เพราะความเชื่อใจและไว้ใจเรื่องมันจึงเกิด หรือ เพราะความต้องการที่ทั้งสองมีตรงกันอันนี้ก็ไม่อาจรู้ได้
เพราะความเชื่อใจและไว้ใจเรื่องมันจึงเกิด หรือ เพราะความต้องการที่ทั้งสองมีตรงกันอันนี้ก็ไม่อาจรู้ได้
เสียงดนตรีดังกระหึ่ม ผู้คนภายในต่างโยกย้ายไปตามจังหวะและเสียงของดีเจซึ่งดังขึ้นเป็นช่วง ๆ หนุ่มสาวออกแรงเต้นชนิดที่ไม่สนใจสายตาของใครต่อใคร
“แกมาช้านะ นารา”
เสียงหนึ่งในเพื่อนสนิทที่โต๊ะดังขึ้น เมื่อนาราดาวเด่นประจำแก๊งมาถึงเพื่อนทุกคนต่างก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“โทษที พวกแกมากันนานยัง?”
“ก็รอแกแค่คนเดียวนี่ละ ขนาดไอ้ธนาตัวสายประจำแก๊งยังมาก่อนแกเลย คิดเอาเองแล้วกัน”
ข้าวเจ้าพูดขึ้นทันที เมื่อนารานั่งลงตรงที่ยังว่าง ชาวีหันไปสั่งพนักงานให้เอาเครื่องดื่มมาเพิ่มแล้วบทสนทนาของแก๊งเพื่อนรักเพื่อนซี้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง จะมีแต่ธนาซึ่งยังมองนาราไม่วางตา
“ช่วงนี้ชีวิตพวกแกเป็นไงบ้าง?”
นาราเปิดเรื่องให้เพื่อนแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ เพราะนานที่จะรวมตัวกันได้ครบแก๊ง ส่วนมากจะเจอแค่หนึ่งหรือสองคนที่จะว่างตรงกัน
“ของฉันก็เหมือนเดิน ยังไม่มีใครเข้ามา”
คำตอบของข้าวเจ้า มันทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้ไงที่ตัวแม่ของแก๊งยังไม่มีใคร ราวกับว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นเป็นแน่
“พวกแกมองฉันอย่างนี้หมายความว่าไง”
“ไม่มีใครเข้ามา หรือว่า…แกไม่เอากันแน่” นาราพูดแซวเพื่อนเป็นนัยๆ
“ผิดคาดวะ ฉันคิดว่าแกต้องมีใครก่อนพวกฉันเสียอีก”
เสียงของยูมิตอบแทนเพื่อนทุกคนแล้วเทเครื่องดื่มให้กับชาวี ส่วนธนายังคงมองหน้าของนาราจนชาวีรู้สึกผิดสังเกต
“ไอ้ธนา มึงจะมองนาราอีกนานไหม?”
คำพูดของชาวีทำให้นารารู้ตัวว่าถูกมองอยู่จึงได้หันกลับไปสบตาธนาทันที สายตาที่มองมามันทำเธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปจากเพื่อนคนนี้
“มีอะไรติดหน้าฉันหรือ?”
“เปล่า แค่วันนี้เธอดูสวยกว่าทุกครั้งที่เจอ”
กลุ่มแก๊งต่างส่งเสียงโห่ร้องกับคำพูดของธนา ราวกับว่าคำพูดนี้เชื่อถือไม่ได้ นาราหัวเราะชอบใจ เธอเองก็รู้นิสัยของเพื่อนในแก๊งนี้ทุกคนเป็นอย่างดี เอาจริงเธอรู้จักพวกมันมาตั้งแต่ประถมแล้ว จึงไม่คิดจริงจังกับคำพูดนี้เท่าไร
“วันนี้วันดีที่พวกเรามารวมตัวกันครบ ไม่ขาดใครไป” ข้าวเจ้าพูดแล้วยกแก้วขึ้น
“เรามาดื่มกันให้เต็มที่ ไม่เมาไม่กลับ” ชาวีพูดเสริม
“ใช่”
ทุกคนในแก๊งต่างก็ยกแก้วขึ้นแล้วชนจากนั้นทุกคนก็ดื่มหมดแก้ว เว้นแค่ธนาที่ดื่มไปแค่ครึ่งเดียว เมื่อดื่มกันมาได้ระยะหนึ่งยูมิก็เปิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง
“ฉัน…ยูมิทั้งสาวทั้งสวย มีดีทุกอย่าง ไม่เคยมีชายใดกล้าเมิน”
“อะไรของแก” ชาวีถามขึ้น
“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งเมินนะสิ” ยูมิตอบแล้วยกแก้วขึ้นกระดก
“ใครกันกล้าเมินเพื่อนของเรา” นาราถามขึ้น
ทุกคนหันไปสนใจยูมิเป็นตาเดียวกันราวกับว่าในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่ตาถั่วอยู่อีกหรือ ไม่ต้องรอให้ยูมิตอบอะไร ทุกคนหันมองตามสายตาที่ยูมิจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาคนนั้นให้ได้
“ไอ้บาร์เทนเดอร์นั้นใช่ไหม?”
“ใช่!!! ฉันจะตามจีบนายนั้นให้ได้ คอยดู”
ยูมิชี้มือไปทางเขา โดยที่เพื่อนทุกคนก็รู้สึกคุ้นหน้าบาร์เทนเดอร์หนุ่มนั่นเป็นอย่างมากแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน จึงไม่ได้อะไรมากในเมื่อเพื่อนประกาศออกมาอย่างนั้นจึงได้ปล่อยให้เพื่อนรักคนนี้ทำตามต้องการ
“ไอ้ธนา…แกเลิกกับยัยโนรุยังวะ” ข้าวเจ้าถามเข้าประเด็นทันทีเมื่อนึกออก
“ฉันบอกเลิกเธอไปแล้ว แต่เธอยังตามตื๊อไม่เลิก”
“อะไรวะ เรื่องแค่นี้เอง แกก็หาแฟนใหม่สิ” ชาวีเสนอทางออก
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชาวี เพราะเพื่อนในแก๊งรักกันแบบพี่น้องคอยช่วยเหลือกันราวกับเป็นคนในครอบครัว และรู้ด้วยว่ายัยโนรุทำชั่วอะไรไว้กับธนาเพื่อนของตน แต่เมื่อธนาเลือกที่จะเดินถอยออกมาแล้วจบความสัมพันธ์ จึงไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับยัยนั่นอีกจึงได้ปล่อยไป
แต่ถ้าโนรุยังคิดจะมายุ่งยากกับชีวิตของธนาไม่ยอมเลิกราเพื่อนทุกคนในกลุ่มก็พอที่จะจัดการกับยัยนั่นขั้นเด็ดขาด
เสียงดนตรีดังกระหึ่มทำให้คนเพื่อนในกลุ่มแก๊งต่างออกไปเต้น จนตอนนี้ทั้งโต๊ะเหลือแค่นารากับธนาอยู่กันแค่สองต่อสอง ทำให้ทั้งโต๊ะเกิดความเงียบโดยไม่มีใครพูดสิ่งใดออกมาเลยมันทำให้บรรยากาศในตอนนั้นดูอึดอัดจนนาราทนไม่ไหว
“แกจะเอาไงก็พูดมา มองแต่หน้าฉันอยู่ได้”
“ก็ไม่เอาไง”
คำตอบที่ได้ทำให้นาราไปต่อไม่ถูก แต่ธนากลับยิ้มออกมาราวกับว่าการได้แกล้งเธอนั้นเป็นเรื่องสนุกของเขาเสียจริง
“แกไม่ออกไปจีบสาวหรือไง? งานถนัดแกเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่อะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีใคร? แต่ถ้าเป็นเรื่องบนเตียงก็อีกเรื่องหนึ่ง”
นั่นไง! เสือไม่ทิ้งลายจริงๆ นาราได้แต่ถอนหายใจกับเพื่อนคนนี้เสียจริง เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกหมดแก้ว เอาจริงๆช่วงนี้ชีวิตเธอก็มีแต่เรื่องเฮงซวยเข้ามาไม่หยุดหย่อน จะว่าไปชีวิตของใครต่างก็มีปัญหากันทั้งนั้นจะเป็นปัญหาเล็กหรือปัญหาใหญ่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วแกล่ะช่วงนี้เป็นไง?”
ธนามองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า เขารู้ดีว่าเธอมีเรื่องที่ไม่สบายใจถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่นาราก็ไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง
“แกอย่าทำมาเป็นรู้ดี เลยเอาตัวเองให้รอดก่อน ไอ้ธนา”
คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านารามีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ เพราะทุกครั้งที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจเธอมักจะเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอ
“ตามใจแกก็แล้วกันอยากเล่าก็เล่า ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”
นารายกเครื่องดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้จนตอนนี้เธอเริ่มที่จะเมา พอดีกลับที่ข้าวเจ้ากลับมายังโต๊ะ
“แกปล่อยให้ยัยนาราเมาอย่างนี้ได้ยังไงวะ ไอ้ธนา”
ทันทีเมื่อข้าวเจ้าเดินมาถึงโต๊ะแล้วเห็นสภาพนาราซึ่งเมาไม่ได้สติเสียแล้ว จนข้าวเจ้าเหนื่อยใจกับเพื่อนแต่ละคนของเธอจริงๆ
“เดี๋ยวฉันพานารากลับไปเอง”
“ไอ้ธนา แกอย่าคิดทำเรื่องไม่ดีกลับเพื่อนนะเว้ย”
ธนาอุ้มร่างบางของนาราไปยังรถ ดีที่วันนี้เขาไม่ได้ดื่มเยอะ เอาจริงวันนี้เขาดื่มกับเพื่อนแค่แก้วเดียว ทั้งที่เขาเป็นนักดื่มตัวยงแท้ๆ แต่วันนี้กลับไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากจะดื่ม ราวกับว่าเรื่องไม่สบายใจของนารามันกวนใจเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงยังคอนโดของนาราเขาพาเธอขึ้นมาถึงหน้าห้อง พยายามถามหากุญแจห้องจากเจ้าตัวแต่กลับเมาไม่ได้สติ จึงทำให้ชายหนุ่มต้องรื้อกระเป๋าของเธอเพื่อหากุญแจ
“แกอยู่ดีๆสิวะ”
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังหากุญแจอยู่นาราดึงเขาเกือบจะล้มลงไปตรงหน้าห้องแล้ว ถึงอย่างนั้นธนาก็ยังดึงร่างของเธอเอาไว้แล้วหากุญแจต่อไปจนเมื่อได้มันมาเปิดเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มพาร่างบางไร้สติของเพื่อนรักตรงไปยังเตียงนอนทันที
“แกนี่ตัวหนักไม่ใช่เล่น” ธนาพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
เมื่อออกมาเขาเห็นหญิงสาวพยายามจะถอดเสื้อชั้นในแต่ด้วยตอนนี้เอื้อมมือไปไม่ถึงจนเมื่อเธอเห็นธนา
“นายปลดตะขอให้หน่อย”
ชายหนุ่มทำตามที่เพื่อนขอร้อง แต่ยังไม่ทันไรนาราพลิกตัวกลับมา ริมฝีปากบางก็ประกบเข้ามาทันที เขาที่พยายามจะดันเธอให้ออกห่างแต่มือของเธอเกี่ยวเข้าไปที่ลำคอเขาดึงให้เขาล้มลงไปนอนบนเตียง
“แกจะทำอะไรวะ ยัยนารา”
ไร้การตอบรับจากร่างบาง แต่ตอนนี้เธอขึ้นคร่อมร่างของเขาเอาไว้ ทำให้ธนาเห็นเนินอกขาวผ่านคอเสื้อที่ห้อยลงมา ในตอนนี้เขาเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นจนไม่อาจที่จะหยุดมันได้อีกต่อไป
[ติน] ชายหนุ่มรักสนุกที่ไม่คิดจะยึดติด แต่เมื่อมีเธอเข้ามาความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป [มล] สาวมั่นที่ชอบแซ่บ แต่ต้องปิดบังผู้เป็นแม่ ตินชายหนุ่มรักสนุกมัวสาวไปทั่ว เข้าไปหยอดมลในขณะที่เธอกำลังเล่นน้ำสงกรานต์แล้วได้แซ่บกับเธอ โดยมารู้ที่หลังว่ามลเป็นลูกสาวเพื่อนแม่ เขาจึงได้ใช้เรื่องนี้เพื่อมาแบล็คเมล์ให้เธอทำตามที่ตนต้องการ แต่แล้วความรู้สึกของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เรื่องราวของทั้งสองจึงเริ่มขึ้น
พรหมลิขิตมักเล่นตลกกับชีวิตของเราเสมอ แต่เมื่อมันมาแล้วจะรับมันไว้ หรือ จะผลักมันออกไป 'เชื่อเรื่องพรหมลิขิตกันไม่ล่ะ?'
เมื่อชีวิตมันสิ้นหวังถึงขึดสุด คืนฝัน เธอจึงได้ลองขอพรกับซาตาน แต่พรที่ของนั้นกลับไม่ถูกใจซาตานเอาเสียเลย เขาจึงได้ให้เวลาเธอ 7 วันเพื่อคิดพรใหม่ที่จะขอ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY