พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
เพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตของเฮเซล อ็อกเดนเปลี่ยนไปตลอดกาล หล่อนต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพราะดวงตาคู่สวยของเธอเกิดมองไม่เห็น ผิวพรรณที่เคยสวยงามมีร่องรอยแผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้
โชคดีที่ครอบครัวเธอค่อนข้างมีฐานะและมีอิทธิพลในเมือง เมื่อต้องออกจากมหาวิทยาลัยหรือไม่ได้เรียนต่อชีวิตเจ้าหล่อนก็ไม่ลำบากนัก เพราะมีครอบครัวคอยซัพพอร์ตอย่างเต็มที่ โชคดีอีกอย่างหนึ่งคือแผลเป็นน่าเกลียดนั่นไม่ได้ส่งกระทบใบหน้าสวยงามของเธอแม้แต่น้อย เธอยังคงเป็นเด็กสาวแสนงดงามเหมือนเช่นเคย
และด้วยที่เป็นคนคิดบวกเลยมองโลกในแง่ดีทำให้หล่อนไม่ใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตามากนัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเฮเซลยังมีครอบครัว มีคุณตา ที่รักและเอาใจใส่เธอ
ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ ก็เพราะวันนั้นเธอใจดีเกินไป วิ่งโร่เข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งออกจากกองเพลิง ความร้อนจากเปลวไฟในอุบัติเหตุ ทำให้ดวงตาของหล่อนมีปัญหามาตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มแสนอารมณ์ดีคนนี้ ไม่นึกเสียใจที่ได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนนั้นเอาไว้
แม้จะล่วงเลยมาแล้วราว 3 ปี เฮเซล อ็อกเดนก็ไม่เคยลืมวันนั้นเลยสักครั้ง
หญิงสาววัย 20 ปี เดินเตร็ดเตร่อยู่ในย่านเมืองเก่า คนตัวเล็กมักจะมาเดินเล่นแถวนี้เพราะร้านสินค้ามือสองพวกนี้มักจะมีของเก่าหายากให้เธอได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปตั้งไว้ในห้องสะสมผลงาน เพราะเป็นนักเรียนสายศิลปะ ทำให้เฮเซลชอบงานอาร์ตพวกนี้เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งเก่าเก็บเธอยิ่งชอบ
ไม่แน่ในสักวันหนึ่งเธออาจเจอผลงานหายากปะปนอยู่ในของพวกนี้ก็ได้
เดินเล่นจนกระทั่งแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป พระอาทิตย์ของเมืองนี้กว่าจะตกดินก็เกือบสามทุ่ม ผู้คนในเมืองนี้มักจะออกมาใช้ชีวิตกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน
และหลังจากนั้นเมืองทั้งเมืองก็จะเข้าสู่ความเงียบสงบ
ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ แต่คดีอาชญากรรมก็น้อยมาก เฮเซลใช้ชีวิตที่นี่ยามค่ำคืนได้อย่างสบายใจ เธอเคยผ่านการถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นมาหลายฉบับ รูปร่างของเฮเซลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นอกจากสายงานศิลปะแล้วคนตัวเล็กยังรักงานในวงการบันเทิงด้วยเช่นกัน
เอี๊ยด!! เสียงเบรกรถยนต์ลากยาวดังลั่น ตามมาด้วยเสียงโครมครั้งใหญ่ รถแอสตั้นมาติลสีเงินพลิกคว่ำหลายตลบ เกิดระเบิดเบา ๆ ขึ้นหนึ่งครั้ง
แย่แล้ว!!
ไม่มีเวลาให้หญิงสาวตกใจไปมากกว่านี้ เธอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือวิ่งเข้าไปสำรวจดูอุบัติเหตุตรงนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่สวยของเฮเซลเพ่งมองว่ามีใครบ้างอยู่ในรถคันบ้างและพยายามหาสัญญาณของการมีชีวิต
“คุณ” คนตัวเล็กเคาะกระจกเรียก เธอเห็นผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนรถ ทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเลือด
เฮเซลพยายามมองรอบด้าน ที่นี่แทบจะเป็นสุดถนนของเมืองนี้แล้ว ไม่มีผู้คน และไม่มีใครออกมาดูหรือตกใจกับอุบัติเหตุครั้งนี้
เธอพยายามเรียกเขาอีกครั้ง “คุณ คุณ” ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเธอ
จู่ ๆ หน้ารถก็ถูกไฟลุกท่วม ไม่มีเวลาเรียกหาใครทั้งสิ้นหากเธอปล่อยเอาไว้ เขาอาจจะเสียชีวิตคากองเพลิง ก้อนหินแถวนั้นถูกใช้เป็นตัวทำลายกระจก เมื่อกระจกแตกมือของเฮเซลก็กวาดกระจกตรงขอบให้เรียบที่สุด คนตัวเล็กพยายามเอื้อมมือไปปลดล็อกกลอนเปิดประตู แต่มันเปิดไม่ออก
เฮเซลหายใจหอบเหนื่อย พยายามมุดตัวเข้าไปช่วยเหลือผู้ชายคนนั้น ซ้ำยังเรียกเขาให้ตื่นขึ้นเผื่อว่าเขาจะประคองตัวเองออกมาได้
“คุณ”
เขาส่งเสียงร้องเบา ๆ เฮเซลปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างอยากลำบาก ความร้อนภายในตัวรถเพิ่มมากขึ้น เธอไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบช่วยเขาออกไปให้เร็วที่สุด
เคลก เมคเคนซี ได้ยินเสียงใส ๆ เรียกสติเขา ชายหนุ่มพยายามลืมตาและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพยายามลากร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกมาจากตัวรถ ใบหน้าของเธอเลือนราง เคลกจำได้แค่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้น เธอเรียกเขาเสียงดัง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ แต่เพราะหมดแรงจะตอบ
พวกมันตัดสายเบรกรถยนต์ของเขา เป็นเพราะชะล่าใจเกินไปและคิดว่ายังไงก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขา ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้
คนตัวใหญ่ปล่อยตัวตามสบาย เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแต่พยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ หากเขารอดไปได้จะต้องตอบแทนผู้หญิงคนนี้อย่าถึงที่สุด
แม้เราทั้งคู่เป็นเพียงคนที่ผ่านมาเจอกันบนถนนเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
“คุณ” เธอเรียกเขาอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้เสียเลือดมากไปแล้ว เฮเซลใช่แรงทั้งหมดที่มีลากเขาออกจากตัวรถอย่างยากลำบาก ผู้ชายตัวสูงคนนี้หลุดออกจากรถแล้ว
“โทรศัพท์” ชายแปลกหน้าพูดถึงโทรศัพท์ “ไปเอาโทรศัพท์ให้หน่อยมันสำคัญกับผมมาก ๆ” เขารวบรวมแรงครั้งสุดท้ายบอกกับเธอ ในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่เคลกเสียไปไม่ได้ มันสำคัญสำหรับธุรกิจเขา
เธอลากเขาออกไปนอนบนถนนลังเลว่าจะกลับไปที่รถดีหรือไม่ ไฟเริ่มโหมแรงขึ้น ในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมทำตามคำขอ
“ไม่น่าเป็นคนดีเลยเฮเซล” เธอสบถ และวิ่งกลับไปที่รถ ความร้อนภายในรถน่าจะเกินร้อยองศา ตัวรถร้อนจนเธอสัมผัสแทบไม่ได้
ดวงตาสีฟ้าสวยงามมองไปรอบตัวรถ ในที่สุดเธอก็เจอโทรศัพท์นั่น มันหล่นอยู่ตรงเกียร์รถ หญิงสาวมุดเข้าไปหยิบ
ครั้งนี้มันร้อนรุนแรงจนเธอต้องหลับตา ดูเหมือนว่าสายตาเธอจะพร่ามัวไปชั่วขณะ เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดจึงรีบออกมา แต่ก้าวได้เพียงสามก้าว
รถคันนั้นก็ระเบิดแรงระเบิดทำให้ร่างบอบบางของเฮเซลกระเด็นห่างออกไปหลายเมตร เปลวเพลิงเผาไหม้แผ่นหลังของเธอ เฮเซลหมดสติทันทีแต่ในมือยังกำโทรศัพท์เครื่องสำคัญเอาไว้แน่น
เคลกลืมตาขึ้นเพราะเสียงระเบิด เขาเห็นร่างบอบบางกระเด็นออกไปจากรัศมีของรถ ความรู้สึกผิดแผ่ซ่านไปทั้งใจ เขาไม่ควรให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งเรื่องของเขาเลย
เป็นเขาที่เอาแต่ใจ เคลกพยายามคลานไปหาเธอที่นอนหมดสติ แต่ก็ไปไม่ถึง...
เพราะคืนนี้ทำให้ด้ายแดงเริ่มทำงานผูกพันธ์หัวใจของทุกคนไว้ด้วยกัน มาดูกันสิะว่าพวกเขาจะแก้เรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ได้หรือไม่ นัทธนิษฐ์ นักธุรกิจสาวชาวไทยวัย 30 ปี ที่กำลังสร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้ติดตลาดเอเชีย กลับต้องกลายเป็นคู่นอนข้ามคืนของซู่เหลียงฉีนักธุรกิจคู่แข่งคนสำคัญของเธอ กลายเป็นว่าพอรู้ตัวอีกที เธอก็ลืมคืนนั้นไม่ได้ ส่วนเขาล่ะยังจำคืนนั้นได้หรือเปล่า
เพราะความแค้นและจมไม่ลงของณิชา ทำให้เธอต้องลงสนามเข้าสู่วังวนของความสัมพันธ์ต้องห้ามของเธอกับพ่อของอดีตแฟน ครั้งแรกของเธอถูกมอบให้กับชยนต์เพื่อแลกกับการได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ "มาเถอะฉันจะสอนเธอเอง" เธอต้องการทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ณิชาตัดสินใจยอมเดินเข้าไปหาพ่อของผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยอมทำข้อตกลงกับเขาใช่ไหม และเธอก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่ลังเล
คุณหนูเสิ่นใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแสนร้ายกาจอยู่ดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในการ์ตูนที่เปิดอ่านผ่าน ๆ ซะอย่างนั้น (อ่านฟรีวันละ 1 ตอนจนกว่าจะจบ)
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY