"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้าเบ้าหน้าสวยๆของผมหนึ่งทีพร้อมกับน้ำตาหลายหยด เออ ผมพูดไม่ผิดหรอกว่าสวย ผมสวยจริงๆ สวยกว่าผู้หญิงตรงหน้าผมตอนนี้ด้วยซ้ำ…
“เลว” ร่างเล็กสบถพร้อมเม้มริมฝีปากแรงๆอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาเธอแดงก่ำคุกรุ่นไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อเธอได้รับรู้ความจริงเรื่องที่เธอไม่ใช่แฟนผม...เพียงคนเดียวน่ะนะ เหอๆ เกิดเป็นชายทั้งทีต้องมีสีสันกันบ้างป่ะวะ เอาเหอะ ขอเก๊กหน้านอยด์ให้เข้ากับสถานการณ์แป๊ป
“เตย์ทำแบบนี้กับเราได้ไง” คนตรงหน้าพยายามพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะสั่นระริกไปทั้งตัวทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย...นิดนึงจริงๆ
“ขอโทษนะ แนนนี่ เตย์ผิดไปแล้ว” ผมพูดเสียงอ่อยตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเอาซะดื้อๆ ผู้หญิงง้อง่ายจะตาย กะพริบตาอ้อนสองทีก็ยอมผมแล้ว เชื่อดิ ระดับไอ้เตย์
“เราชื่อนานา - -”
ชิบหาย กูจำผิดคน -_-; ผมหัวเราะเหอะๆในขณะที่สาวเจ้าสะบัดหลังมือฟาดเข้ากับหน้าผมอีกรอบ!
เพี๊ยะ! หน้าผมหันไปตามแรงฝ่ามือก่อนจะรู้สึกแสบร้อนตรงแก้มยิบๆ แม้ผมอยากจะเข้าไปกระชากคอเสื้อผู้หญิงตรงหน้าสักเท่าไหร่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะอยู่ในที่สาธารณะ เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์พี่เตย์คนจริงประจำคณะวิทยาหมด เหอะ ถ้าอยู่มุมมืดนี่ไม่เหลือ...
“เตย์ใจร้าย ฮึก เราอุตส่าห์ทำตัวเป็นแฟนที่ดี ตอบแทนกับแบบนี้เหรอ @%@!!$$@!” เสียงพร่ำพรรณนาปนสะอื้นสาปส่งความชั่วของผมยาวพอๆกับกำแพงเมืองจีน ผมยืนก้มหน้างุดเอาเท้าเขี่ยดินแล้วถอนหายใจยาวอย่างเซ็งๆ ก็จริงที่ผมชอบผู้หญิงสวย ซึ่งคนตรงหน้าก็ถือว่าใช้ได้ หน้านมผมเป๊ะ เสียอย่างเดียว…งี่เง่า
“เอาสั้นๆพอ อย่าเยอะ รำคาญ” ผมเบ้หน้าไม่พอใจ ไหนๆก็จะจบกันแล้วก็เผยสันดานสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก จริงมั้ย? หญิงร่างบางตรงหน้าชะงักไปนิดนึงเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆกับเบ้าหน้าไม่พอใจของผม เธอกัดริมฝีปากอย่างแรงก่อนจะสรุปใจความร้อยสิบประโยคนั่นให้ผมเพียงสองคำ...
“ไอ้เหี้ย!!!”
ชัดเจน เปลี่ยน! โอเค นั่นคือชีวิตปกติประจำวันของผม ‘อาเตย์’ หรือ เตชินท์ รัตนชินทร์ รุ่นพี่ปีสี่หน้าสวยแห่งคณะวิทยา และดูเหมือนว่าจะได้อยู่ถึงปีห้าด้วยแหละ เหอะๆ ดีใจดีป่ะวะ เกิดมาเบ้าหน้าดีทำให้ชะนีไร้ที่ยืนเนี่ย (- -*) และสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตคืออะไรรู้ป่ะ ไอ้ฉายาทุเรศๆอย่างเช่น...
“ไอ้สวย”
เออ ฉายานี้เลย คือผมเป็นผู้ชาย ควรเรียกไอ้หล่อถึงจะถูกต้อง ผมเบ้หน้าลุกขึ้นมาจากที่นอนมองไอ้คนกวนประสาทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยตีนเท่าฝาหอยนั่งอ่านการ์ตูนบนโซฟาพร้อมชี้ปลายเท้ามาทางหน้าผมอีกต่างหาก มันชื่อ ‘อะเวย์’ เรียกสั้นๆว่าไอ้เวย์ ผมว่าชื่อผมแปลกละนะ ชื่อแม่งแปลกกว่าผมอีก มันบอกว่าชื่อมันมาจากรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่าจงมีความสุข เหอะๆ เป็นคนไทยแท้ๆเสือกตั้งชื่อเป็นภาษากรีก... พูดให้ดีคือ ไม่ซ้ำใคร พูดให้แย่คือ กระแดะชิบหาย
“อยากตายไง” ผมจิ๊ปากแล้วโยนหมอนไปทางมันหนึ่งที แต่ไอ้นี่แม่งชาติก่อนเป็นลิงลมรึเปล่าไม่รู้ พลิ้วชิบหาย หลบได้หลบดี ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะปรี๊ดอีกรอบเมื่อมันหัวเราะตัวงอพร้อมกับปิดหนังสือการ์ตูนมองหน้าผม
“ไม่ดีไง มึงสวยกว่ากูอีก” มันว่าแล้วหัวเราะพรืดกับท่าทีฟึดฟัดอย่างออกนอกหน้าของผม แม่งกวนตีนละ -_-^ อ้อ ใช่ ผมลืมบอกไป ไอ้เวย์เป็นผู้หญิงแต่ติดจะห่ามๆนิสัยผู้ชายปากคอเราะร้ายโคตรๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะครอบครัวมันมีแต่ผู้ชายก็เป็นได้ ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ถ้าไม่นับนิสัยเวรๆนั่นมันก็เป็นผู้หญิงที่ใช้ได้ ไม่ดิ…โคตรจะดีเลย ห่งหุ่นทรวดทรงองค์เอวโคตรจะเป๊ะ อีกอย่างนะ อื้อหือ นมนั้นท่านได้แต่ใดมา บึ้มได้อีก ชอบชิบหาย! พูดให้ดีคือ เซ็กซี่ พูดให้แย่คือ น่าล่อมาก เหอๆ ขออภัยใช้มุขซ้ำ -_-//
“เรียกดีๆ” ผมพยายามข่มอารมณ์แล้วถูแก้มเบาๆ ให้ตายเหอะ ไอ้ความรู้สึกแสบหน้ามันยังไม่หายไปเลยว่ะ ตบมาได้ คนเขายิ่งบอบช้ำง่ายอยู่ เอ้ออออ
“โอเค เตชิต” ไอ้เวย์ว่าก่อนจะหัวเราะร่วนในขณะที่ผมแทบจะพุ่งเข้าไปทำร้ายแม่งรัวๆ ติดแต่ว่าขี้เกียจลุกเท่านั้นแหละเลยได้แต่หยิบหมอนอีกอันปาใส่หน้ามันอีกที
“ชื่อพ่อกู -_-”
“ล้อเล่น โอ๋ๆ ทำเป็นนอยด์ โดนตบมานิดหน่อยเอ๊งงง” ไอ้เวย์แกล้งทำเสียงสูง อย่างที่มันว่าโดนตบนิดหน่อย แต่ทยอยคนละทีมันไหวป่ะวะ หน้านะไม่ใช่กระเบื้องตบเอาตบเอา อาทิตย์นี้ก็ปาเข้าไป...กี่คนละเนี่ย
ตายๆ ลืมนับ ฮอตไปก็อยู่ยากอ่ะโลกนี้ (-_-;;)
“ก็พี่เตย์คนจริงอยากคบเยอะทำไมล่ะ มีแฟนทั้งทีมีคนเดียวพอ...นอกนั้นสถานะชู้”
เกือบเป็นคนดีในสายตากูละ =_=
ไอ้เวย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้แซวผมก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับชะโงกหน้าเรียวเข้ามาพินิจพิจารณาผมจนลมหายใจร้อนๆเป่ารดผิวแก้มทำเอาพี่เตย์คนจริงร้อนรุ่มขึ้นมาทันที อื้อหือ กลิ่นน้ำหอมแม่งยั่วมาก บางทีก็อยากจะด่ามันนะที่เอาหน้าเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ คือผมก็ผู้ชายปะวะ มันก็ต้องมีอารมณ์พลุ่งพล่านกันบ้าง แต่นี่แม่งไม่เคยจะระวังตัวเลย ยังไม่ทันให้ผมปรับอารมณ์ให้อยู่ในระดับปกติ ไอ้เวย์ก็ดันกระตุ้นฮอร์โมนวัยว้าวุ่นของผมอีกด้วยการใช้นิ้วเรียวแตะที่ใบหน้าและพลิกมันไปมาเพื่อดูร่องรอยประวัติศาสตร์แห่งการถูกทำร้ายของผม
“แก้มแดงแบบไม่ต้องปัดบลัชออนเลยว่ะ” มันกระซิบเสียงต่ำทำเอาผมกลืนน้ำลายเอื๊อก นัยน์ตาเรียวรีสีน้ำตาลเข้มนั่นสบตากับผมให้ความรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตแปล๊บปล๊าบจนเกือบกระทำการอุกอาจผิดศีลธรรม ผมเลยต้องกำมือแน่นพลางเตือนสติตัวเองในใจว่า นั่นเพื่อน ใจร่มๆไว้ไอ้เตย์ เพื่อนจ้า เพื่อน
“เจ้าชู้ก็งี้ สมควร” ไอ้เวย์หรี่ตาต่ำแล้วตบแก้มผมเบาๆสองสามทีเป็นการตอกย้ำความชั่วช้าของผม แต่ให้ตาย ไอ้คำพูดของมันไม่ได้เข้าสมองผมเท่าไหร่ เพราะไอ้การที่คุณเธอหรี่ตานั่นมันขับความเซ็กซี่เพิ่มเข้าไปอีกสามล้านเปอร์ ผู้หญิงบ้าอะไรวะแค่หน้าตาก็อ่อยเหลือขนาดน่าฟาดฟัดมาก… อาเตย์อยากกิน
“ไม่ได้เจ้าชู้ แค่เฟรนด์ลี่” ผมยกยิ้มหวานแล้วยักคิ้วสองทีกวนประสาทจนมันหัวเราะเหอะๆแล้วตบหน้าผากผมดังแป๊ะ!
“แรด” ไอ้เวย์ว่าทำให้ผมไหวไหล่ไม่สนใจ ไม่ต้องชมนะ คนอย่างอาเตย์รู้ตัวมานานละ นอกจากแรดแล้วยังร่านด้วย แลดูภูมิใจป่ะ ฮ่าๆ
“ตบกู รู้มั้ยว่าพลาดมาก” ผมว่าแล้วตีหน้าขรึมทั้งๆที่ความจริงแอบหัวเราะในใจ ปกติผมจะไม่ขึ้นกูมึงกับไอ้เวย์นอกจากเวลาโกรธหรืออยากกวนตีน เพราะยังไงมันก็เป็นผู้หญิงถึงนิสัยมันสมควรจะเป็นผู้ชายก็เหอะ
“ทำไม จะตบจูบแบบคุณหฤษฎิ์จำเลยรักไง” ไอ้เวย์หัวเราะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกทีขนาดที่ถ้าเขยิบมาอีกนิดจะจูบกันละ พูดก็พูดเหอะ แม่งยั่วกันชัดๆ ที่สำคัญมันไม่เคยรู้ตัวเลยนี่ดิ โคตรเอาเปรียบกันเลยว่าป่ะ ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ละนะ พอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆนั่นอีกทีเท่านั้นแหละ สติแทบจะหลุด! ผมหรี่ตาแล้วมองหน้าไอ้เวย์นิ่งๆ ริมฝีปากหยักบางสีชมพูระเรื่อทำให้ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก อ่าฮะ อันนั้นว่าแย่แล้วแต่พอเหลือบตาต่ำเท่านั้นแหละ อื้อหือ คัพซีมันทำให้พี่เตย์คนจริงอยากจะแปลงร่างเป็นไอ้เหี้ยเตย์แทนเลยครับ
“เหอๆ ดูถูกกันไปมั้งเวย์” ผมยกยิ้มร้ายก่อนจะไล้ปลายนิ้วมือที่ริมฝีปากนั่นพร้อมๆกับกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน อุณหภูมิตอนนี้ 24 องศาเซลเซียสแต่ผมกลับรู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่ายังไงยังงั้น จากริมฝีปากลากมาที่ไหล่บางก่อนจะกระชากร่างบางกดลงกับเตียงทันทีแบบไม่มีสัญญาณเตือน!!
“!!!” คนตรงหน้าเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็โดนจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมกดไหล่ทั้งสองข้างของร่างบางลงกับเตียงนุ่มแรงๆก่อนจะขึ้นทาบทับตรึงไม่ให้มันขยับเขยื้อน ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตอบง่ายมาก...
คัพซีของไอ้เวย์มันได้ครอบงำอาเตย์แล้ว
“อะไรเนี่ย?” เธอโวยวายแล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็อย่างว่าแรงผู้ชายกับผู้หญิงมันผิดกันจะตาย ไม่หลุดง่ายๆหรอกไอ้น้อง พี่บอกเลย เหอๆ ไม่ไหวละ ระดับความหื่นมันพุ่งปรี๊ดถึงเพดานรู้สึกได้จากไอ้เตย์น้อยเนี่ยแหละ ยอมรับว่าตอนนี้ยังพอมีสติสัมปชัญญะแต่ว่าไม่อยากใช้ เพราะไอ้สัญชาตญาณผู้ชายมันกำลังโหมกระหน่ำทำเอาผมคลั่งโคตรๆ
ผมปรายตามองคนใต้ร่างแล้วหัวเราะชั่วๆ ก่อนจะกวนประสาทตบท้ายด้วยประโยคทุเรศๆ
“ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์... ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก"ฉันเอ่ยปากพลางตบบ่าไอ้นุ่นเพื่อให้มันคลายความกังวลใจเรื่องที่ฉันอยู่มหาลัยจนจะปีสี่แล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักที "ถ้าหาใครไม่ได้ กูก็จะเอามึงนี่ล่ะ"
“โรคนี้ รักษาได้อยู่สามวิธีนะ ใช้ยา ผ่าตัดและ... ท้อง” คำตอบของคุณหมอทำให้หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “งั้นวิธีสุดท้ายแล้วกันค่ะ...รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ"
เพราะฉันดันไปสาดน้ำมันพรายใส่ผิดคน จากหนุ่มหล่อเนิร์ดกลายเป็นไอ้บ้าหน้าเลือดที่น่ากลัวสุดๆ ฉันหาข้ออ้างให้เขาหายไป หากแต่เขาชี้ปลายมีดมาเข้าที่หน้าฉัน "มาเป็นแฟนฉัน ไม่งั้นตาย" กลัวแล้ว ;-;
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY