ลูกสาวเพื่อนพ่อตามจีบเขาตั้งแต่เด็กยันโต เล็กๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ทำไมยิ่งโตยิ่งน่ารำคาญ พฤติกรรมก้าวร้าวขนาดนี้ใครได้เป็นเมียมีแต่ซวย กับซวย!
ลูกสาวเพื่อนพ่อตามจีบเขาตั้งแต่เด็กยันโต เล็กๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ทำไมยิ่งโตยิ่งน่ารำคาญ พฤติกรรมก้าวร้าวขนาดนี้ใครได้เป็นเมียมีแต่ซวย กับซวย!
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าส้นเข็มดังกระทบพื้นในโถงทางเดิน หญิงสาวในชุดเดรสเซ็กซี่สีดำเดินตรงไปที่ประตูห้องวีไอพี
กึก!
สองเท้าสวยหยุดยืนอยู่หน้าห้องเธอใช้มือผลักประตูบานใหญ่เข้าไปเจอกับชายหนุ่มคนที่เธอตามหานัวเนียกับหญิงสาวหุ่นสวยอยู่ที่โซฟากลางห้อง
"ออกไป!"
หญิงสาวแผดเสียงลั่นยืนกอดอกมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ทว่าชายหนุ่มหันมาสบตากับเธอเพียงนิดแต่ไม่สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาซุกไซร้ลำคอระหงของหญิงสาวหุ่นดีใต้ร่าง
หญิงสาวเดินเข้าไปกระชากตัวชายหนุ่มให้ออกห่างก่อนที่จะฉุดกระชากร่างบางที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยให้ออกห่างจากชายหนุ่ม
เพี้ยะ! มือเรียวฟาดลงที่ใบหน้าสวยของสาวหุ่นดีจนหน้าหัน ก่อนจะยืนจ้องตาเขม็งบ่งบอกว่าเธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
"อ่ะ แก!"
"ฉันสั่งให้ออกไป แกเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับว่าที่คู่หมั้นฉัน!"
"ป้องคะ"
ปกป้องนั่งลงกับโซฟาเขาถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยใจก่อนจะทำมือให้หญิงสาวคนดังกล่าวออกไปนอกห้อง
"เราจะได้เห็นดีกัน"
"ฉันจะรอ"
ทันทีที่หญิงสาวเสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกไปแล้วภายในห้องวีไอพีกว้างขวางเหลือเพียงแค่สองชายหญิงที่จ้องหน้ากันนิ่ง
"กลับไป!"
ชายหนุ่มทำสีหน้าเบื่อหน่ายราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขาเจอมาตลอดอย่างไรอย่างนั้น เด็กสาวน่ารักคนนั้นหายไปไหน ทำไมเหลือเพียงแค่หญิงสาวคนนี้
น่ารำคาญสิ้นดี!
"คุณลุงปราชญ์ให้มัสมาตามพี่ป้องกลับบ้านค่ะ"
"ไม่กลับ จะไปไหนก็ไป"
"ถ้าพี่ป้องไม่กลับ มัสก็ไม่กลับ"
"ม่านมัสลิน!"
สองสายตาประสานกันมั่น เกลียดแสนเกลียด ผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนี้ ปกป้องจ้องมองใบหน้าสวยของคนตรงหน้าแววตาไร้ความรู้สึก เขากำหมัดแน่นก่อนจะเดินเฉียดเธอออกไปโดยไม่รอเธอแม้แต่วินาทีเดียว
ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มซึ่งเคยเป็นพี่ชายคนที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ แต่ม่านมัสลินกลับกลายเป็นคนที่เขาแสนเกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ
หยาดน้ำสีใสไหลคลอหน่วยตา ปลายจมูกของเธอแดงก่ำอย่างยากจะห้ามเอาไว้ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วใช้หลังมือปาดเช็ดรอยน้ำตาก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงมาเปรอะเปื้อนพวงแก้มแล้วเดินตามชายหนุ่มผู้เป็นดั่งดวงใจของเธอออกไป
"พี่ป้อง รอมัสด้วยค่ะ"
เธอก้าวขาฉับๆ ตามเขาออกมา เมื่อถึงหน้าทางเข้าคลับเธอก็มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเจอปกป้อง ไม่มี แม้แต่เงา ...
หัวใจดวงน้อยกระตุกร่วง เธอไม่เจอเขา ไม่เจอแม้แต่เงา เป็นแบบนี้อีกแล้ว เขาทิ้งเธอแบบนี้อีกแล้ว สองมือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้าสวย
ทนไม่ไหวแล้ว ...
เขาทำแบบนี้กับเธอบ่อยเกินไปแล้ว ...
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาก็รักเธอดีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม ...
"อกหักเหรอ น้อง"
เสียงทุ้มนุ่มพูดแทรกขึ้นทำให้ม่านมัสลินต้องลดมือลงแล้วเชิดหน้าขึ้นแม้จะใช้หลังมือปาดน้ำตาไปแล้วก็ตาม
" ... "
"พี่ไปส่งไหม"
ม่านมัสลินเดินหนีออกไปทันที เธอรีบก้าวขาไปที่รถมินิคูเปอร์สีดำของตัวเอง แต่ยังไม่ทันถึงรถก็ถูกชายหนุ่มคนเดิมคว้าแขนเรียวเอาไว้
หมับ!
"หยิ่งซะด้วย จะรีบไปไหน"
"ปล่อยฉัน!"
"สวยขนาดนี้พี่ปล่อยก็โง่แล้วน้อง ไปกับพี่ดีกว่า"
ชายแปลกหน้าใช้สายตามองสำรวจเรือนร่างสวยของม่านมัสลินเขาพยายามฉุดกระชากลากหญิงสาวไปด้านหลังโรงจอดรถ ม่านมัสลินน้ำตาคลอ เธอกลัว กลัวเหลือเกิน เธอพยายามดิ้น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
"ช่วยด้วย! พี่ป้อง อึก ... พี่ป้อง ช่วยมัสด้วย"
"อย่าโวยวาย ไม่งั้นเธอเจ็บหนักกว่านี้แน่"
"ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วย พี่ปะ ...!"
มือหนาปิดปากรูปกระจับของเธอ หญิงสาวน้ำตาไหลพราก กลิ่นมือของชายคนนี้ช่างเหม็นกลิ่นบุหรี่ เธอพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ดีดดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด
"อือออออ!"
เธอพยายามดีดดิ้นจนสุดความสามารถ ร่างกายเธอไร้เรี่ยวแรงแม้จะต่อสู้ขัดขืนคนตรงหน้า ดวงตากลมโตประดับไปด้วยแพขนตาเรียงตัวสวยค่อยๆ ปิดลง หยาดน้ำตาไหลกลิ้งลงจนเปียกแฉะมือหนาหยาบกร้านที่ปิดปากเธอเอาไว้
ตุบ!
ผลัวะ!
พลั่ก!
ปัก ปัก ปัก ปัก!
"ออกไป!"
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
เสียงรองเท้าหนาของชายแปลกหน้าวิ่งหนีอุตลุด มือหนาของชายที่มาใหม่จับร่างบอบบางของเธอขึ้นแนบอกเดินหายลับไป
- บ้านวัฒนะกุล -
"น้องละตาป้อง"
"คุณพ่อให้มัสไปตามผมมามีอะไรรึเปล่าครับ"
"พ่อถามว่าน้องละ"
ปกปราชญ์ พร้อมด้วยสร้อยม่วงภรรยาที่รอลูกชายกับหลานสาวของตัวเองกลับมา แต่ทว่าเมื่อประตูบ้านเปิดกลับมีเพียงแค่ปกป้องคนเดียวเท่านั้น
"ไม่รู้ครับ"
"นี่แกทิ้งน้องเหรอตาป้อง!"
"หลานสาวพ่อเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว พ่อจะเอาอะไรกับผมอีก!"
ปกป้องจ้องตาปกปราชญ์ผู้เป็นพ่อตาเขม็งก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังเดินขึ้นห้องพักฝั่งขวาของตัวเอง
"คุณคะ"
"หยุดเถอะคุณสร้อย ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น"
"ก็ถ้าแม่มัสไม่ตามติดตาป้องขนาดนั้น ก็คงไม่เป็นแบบนี้ แล้วไหนจะยังเรื่องของหนูเบญที่แม่นั่นไปก่อเรื่องไว้อีก"
สร้อยม่วงจีบปากจีบคอพูด สายตาของเธอบ่งบอกว่าแสนเกลียดชังว่าที่สะใภ้คนนี้เสียนี่ หากพ่อของเธอไม่มีบุญคุณ หากพ่อของเธอไม่ใช่เพื่อนรักที่ตายแทนกันได้กับปกปราชญ์เธอก็คงไม่ยอมรับเรื่องนี้แน่
ปกป้องทิ้งตัวลงบนที่นอนของตัวเอง นี่เขากลับบ้านมาร่วมชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงรถคันเล็กของม่านมัสลินขับตามเข้ามาติดๆ เหมือนอย่างเคย มือหนาเลื่อนดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองกดเข้าไปที่แอปพลิเคชันของม่านมัสลินแต่ก็ไม่พบการเคลื่อนไหวอื่นใด
เขาทิ้งโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงแล้วไปยืนอยู่ตรงขอบหน้าต่างที่สามารถมองออกไปยังตำแหน่งหน้าบ้านได้ แต่ก็ไร้วี่แววรถคันเล็กที่เคยขับเข้ามาติดๆ อย่างที่ควรจะเป็น
หายไปซะได้ก็ดี ...
อย่าอยู่ขวางหูขวางตาเขานักเลย
ปกป้องยกมุมปากอย่างเหยียดลึกเขาเดินไปอาบน้ำอาบท่า จนร่างกายสะอาด ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาแขวนผนังบ่งบอกเวลาตีสองกว่าแล้ว
หายไปไหนวะ สองชั่วโมงแล้วนะเนี่ย ...
ปกป้องเดินไปที่ขอบหน้าต่างอีกครั้งเขากวาดสายตาไปที่โรงจอดรถ ที่จอดรถประจำของเธอยังว่างเปล่า ชายหนุ่มรู้สึกใจหวิวๆ เขาหันไปมองที่ประตูรั้วก็ไร้วี่แววหญิงสาวที่จะกลับมาเลย
ก็ดี ถ้าจะหายไปแบบนี้ ก็ขอให้หายไปให้ตลอดก็แล้วกัน!
แฟนเก่า (เคย) ร้าย จะกลับมาง้อขอเธอคืนดี เขาจะขนกลเม็ดเท่าที่คิดได้มาตามตื้อ มารื้อความทรงจำ (ที่ดีๆ) ของเขากับเธอ จะมาทวงเธอคืน และจะมารักษาแผลใจของเธอที่เขาเป็นคนทำไว้ให้หายขาด อย่าคิดหนี เพราะเธอหนีเขาไม่พ้นหรอก ไม่ว่าจะหนีไปไหนครั้งนี้เขาก็จะตามติดเป็นเงาจนเธอต้องยอมคืนดีกับเขาจนได้อย่างแน่นอน
เขาเห็นเธอเป็นเพียงของตายไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน กลับมาทีไรก็ยังคงเจอเธอเสมอ เมื่อแรกรักอะไรก็ดี แต่ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ มันเพราะเขาหมดรักเธอแล้วหรือเพราะเธอเป็นเพียงของที่เขาจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ เธอเจ็บซ้ำๆ มากขนาดนี้ เธอโง่และไม่เห็นคุณค่าของตัวเองมากขนาดนี้ ควรจะพอได้แล้วใช่ไหม เธอเจ็บพอหรือยัง? เธอยังควรให้โอกาสเขาอยู่ไหม?
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY