“อย่า...” หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะพ่อหนุ่มรูปหล่อก้มลงเคล้าคลึงกลีบปากอิ่มเต็มที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อนเลยในชีวิตอย่างแผ่วเบา และด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลนี้ทำให้หญิงสาวคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย “หวานเหลือเกิน...”
“อย่า...” หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะพ่อหนุ่มรูปหล่อก้มลงเคล้าคลึงกลีบปากอิ่มเต็มที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อนเลยในชีวิตอย่างแผ่วเบา และด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลนี้ทำให้หญิงสาวคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย “หวานเหลือเกิน...”
นครเซาเปาโล,
สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสุดยอดมหาเศรษฐีปีนี้ก็ได้แก่แชมป์ห้าสมัยซ้อน มาร์คอส โรเจอริโอ มหาเศรษฐีชาวบราซิล เจ้าพ่อธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรปและติดหนึ่งในห้าของโลก มีทรัพย์สินอยู่ที่ 74,000 ล้านเหรียญ และตามมาด้วย เดนนิส โอซิล หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมนี เจ้าของบริษัทธุรกิจก่อสร้างยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและก็ติดหนึ่งในห้าของโลกเช่นเดียวกับ มาร์คอส โรเจอริโอ เช่นกัน โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 56,000 ล้านเหรียญ
แต่คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เดนนิส โอซิล อาจจะสามารถโค่นยักษ์ใหญ่แชมป์เก่าอย่าง มาร์คอส โรเจอริโอ ลงก็เป็นได้ ดังเช่นการประมูลการก่อสร้างตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกนามว่า สเตท โอเชี่ยนวัน ที่มีมูลค่าการลงทุนจำนวนมหาศาลคือราวๆ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีตัวเก็งอันดับหนึ่งอย่าง มาร์คอส คิงดอม แต่สุดท้ายแล้ว มาร์คอส คิงดอม ก็ต้องพลาดท่าให้กับ โอซิล กรุ๊ป ไปอย่างน่าแคลงใจที่สุด และจนถึงขณะนี้ผมก็ยังมั่นใจว่าทุกคนทั่วโลกก็ยังสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจเปลี่ยนผู้รับเหมาก่อสร้างตึกระฟ้า สเตท โอเชี่ยนวัน อยู่อย่างแน่นอน
“ระยำ!”
หนังสือพิมพ์ชื่อดังของประเทศบราซิลถูกเหวี่ยงใส่ผนังห้องที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีสวยอย่างแรง พร้อมๆ กับคำสบถหยาบคายที่ตามติดออกมาจากลำคอแกร่งสีแทนของ มาร์คอส โรเจอริโอ ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีทองอร่ามวาวโรจน์ด้วยความโทสะแรงกล้า กรามสี่เหลี่ยมที่ดูแข็งกระด้างอำมหิตขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง ริมฝีปากสีสดบางเฉียบเม้มกันสนิท ความขัดเคืองทะลักทลายออกมาไม่หยุด
ให้ตายเถอะ ไม่ใช่แค่คนทั่วโลกหรอกที่ไม่อยากเชื่อว่า มาร์คอส คิงดอมจะพ่ายแพ้ให้แก่ โอซิล กรุ๊ป แบบนี้ ขนาดตัวเขาเอง มาร์คอส โรเจอริโอ ก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองได้รับความปราชัยมาไว้ในมือ และเขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันจะเที่ยงตรง เดนนิส โอซิล จะต้องใช้แผนสกปรกกับการประมูลนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าฉันรู้ ฉันฆ่านายแน่ เดนนิส...”
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับขึ้นมากดหา อแมนด้า พาลิตต้า บุตรสาวคนงามของ แซนโด้ พาลิตต้า เจ้าของโปรเจ็คยักษ์ สเตท โอเชี่ยนวัน ด้วยความข้องใจสุดขีด และเมื่อสาวน้อยรับสาย หนุ่มหล่อปานเทพบุตรที่ได้รับการโหวตจากผู้หญิงทั่วโลกว่าเป็นชายหนุ่มที่เซ็กซี่ และมีผู้หญิงอยากขึ้นเตียงด้วยมากที่สุดจากนิตยสาร Forbes ก็เค้นเสียงถามออกไปทันที
“ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อแมนด้า...”
เสียงหัวเราะจากคู่สนทนาสาวยิ่งทำให้มาร์คอสหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า มือใหญ่สีแทนอีกข้างยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลเข้มของตัวเองให้ออกจากหน้าผากด้วยความขัดเคืองใจ
“ผมถาม... และต้องการคำตอบ”
ชายหนุ่มเค้นเสียงคำรามใส่ ความอดทนใกล้สิ้นสุดลงทุกขณะ ความจริงเขาอยากจะบีบคอเจ้าหล่อนให้ตายคามือต่างหาก
“ถ้าอยากได้งานนี้ ฉันช่วยคุณได้นะคะ ทุกอย่างยังแก้ไขได้ ขอแค่เพียง...”
แม่อดีตคู่ขาของเขาทำสุ่มเสียงหวานฉ่ำมาตามสาย แถมยังเว้นช่วงให้เขาได้ซึมซับคำพูดของเจ้าหล่อนเป็นเวลานานอีกต่างหาก นี่เขาควรหัวเราะออกมาให้ดังๆ กับความเมตตาของหล่อนใช่ไหม มาร์คอสประชดตัวเองอยู่ภายในใจอย่างเดือดดาล
“คุณกลับมาหาฉัน... กลับมาทำให้เตียงของฉันร้อนระอุทุกคืน และฉันสัญญาว่าจะให้คุณพ่อยกเลิกทุกอย่างกับโอซิล กรุ๊ป ฉันทำได้น่า คุณก็รู้นี่คะมาร์คอส ฉันต้องการคุณ...”
เสียงของอแมนด้า พาลิตต้า ช่างกระเส่านักในตอนท้ายของประโยค จนคนฟังอย่างมาร์คอสแทบจะกลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่อยู่
“ขอแค่คุณกลับมา... เท่านั้น มาร์คอส...”
“ผมไม่มีนโยบายนำของที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก ดังนั้นคุณเลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปได้เลย อแมนด้า”
เหี้ยมโหด อำมหิต ไม่มีการประนีประนอม นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของ มาร์คอส โรเจอริโอ หนุ่มหล่อชาวบราซิเลี่ยนผู้เลือดเย็นคนนี้ เขาไม่เคยคิดจะทะนุถนอมจิตใจของใคร แม้ว่าคนๆ นั้นจะสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการก็ตามที
เขาจะไม่มีทางฝืนใจตัวเองอย่างเด็ดขาด พอๆ กับที่เขาจะไม่มีวันลากผู้หญิงที่ตัวเองปลดระวางไปแล้วกลับมาขึ้นเตียงอีกนั่นแหละ
“คุณใช้วิธีนี้กับผมไม่ได้หรอกอแมนด้า ผมเป็นคนยังไงคุณก็น่าจะรู้ดี...”
“ใช่ค่ะ ฉันรู้ดี แต่หากคุณอยากได้ สเตท โอเชี่ยนวัน คุณก็ต้องยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงซะบ้าง เพราะมีฉันคนเดียวที่สามารถช่วยคุณได้นะมาร์คอส”
เสียงอแมนด้าโต้ตอบออกมาด้วยความขัดเคืองใจไม่แพ้กัน แต่ผู้ชายที่ถูกจัดอันดับว่าร่ำรวยที่สุดในโลกถึงห้าปีซ้อนอย่างมาร์คอสไม่มีทางยอมลดตัวลงไปอย่างแน่นอน แม้จะอยากสร้างชื่อกับ สเตท โอเชี่ยนวัน ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมากแค่ไหนก็ตาม
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช้ของรียูส ดังนั้นเลิกพูดสักทีเถอะมันน่ารำคาญ”
“งั้นคุณก็จะไม่มีทางได้ สเตท โอเชี่ยนวัน” อแมนด้าพยายามข่มขู่ แต่คนอย่างมาร์คอส โรเจอริโอ ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมไม่แคร์ ไม่ได้มันผมก็อยู่ได้”
คำพูดไม่แยแสของคู่สนทนาทำเอา อแมนด้าถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ หล่อนรักและต้องการมาร์คอสมาก ถึงได้สร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมา คิดว่าเขาจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงบ้าง แต่เปล่าเลย มาร์คอสก็ยังเป็นมาร์คอสวันยังค่ำ เขายังใจเด็ด อำมหิต และเหี้ยมโหดเช่นเคย
“แล้วคุณโทรมาทำไมคะ... ถ้าไม่อยากได้มัน...”
“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณกับไอ้เดนนิส โอซิลเล่นอะไรกันก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าพวกคุณเล่นอะไรกัน”
น้ำเสียงของมาร์คอสอัดแน่นไปด้วยความขัดเคือง และแน่นอนว่าคนฟังอย่างอแมนด้าก็ยังอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหยุดถ้อยคำร้ายกาจที่โป้ปดขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนพูดออกไปโดยไม่คิดถึงคนอื่นเลยว่าเขาจะเดือดร้อนยังไงบ้าง
“ใช่ค่ะ ฉันกับเดนนิสกำลังเล่นปั่นหัวของคุณอยู่ยังไงล่ะ และเขาก็คือคู่ควงคนใหม่ของฉัน คุณน่ะเป็นหมาหัวเน่าสำหรับฉันแล้วล่ะค่ะ มาร์คอส...”
มาร์คอสยังไม่ได้จะโต้ตอบอะไรออกไปแม่อแมนด้า พาลิตต้าก็รีบชิงวางสายไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หนุ่มหล่อยืนกัดฟันแน่นอยู่ริมหน้าต่างด้วยความคลั่งแค้นใจ
“ระยำ! ปั่นหัวฉันหรือ...”
มือใหญ่จัดการขว้างเจ้ามือถือราคาแพงเข้ากับผนังห้องอีกครั้งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ ชิ้นส่วนของตัวเครื่องแตกกระจายแต่คนเจ้าอารมณ์กลับไม่แยแสเลยสักนิด เอาแต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะแรงกล้าอยู่บนเพ้นเฮ้าส์สุดหรูราคา เกือบพันล้านบาทของตัวเองอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ให้ตายเถอะ เขากำลังโกรธ กำลังหัวเสียอย่างมากมายเชียวแหละ
“รู้จักมาร์คอส โรเจอริโอ น้อยไปไหม เดนนิส โอซิล...”
ดวงตาคมกริบสีทองอร่ามวาววับน่ากลัว กรามแกร่งที่มีไรหนวดสีเขียวขึ้นประปรายขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกอย่างรุนแรง
“ฉันจะต้องทำให้นายรู้จักรสชาติของคำว่า ‘พ่ายแพ้’ บ้าง เดนนิส โอซิล”
มาร์คอสคำรามในลำคอด้วยความคลั่งแค้น ทั้งชิงชังอแมนด้า ทั้งขัดเคืองใจเดนนิส โอซิล ที่พวกนั้นบังอาจยัดเยียดความพ่ายแพ้ใส่มือมาโดยที่เขาไม่ต้องการ
“เกมนี้ยังอีกยาว... เดนนิส โอซิล”
หนุ่มหล่อปานเทพปั้นแต่งอาฆาตอยู่ภายในอกด้วยความเจ็บแค้น หากทุกอย่างมันเป็นไปตามกติกาเขาคงไม่แค้นจนจุกอกแบบนี้หรอก คนตัวโตเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานไม้ราคาแสนแพง ตวัดตาสีทองมองเศษโทรศัพท์มือถือราคา 4 แสนเรียลบราซิล (Real) ด้วยความขัดเคืองใจ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปกระชากกระบอกโทรศัพท์พื้นฐานขึ้นมาแนบหู นิ้วใหญ่กดต่อหาบุคคลเป้าหมายทันที และเมื่อคู่สนทนารับสายหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่แห่งปีก็รีบออกคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ เดนนิส โอซิล เจ้าของโอซิล กรุ๊ป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง... เอ่อ แล้วผมต้องการโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เอาขึ้นมาให้ผมในอีก 15 นาทีข้างหน้า...”
เมื่อคู่สนทนารับคำด้วยความนอบน้อมแล้ว มาร์คอสจึงกระแทกกระบอกโทรศัพท์ลงกับแป้นตามเดิม แม้ทุกอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวจะได้กระทำลงไปแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่สามารถฉุดรั้งโทสะให้ลดต่ำลงมาได้เลย
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่านถึงเพียงนี้นะ ก็แค่ไม่ได้โปรเจ็คยักษ์อย่าง สเตท โอเชี่ยนวัน แค่นั้นเอง
ก็เสียหน้ายังไงล่ะ
ความคิดหนึ่งในสมองร้องตอบออกมา และนี่มันก็เป็นคำตอบของการกระทำทุกอย่างของเขาได้เป็นอย่างดี ใช่ เสียหน้า เสียหน้าเป็นอย่างมาก คนอย่างมาร์คอสไม่เคยรู้จักคำว่า ‘ปราชัย’ มาก่อนเลยตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่เดนนิส โอซิล กับอแมนด้าทำให้เขาต้องลิ้มรสชาติของมัน และคอยดูเถอะว่าเขาเอาคืนอย่างสาสมแน่
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังราคาแพงสีดำของตัวเองอีกครั้ง ช่วงขากำยำในกางเกงขายาวเนื้อดีเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา มุ่งหน้าตรงไปหยุดยืนอยู่บานกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่ วิวเบื้องล่างของนครเซาเปาโลชัดเต็มสองตา แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้มาร์คอสอารมณ์เย็นลงได้เลย ชายหนุ่มยังคงร้อนระอุดั่งไฟ และมันคงไม่ดับลงง่ายๆ แน่หากคนที่ทำให้เขาเจ็บใจมันยังอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY