พรหมลิขิตมักเล่นตลกกับชีวิตของเราเสมอ แต่เมื่อมันมาแล้วจะรับมันไว้ หรือ จะผลักมันออกไป 'เชื่อเรื่องพรหมลิขิตกันไม่ล่ะ?'
พรหมลิขิตมักเล่นตลกกับชีวิตของเราเสมอ แต่เมื่อมันมาแล้วจะรับมันไว้ หรือ จะผลักมันออกไป 'เชื่อเรื่องพรหมลิขิตกันไม่ล่ะ?'
<<ริว>>
“ลูกพ่อ พ่อว่าเจ้าต้องพักบ้างได้แล้วนะ”
เสียงของผู้ปกครองเผ่าปีศาจเอ่ยถามในระหว่างทานอาหารเช้า ซึ่งมันนับครั้งได้ที่สองพ่อลูกจะมีเวลาให้แก่กันอย่างเช่นวันนี้
“แต่ลูกว่าสถานะการณ์ตอนนี้ยังน่าเป็นห่วง”
“พ่อคิดว่าเจ้าอยู่กับการจัดการเผ่าอื่นมากเกินไปแล้ว ทางนี้พ่อยังอยู่ดูแลได้”
ข้าได้แต่เงียบ ไม่ได้ตอบอะไร จะให้พูดอะไรล่ะ ก็ตั้งแต่ห้าร้อยปีได้มั้ง ซึ่งข้าต้องจัดการกับเผ่าพันธุ์อื่นอยู่เกือบจะตลอดเวลา จนมาตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ แต่ก็ยังมีบางเผ่าที่ไม่ยอมจำนน
“พ่อว่าตอนนี้อายุของเจ้าก็ควรจะมีคู่ครองได้แล้วนะ”
“แต่ว่า…”
“พ่อรู้ว่าเจ้ายังหาคนถูกใจยังไม่เจอ นี่ไงพ่อถึงให้ลูกอยากออกไปเปิดหูเปิดตา ถ้าคนในเผ่าไม่ถูกใจ เจ้าก็ดูคนในเผ่าอื่นก็ได้”
ท่านพ่อพูดออกมาง่าย ๆ การหาคู่ครองถ้าหาได้ตามข้างทางได้ ข้าคงมีเป็นร้อยแล้ว ว่าแต่ทำไมพ่อถึงพูดเรื่องนี้ในเวลานี้กันนะ ราวกับว่าความคิดของลูกชายส่งไปถึงผู้เป็นพ่อ
“เผ่าพันธุ์ของเราถึงจะอายุยืนมาก แต่พวกเราก็ไม่ได้เป็นอมตะ”
อันนี้ข้าก็รู้ แต่ทำไมต้องเป็นเวลานี้ หรือว่า…ท่านพ่อต้องการมากกว่าลูกสะใภ้ ข้ามองหน้าท่านอยู่ครู่หนึ่ง และคิดถึงเรื่องราวของท่านแม่ขึ้นมาได้
“ท่านพ่อเหตุใดท่านแม่ข้าถึงเป็นมนุษย์ล่ะ”
มันเป็นสิ่งที่ข้าสงสัยมานาน เพราะเผ่าพันธุ์อื่นที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มีตั้งมากมาย แต่ทำไมท่านพ่อถึงเลือกท่านแม่ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนที่สุด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วเจ้าคิดว่า เพราะเหตุใดล่ะ”
“คงเพราะ…ท่านแม่สวย อ่อนหวาน กล้าหาญ และเก่ง”
ผู้ปกครองเผ่าปีศาจมองหน้าลูกชายนึกตามคำตอบที่ได้ฟังลูกพูดถึงภรรยาซึ่งได้ล่วงลับไปแล้ว เขายิ้มออกมาทุกครั้งที่นึกถึงนาง แต่เรื่องที่ริวพูดมานั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย
“ที่เจ้าพูดมามันเป็นผลพลอยได้ ที่จริงมันเพราะพรหมลิขิตต่างหาก”
ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพ่อพูดเลย พรหมลิขิตเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อมันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ ข้าเชื่อแค่การกระทำเท่านั้น ผู้เป็นพ่อเอื้อมมือไปจับที่บ่าลูกชาย
“เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่เมื่อไรที่เจ้าเจอกับมัน เจ้าจะเชื่อมันเอง”
ข้าได้แต่พยักหน้า แล้วจะให้ไปหาลูกสะใภ้ให้พ่ออย่างไง จะคนในเผ่านี้ หรือ เผ่าอื่น ข้าก็ไม่เห็นจะมีใครถูกใจเลยสักนิด
หลังจบมื้ออาหารกับท่านพ่อ ข้าก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดินไม่ได้ออกไปพักตามที่ท่านพ่อต้องการ จนเมื่ออลันนำของหวานหน้าตาประหลาดเข้ามาให้
“นี่อะไร”
“ท่านริว ข้ารู้ว่าท่านชอบของหวาน ข้าขอนำเสนอเจ้าสิ่งนี้”
ข้าลังเลกับของหวานที่อลันเอามา หน้าตามันดูแปลกสำหรับที่แห่งนี้ รูปร่างของมันเป็นก้อนสามเหลี่ยม มีเนื้อฟู มีครีมหลายสีสัน และผลไม้ ข้ามองหน้าอลัน จนเขาต้องตักมันมายื่นตรงปากของข้า
“กินสิท่าน รับรองว่าท่านต้องชอบ”
ในเมื่ออลันพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ข้าก็ต้องลอง ในโลกนี้ไม่มีของหวานอันไหนที่ข้าไม่ชอบ มันเข้ามันในปากของข้ารสชาติหอม หวาน และรสเปรี้ยวจากผลไม้นั้นทำให้ข้าต้องดึงเจ้าสิ่งนั้นจากมืออลันมาตักกินอย่างอร่อย
“เจ้านี้มันคือสิ่งใด”
“พวกมนุษย์เรียกว่า ‘เค้ก’ ท่านจะรับมันเพิ่มไหม?”
“เอามาอีก ไม่ดีกว่าพาข้าไปยังร้านที่ขายเจ้านี่”
โลกของมนุษย์จะแบ่งแยกจากเผ่าพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน จนมนุษย์ส่วนมากไม่รู้เลยว่าในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เผ่ามนุษย์ ข้าซึ่งไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก แต่เมื่อไรที่มาก็ตื่นตาตื่นใจกับการเป็นอยู่ของมนุษย์มาก มันสงบไร้ซึ่งการต่อสู้ใด ๆ และยังมีรถราสัญจรเต็มท้องถนน
“ท่านริว ข้าคิดว่าในเมื่อเรามายังเมืองของมนุษย์เราก็ต้องทำตัวเช่นเดียวกับพวกมนุษย์”
ข้าเองก็เห็นด้วย ในเมื่อเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม อลันจึงพาข้าไปที่ร้านแห่งหนึ่ง ภายในมีของที่พวกมนุษย์ใช้กัน แต่ที่น่าแปลกเจ้าของร้านกับไม่ใช่มนุษย์กลิ่นของนางดูเหมือนว่าเป็นแม่มด ทำเอาข้าแปลกใจ
อลันอธิบายไขข้อข้องใจข้าว่าร้านนี้เป็นร้านของแม่มดซึ่งจะขายของให้พวกเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่ต้องการเข้าเมืองมนุษย์ หรือ อยากอยู่ที่นี่เพื่อให้กลมกลืน
“ท่านริวร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง ท่านไปรอข้าที่นั่นเดี๋ยวข้าขอไปแลกเงินก่อน”
จุดหมายของข้าอยู่แค่เบื้องหน้า ถนนตอนนี้ก็ไม่ได้มีรถเยอะเยี่ยงที่มาตอนแรก ข้าก้าวเท้ายังไม่ทันถึงพื้นก็สัมผัสกับแรงกระชากจนตัวของข้าล้มลงไปทับกับหญิงสาว…ไม่สิเด็กสาวมากกว่า ไม่นานก็มีรถคันหนึ่งวิ่งผ่านด้วยความเร็ว
“นี่…นายอยากตายหรือไง”
กลิ่นหอมจากตัวของเธอ มันทำให้ข้าอยากจะฝังเขี้ยวลงที่คอของเธอเสียจริง กลิ่นนี้ข้าไม่เคยได้จากที่ไหน มันชั่งหอมราวกับมันเป็นกลิ่นของขนมหวาน
เธอว่าจบก็ดันตัวข้าให้ลุกออกจากตัวของเธอ ข้าถึงได้เห็นหน้าของเธออย่างชัดเจน ใบหน้าได้รูปทุกองค์ประกอบบนนั้นช่างงดงามไร้ที่ติ แต่เธอเอาแต่ปัดฝุ่นตามตัวออกจนไม่มองหน้าข้าเลยแม้แต่น้อย
“เจ้า…ไม่สิ เธอเป็นอะไรมากไหม?”
“ไม่เห็นหรือไง?”
ว่าจบเธอก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วเหมือนตกใจอะไรบางอย่างแล้วร้องลั่นออกมา
“เป็นอะไร”
“สาย…สายแล้ว”
เธอพูดละล่ำละลักแล้ววิ่งไปโดยไม่สนใจข้าอีก อลันซึ่งมาเห็นเข้าพอดี เขามองข้าอย่างสงสัยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนข้าเองก็ได้แต่มองตามหลังของเธอไป กลิ่นหอมจากตัวเธอยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของข้า
“อลัน เจ้าได้กลิ่นหอมจากตัวนางหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ข้าว่าท่านต้องหิวเป็นแน่”
“ข้าไม่ได้หิว แต่ได้กลิ่นจากตัวนางจริง ๆ”
ข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดกลิ่นของเด็กสาวผู้นั้นถึงได้หอมกว่าของหวานซึ่งข้าอยากกินมากเสียกว่าตอนนี้ จนอลันกระแอมเรียกสติข้า
“ข้าว่านางอาจจะเป็นเนื้อคู่ของท่านก็ได้”
“เหตุใดเจ้าถึงคิดเยี่ยงนั้นล่ะ”
อลันนิ่งไปราวกับกำลังจะบอกเรื่องสำคัญมากถึงมากที่สุด ข้าลุ้นมากว่าเขาจะพูดว่าอะไร เอาจริงข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย แม้นเวลาจะผ่านไม่นานมากแล้วแต่กลิ่นของเด็กสาว ข้ายังจำมันได้ดี
“เผ่าของเราส่วนมากจะกินเลือดเป็นอาหาร” ข้าพยักหน้าเรื่องนี้ใครก็รู้กันอยู่แล้วแม้นว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์อื่นก็ยังรู้ แล้วมันยังไงล่ะ
“ปกติเลือดที่ท่านดื่มท่านได้กลิ่นหอมไหม?”
ข้านิ่งไปคิดตามคำของอลันจะว่าได้กลิ่น มันก็ได้อยู่ แต่มันก็เป็นกลิ่นคาวๆ ซึ่งข้าเองก็ไม่ได้ชอบมันเท่าไร ข้าจ้องเขาตาเขม่นให้รีบบอกมา มิฉะนั้นข้าจะจัดการเขาแทนของหวานตรงหน้า นั่นทำให้อลันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มพูดต่อ
“เผ่าของเราเชื่อกันว่าเลือดของเนื้อคู่จะมีกลิ่นพิเศษและเมื่อดื่มเข้าไปจะเป็นยาชั้นดีที่หาได้ยาก”
“ไร้สาระ”
ข้าตักของหวานตรงหน้าเข้าปากอย่างต่อเนื่องและคิดตามคำพูดของอลัน ทั้งที่ตัวข้าบอกว่ามันไร้สาระ จนตอนนี้ข้าก็ไม่อาจหยุดนึกถึงเด็กคนนั้นได้
[ติน] ชายหนุ่มรักสนุกที่ไม่คิดจะยึดติด แต่เมื่อมีเธอเข้ามาความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป [มล] สาวมั่นที่ชอบแซ่บ แต่ต้องปิดบังผู้เป็นแม่ ตินชายหนุ่มรักสนุกมัวสาวไปทั่ว เข้าไปหยอดมลในขณะที่เธอกำลังเล่นน้ำสงกรานต์แล้วได้แซ่บกับเธอ โดยมารู้ที่หลังว่ามลเป็นลูกสาวเพื่อนแม่ เขาจึงได้ใช้เรื่องนี้เพื่อมาแบล็คเมล์ให้เธอทำตามที่ตนต้องการ แต่แล้วความรู้สึกของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เรื่องราวของทั้งสองจึงเริ่มขึ้น
เพราะความเชื่อใจและไว้ใจเรื่องมันจึงเกิด หรือ เพราะความต้องการที่ทั้งสองมีตรงกันอันนี้ก็ไม่อาจรู้ได้
เมื่อชีวิตมันสิ้นหวังถึงขึดสุด คืนฝัน เธอจึงได้ลองขอพรกับซาตาน แต่พรที่ของนั้นกลับไม่ถูกใจซาตานเอาเสียเลย เขาจึงได้ให้เวลาเธอ 7 วันเพื่อคิดพรใหม่ที่จะขอ
เขาปฏิเสธการหมั้นกับเธอเพราะไม่ชอบถูกบังคับ ทั้งที่เธอแอบชอบเขามานาน เมื่อได้มาทำงานด้วยกันเธอจึงยั่วให้เขาหลงรักเพราะอยากจะเอาชนะ แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเอาชนะกันได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่ **************** ภายใต้ใบหน้าที่เย็นชานั้นซ่อนไว้ซึ่งตัณหาแล้วพอเจอกับเลขาจอมยั่วมีหรือเขาจะปล่อยไปง่ายๆ
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด