“อย่า...” หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะพ่อหนุ่มรูปหล่อก้มลงเคล้าคลึงกลีบปากอิ่มเต็มที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อนเลยในชีวิตอย่างแผ่วเบา และด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลนี้ทำให้หญิงสาวคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย “หวานเหลือเกิน...”
“อย่า...” หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะพ่อหนุ่มรูปหล่อก้มลงเคล้าคลึงกลีบปากอิ่มเต็มที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อนเลยในชีวิตอย่างแผ่วเบา และด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลนี้ทำให้หญิงสาวคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย “หวานเหลือเกิน...”
นครเซาเปาโล,
สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสุดยอดมหาเศรษฐีปีนี้ก็ได้แก่แชมป์ห้าสมัยซ้อน มาร์คอส โรเจอริโอ มหาเศรษฐีชาวบราซิล เจ้าพ่อธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรปและติดหนึ่งในห้าของโลก มีทรัพย์สินอยู่ที่ 74,000 ล้านเหรียญ และตามมาด้วย เดนนิส โอซิล หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมนี เจ้าของบริษัทธุรกิจก่อสร้างยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและก็ติดหนึ่งในห้าของโลกเช่นเดียวกับ มาร์คอส โรเจอริโอ เช่นกัน โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 56,000 ล้านเหรียญ
แต่คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เดนนิส โอซิล อาจจะสามารถโค่นยักษ์ใหญ่แชมป์เก่าอย่าง มาร์คอส โรเจอริโอ ลงก็เป็นได้ ดังเช่นการประมูลการก่อสร้างตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกนามว่า สเตท โอเชี่ยนวัน ที่มีมูลค่าการลงทุนจำนวนมหาศาลคือราวๆ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีตัวเก็งอันดับหนึ่งอย่าง มาร์คอส คิงดอม แต่สุดท้ายแล้ว มาร์คอส คิงดอม ก็ต้องพลาดท่าให้กับ โอซิล กรุ๊ป ไปอย่างน่าแคลงใจที่สุด และจนถึงขณะนี้ผมก็ยังมั่นใจว่าทุกคนทั่วโลกก็ยังสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจเปลี่ยนผู้รับเหมาก่อสร้างตึกระฟ้า สเตท โอเชี่ยนวัน อยู่อย่างแน่นอน
“ระยำ!”
หนังสือพิมพ์ชื่อดังของประเทศบราซิลถูกเหวี่ยงใส่ผนังห้องที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีสวยอย่างแรง พร้อมๆ กับคำสบถหยาบคายที่ตามติดออกมาจากลำคอแกร่งสีแทนของ มาร์คอส โรเจอริโอ ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีทองอร่ามวาวโรจน์ด้วยความโทสะแรงกล้า กรามสี่เหลี่ยมที่ดูแข็งกระด้างอำมหิตขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง ริมฝีปากสีสดบางเฉียบเม้มกันสนิท ความขัดเคืองทะลักทลายออกมาไม่หยุด
ให้ตายเถอะ ไม่ใช่แค่คนทั่วโลกหรอกที่ไม่อยากเชื่อว่า มาร์คอส คิงดอมจะพ่ายแพ้ให้แก่ โอซิล กรุ๊ป แบบนี้ ขนาดตัวเขาเอง มาร์คอส โรเจอริโอ ก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองได้รับความปราชัยมาไว้ในมือ และเขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันจะเที่ยงตรง เดนนิส โอซิล จะต้องใช้แผนสกปรกกับการประมูลนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าฉันรู้ ฉันฆ่านายแน่ เดนนิส...”
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับขึ้นมากดหา อแมนด้า พาลิตต้า บุตรสาวคนงามของ แซนโด้ พาลิตต้า เจ้าของโปรเจ็คยักษ์ สเตท โอเชี่ยนวัน ด้วยความข้องใจสุดขีด และเมื่อสาวน้อยรับสาย หนุ่มหล่อปานเทพบุตรที่ได้รับการโหวตจากผู้หญิงทั่วโลกว่าเป็นชายหนุ่มที่เซ็กซี่ และมีผู้หญิงอยากขึ้นเตียงด้วยมากที่สุดจากนิตยสาร Forbes ก็เค้นเสียงถามออกไปทันที
“ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อแมนด้า...”
เสียงหัวเราะจากคู่สนทนาสาวยิ่งทำให้มาร์คอสหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า มือใหญ่สีแทนอีกข้างยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลเข้มของตัวเองให้ออกจากหน้าผากด้วยความขัดเคืองใจ
“ผมถาม... และต้องการคำตอบ”
ชายหนุ่มเค้นเสียงคำรามใส่ ความอดทนใกล้สิ้นสุดลงทุกขณะ ความจริงเขาอยากจะบีบคอเจ้าหล่อนให้ตายคามือต่างหาก
“ถ้าอยากได้งานนี้ ฉันช่วยคุณได้นะคะ ทุกอย่างยังแก้ไขได้ ขอแค่เพียง...”
แม่อดีตคู่ขาของเขาทำสุ่มเสียงหวานฉ่ำมาตามสาย แถมยังเว้นช่วงให้เขาได้ซึมซับคำพูดของเจ้าหล่อนเป็นเวลานานอีกต่างหาก นี่เขาควรหัวเราะออกมาให้ดังๆ กับความเมตตาของหล่อนใช่ไหม มาร์คอสประชดตัวเองอยู่ภายในใจอย่างเดือดดาล
“คุณกลับมาหาฉัน... กลับมาทำให้เตียงของฉันร้อนระอุทุกคืน และฉันสัญญาว่าจะให้คุณพ่อยกเลิกทุกอย่างกับโอซิล กรุ๊ป ฉันทำได้น่า คุณก็รู้นี่คะมาร์คอส ฉันต้องการคุณ...”
เสียงของอแมนด้า พาลิตต้า ช่างกระเส่านักในตอนท้ายของประโยค จนคนฟังอย่างมาร์คอสแทบจะกลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่อยู่
“ขอแค่คุณกลับมา... เท่านั้น มาร์คอส...”
“ผมไม่มีนโยบายนำของที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก ดังนั้นคุณเลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปได้เลย อแมนด้า”
เหี้ยมโหด อำมหิต ไม่มีการประนีประนอม นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของ มาร์คอส โรเจอริโอ หนุ่มหล่อชาวบราซิเลี่ยนผู้เลือดเย็นคนนี้ เขาไม่เคยคิดจะทะนุถนอมจิตใจของใคร แม้ว่าคนๆ นั้นจะสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการก็ตามที
เขาจะไม่มีทางฝืนใจตัวเองอย่างเด็ดขาด พอๆ กับที่เขาจะไม่มีวันลากผู้หญิงที่ตัวเองปลดระวางไปแล้วกลับมาขึ้นเตียงอีกนั่นแหละ
“คุณใช้วิธีนี้กับผมไม่ได้หรอกอแมนด้า ผมเป็นคนยังไงคุณก็น่าจะรู้ดี...”
“ใช่ค่ะ ฉันรู้ดี แต่หากคุณอยากได้ สเตท โอเชี่ยนวัน คุณก็ต้องยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงซะบ้าง เพราะมีฉันคนเดียวที่สามารถช่วยคุณได้นะมาร์คอส”
เสียงอแมนด้าโต้ตอบออกมาด้วยความขัดเคืองใจไม่แพ้กัน แต่ผู้ชายที่ถูกจัดอันดับว่าร่ำรวยที่สุดในโลกถึงห้าปีซ้อนอย่างมาร์คอสไม่มีทางยอมลดตัวลงไปอย่างแน่นอน แม้จะอยากสร้างชื่อกับ สเตท โอเชี่ยนวัน ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมากแค่ไหนก็ตาม
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช้ของรียูส ดังนั้นเลิกพูดสักทีเถอะมันน่ารำคาญ”
“งั้นคุณก็จะไม่มีทางได้ สเตท โอเชี่ยนวัน” อแมนด้าพยายามข่มขู่ แต่คนอย่างมาร์คอส โรเจอริโอ ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมไม่แคร์ ไม่ได้มันผมก็อยู่ได้”
คำพูดไม่แยแสของคู่สนทนาทำเอา อแมนด้าถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ หล่อนรักและต้องการมาร์คอสมาก ถึงได้สร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมา คิดว่าเขาจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงบ้าง แต่เปล่าเลย มาร์คอสก็ยังเป็นมาร์คอสวันยังค่ำ เขายังใจเด็ด อำมหิต และเหี้ยมโหดเช่นเคย
“แล้วคุณโทรมาทำไมคะ... ถ้าไม่อยากได้มัน...”
“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณกับไอ้เดนนิส โอซิลเล่นอะไรกันก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าพวกคุณเล่นอะไรกัน”
น้ำเสียงของมาร์คอสอัดแน่นไปด้วยความขัดเคือง และแน่นอนว่าคนฟังอย่างอแมนด้าก็ยังอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหยุดถ้อยคำร้ายกาจที่โป้ปดขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนพูดออกไปโดยไม่คิดถึงคนอื่นเลยว่าเขาจะเดือดร้อนยังไงบ้าง
“ใช่ค่ะ ฉันกับเดนนิสกำลังเล่นปั่นหัวของคุณอยู่ยังไงล่ะ และเขาก็คือคู่ควงคนใหม่ของฉัน คุณน่ะเป็นหมาหัวเน่าสำหรับฉันแล้วล่ะค่ะ มาร์คอส...”
มาร์คอสยังไม่ได้จะโต้ตอบอะไรออกไปแม่อแมนด้า พาลิตต้าก็รีบชิงวางสายไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หนุ่มหล่อยืนกัดฟันแน่นอยู่ริมหน้าต่างด้วยความคลั่งแค้นใจ
“ระยำ! ปั่นหัวฉันหรือ...”
มือใหญ่จัดการขว้างเจ้ามือถือราคาแพงเข้ากับผนังห้องอีกครั้งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ ชิ้นส่วนของตัวเครื่องแตกกระจายแต่คนเจ้าอารมณ์กลับไม่แยแสเลยสักนิด เอาแต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะแรงกล้าอยู่บนเพ้นเฮ้าส์สุดหรูราคา เกือบพันล้านบาทของตัวเองอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ให้ตายเถอะ เขากำลังโกรธ กำลังหัวเสียอย่างมากมายเชียวแหละ
“รู้จักมาร์คอส โรเจอริโอ น้อยไปไหม เดนนิส โอซิล...”
ดวงตาคมกริบสีทองอร่ามวาววับน่ากลัว กรามแกร่งที่มีไรหนวดสีเขียวขึ้นประปรายขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกอย่างรุนแรง
“ฉันจะต้องทำให้นายรู้จักรสชาติของคำว่า ‘พ่ายแพ้’ บ้าง เดนนิส โอซิล”
มาร์คอสคำรามในลำคอด้วยความคลั่งแค้น ทั้งชิงชังอแมนด้า ทั้งขัดเคืองใจเดนนิส โอซิล ที่พวกนั้นบังอาจยัดเยียดความพ่ายแพ้ใส่มือมาโดยที่เขาไม่ต้องการ
“เกมนี้ยังอีกยาว... เดนนิส โอซิล”
หนุ่มหล่อปานเทพปั้นแต่งอาฆาตอยู่ภายในอกด้วยความเจ็บแค้น หากทุกอย่างมันเป็นไปตามกติกาเขาคงไม่แค้นจนจุกอกแบบนี้หรอก คนตัวโตเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานไม้ราคาแสนแพง ตวัดตาสีทองมองเศษโทรศัพท์มือถือราคา 4 แสนเรียลบราซิล (Real) ด้วยความขัดเคืองใจ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปกระชากกระบอกโทรศัพท์พื้นฐานขึ้นมาแนบหู นิ้วใหญ่กดต่อหาบุคคลเป้าหมายทันที และเมื่อคู่สนทนารับสายหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่แห่งปีก็รีบออกคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ เดนนิส โอซิล เจ้าของโอซิล กรุ๊ป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง... เอ่อ แล้วผมต้องการโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เอาขึ้นมาให้ผมในอีก 15 นาทีข้างหน้า...”
เมื่อคู่สนทนารับคำด้วยความนอบน้อมแล้ว มาร์คอสจึงกระแทกกระบอกโทรศัพท์ลงกับแป้นตามเดิม แม้ทุกอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวจะได้กระทำลงไปแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่สามารถฉุดรั้งโทสะให้ลดต่ำลงมาได้เลย
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่านถึงเพียงนี้นะ ก็แค่ไม่ได้โปรเจ็คยักษ์อย่าง สเตท โอเชี่ยนวัน แค่นั้นเอง
ก็เสียหน้ายังไงล่ะ
ความคิดหนึ่งในสมองร้องตอบออกมา และนี่มันก็เป็นคำตอบของการกระทำทุกอย่างของเขาได้เป็นอย่างดี ใช่ เสียหน้า เสียหน้าเป็นอย่างมาก คนอย่างมาร์คอสไม่เคยรู้จักคำว่า ‘ปราชัย’ มาก่อนเลยตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่เดนนิส โอซิล กับอแมนด้าทำให้เขาต้องลิ้มรสชาติของมัน และคอยดูเถอะว่าเขาเอาคืนอย่างสาสมแน่
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังราคาแพงสีดำของตัวเองอีกครั้ง ช่วงขากำยำในกางเกงขายาวเนื้อดีเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา มุ่งหน้าตรงไปหยุดยืนอยู่บานกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่ วิวเบื้องล่างของนครเซาเปาโลชัดเต็มสองตา แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้มาร์คอสอารมณ์เย็นลงได้เลย ชายหนุ่มยังคงร้อนระอุดั่งไฟ และมันคงไม่ดับลงง่ายๆ แน่หากคนที่ทำให้เขาเจ็บใจมันยังอยู่เย็นเป็นสุข
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ปากของลมทะเลบอกว่าเกลียดชัง แต่มือของเขากลับหยุดแตะต้องแม่สาวใช้เนื้อสาวคนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว หึ เธอมันก็แค่ สาวใช้บนเตียง ที่ฉันจะมาหาตอนอยากมีเซ็กซ์เท่านั้นแหละ!!! +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็แค่เซ็กซ์ แต่ลมทะเลก็บุกเข้าไปในห้องนอนของสกาวเดือนทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน... เขากำลังตั้งหน้าตั้งตากลืนกินหัวนมสีหวานจากเต้าของสกาวเดือนอย่างตะกรุมตะกราม แม้เมื่อวานจะเอาหล่อนจนฟ้าสาง แต่คืนนี้ก็ยังคงหิวกระหายในรสสวาทของหล่อนเหมือนเดิม ดูเถอะ แค่ร้องคราง ทำไมหล่อนจะต้องครวญครางให้เสียงหวานขนาดนี้ด้วย แค่ได้ยินเสียงครางของหล่อน ร่างกายที่ร้อนเหมือนถูกไฟแผดเผาอยู่แล้วก็ยิ่งแทบมอดไหม้แหลกเป็นจุล "ทำไมเธอน่าเอาแบบนี้ สกาวเดือน..."
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
แต่งงานกับมู่หนานจือมาเป็นเวลาสามปี ซูป้านเซี่ยคอยดูแลและเอาใจเขามาโดยตลอด แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับจากเขาคือความเย็นชาและความรังเกียจ เมื่อคนรักของมู่หนานจือกลับมา เธอก็รู้สึกว่าสามีของเธอยิ่งห่างเหินจากเธอ ในที่สุด เธอไม่สามารถทนต่ออีกต่อไปและเป็นฝ่ายเสนอให้หย่ากัน มู่หนานจือมองตามหลังซูป้านเซี่ยที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน ก็พนันกับเพื่อนว่า "ดูเอาเถอะ สักวันหนึ่งเธอจะต้องเสียใจและกลับมาอ้อนวอนแน่ ๆ " ซูป้านเซี่ยได้ยินก็ยิ้มอย่างเย็นชา"มู่หนานจือ ฝันไปเถอะ" ผ่านไปหลายวัน มู่หนานจือบังเอิญพบว่าอดีตภรรยาของตนฉลองการหย่าร้างในบาร์ และจากนี้ไปอีกไม่นาน เธอก็มีแฟนหนุ่มใหม่แล้วด้วย เวลานี้เอง มู่หนานจือถึงเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา เพราะเขาพบว่าผู้หญิงที่เคยรักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาควรจะทำอย่างไร
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด