิซซ่าอะไรแบบนี้แกไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ซึ่งแกคงซึมซับมากจากฉันเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยชอบทานเหมือนกันอยู่ที่อังกฤษฉันมักจะทำอาหารทานเองซะเป็นส่วนใหญ่และเมนุที่ฉันทำบ่อยๆก็คือผัดไทย ฉันจำได้ตอนที่ฉันแพ้ท้องน้องติณณ์ฉันกินแต่ผัดไทยแทบจะทุกวัน กินได้ไม่เบื่อเลยจนเตวิชต้องปรามว่าให้ฉันกินอย่างอื่นบ้างเพราะตอนนั้นเป็นเขาที่ต้องขับรถออกไปซื้อให้ฉันกิน พอคิดถึงช่วงเวลานั้นฉันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ฉันมีความสุขมากๆเลยนะที่มีเขาอยู่ใกล้ๆคอยดูแลคอยห่วงใย ซึ่งถ้าเขาดีกับฉันห่วงใยฉันแบบเสมอต้นเสมอปลายก็คงดี
เอาตอนแรกมาฝากจ้าาาาา
"ป้า" "ฉันอายุแก่กว่านายแค่สี่ห้าปีเองนะขอร้องอย่ามาเรียกป้าฉันไม่ชอบ" "เอาน่าเรียกแบบนี้แล่ะน่ารักดี" "น่ารักบ้าน่ารักบออะไรใครมาได้ยินจะหาว่าฉันแก่" "แต่ป้าก็แก่กว่าผมจริงอ่ะ ไม่ต้องอายหรอกผมยังไม่อายเลยที่ม่เดินซื้อของกับป้า" "แล้วใครใช้ให้มาไม่ทราบ" "ไม่มี อยากมาเอง เออนี่...ป้าถามจริงเหอะอายุยี่สิบกว่าแล้วยังไม่มีผัวอีกเหรอ เอ....หรือไม่มีใครเอา" "กรี๊ดดดด ไอ้เด็กปากเสียนิสัยไม่ดี" "อ้าว ผมถามก็มาหาว่าผมปากเสีย รับความจริงไม่ได้เหรอป้า" "ฉันจะมีผัวหรือไม่มีผัวมันก็เรื่องของฉันไหม" "ผมแค่สงสารกลัวของๆ ป้าจะไม่ได้ใช้งาน เอางี้มั้ยผมจะยอมลดตัวมาเป็นผัวคนแรกให้ป้าเองดีมั้ย ป้าจะได้เปิดประสบการณ์ที่จะจำไม่รู้ลืมเลย^_^" "กรี๊ดดดดด" "ป้าอย่ากรี๊ดดังดิเห็นไหมคนหันมามองเต็มเลยผมอายนะป้า เอ๊ะหรือป้าเข้าสู่ช่วงวัยทองแล้ว55555" เรื่องนี้จะออกฮาๆ น่ารักๆ ดราม่าพอกรุบกริบ
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด