กี่ภพชาติจะผ่านไป แต่ข้าก็ไม่อาจลืมได้ว่าจะมีชีวิตเพื่อจะได้พบและรักเจ้าอีกสักครั้ง... เรื่องราวการระลึกชาติของอดีตองค์ฟาโรห์หนุ่ม เจ้าของพีระมิดบนทะเลทรายขาว ผู้ไม่เคยปรากฏพระนามบนจารึกใด กับหญิงสาวสามัญชนผู้กุมหัวใจของพระองค์
กี่ภพชาติจะผ่านไป แต่ข้าก็ไม่อาจลืมได้ว่าจะมีชีวิตเพื่อจะได้พบและรักเจ้าอีกสักครั้ง... เรื่องราวการระลึกชาติของอดีตองค์ฟาโรห์หนุ่ม เจ้าของพีระมิดบนทะเลทรายขาว ผู้ไม่เคยปรากฏพระนามบนจารึกใด กับหญิงสาวสามัญชนผู้กุมหัวใจของพระองค์
บทนำ
“มิรา !!”
เสียงละเมอเรียกดังขึ้นในความมืด ก่อนที่เจ้าของเสียงจะสะดุ้งตื่น และลุกพรวดขึ้นนั่งหอบหายใจถี่
“ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพื่อดูเวลา
...นาฬิกาปลุกเรือนเล็กยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอและเที่ยงตรง อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเป็นเวลา 4 นาฬิกาของวันใหม่ นั่นเองที่ทำให้เขาตัดสินใจปิดสวิชต์นาฬิกา รวมทั้งสวิชต์โคมไฟ เลือกที่จะนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดที่รายล้อมรอบตัว เพื่อทบทวนถึงความฝันประหลาด ซึ่งมักปลุกเขาให้ตื่นขึ้นในตอนเช้ามืด ช่วงเวลาที่คนโบราณเชื่อว่า ความฝันมักจะมีเค้าของความเป็นจริง
ชนะชนจำได้แม่นยำว่า มันเกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างที่เขาเดินทางไปเที่ยวประเทศอียิปต์กับพ่อและแม่ ตอนเขาอายุ 21 ปี จวบจนวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 6 ปีแล้ว หากแต่เขาก็ยังคงฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เธอ... เป็นใครกันแน่?” เขานึกถึงหญิงสาวเจ้าของดวงหน้างดงาม อ่อนหวาน แต่นัยน์ตากลมโตมีแววโศก สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาดขลิบดิ้นทองคำอย่างชนชั้นสูงสมัยโบราณ รอบด้านรายล้อมไปด้วยความมืดมิดยิ่งกว่าราตรีที่ไร้แสงจันทร์ เธอค่อยๆ หันหลังเดินห่างจากเขาไป ไกลออกไปเรื่อยๆ ขณะที่เขาเองก็พยายามวิ่งตามเธอ พลางร้องเรียกชื่อของเธอ น้ำเสียงราวกับหัวใจได้แหลกสลายลง
“มิรา...” ชนะชนพึมพำชื่อของเธออีกครั้ง
...หลายต่อหลายครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นระหว่างที่กำลังวิ่งตามเธอ แต่ก็มีอีกหลายครั้งที่เธอหยุดเดินและหันกลับมาหาเขา พร้อมๆ กับเลือดสีแดงสดที่หลั่งรินจากนัยน์ตาอาบสองแก้ม
คลิก!
เสียงเข็มนาฬิกาที่เดินมาบรรจบกับเวลาที่เคยตั้งปลุกไว้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบปลุกให้ชนะชนตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มเลิกผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง เดินผ่านกระเป๋าเดินทางใบย่อมแบบมีล้อเลื่อนของตัวเองไปเข้าห้องน้ำ มือใหญ่เปิดสวิชต์ไฟด้วยความเคยชินโดยไม่ต้องคลำหา ก่อนก้าวเข้าไปยืนตรงหน้ากระจกภายในห้องน้ำส่วนตัวของห้องชุดบนคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ซึ่งแม้จะดูคับแคบไปสักหน่อย แต่ชายหนุ่มก็เคยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้เสียแล้ว
“มัวแต่คิดถึงเขาก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี” ชนะชนส่ายหน้าให้เงาของตัวเองในกระจก มันเป็นเงาของชายหนุ่มลูกครึ่งอาหรับ ทั้งคิ้วเข้ม นัยน์ตาคม จมูกโด่งอย่างชาวตะวันตก ริมฝีปากรูปกระจับ ร่างกายกำยำล่ำสันกับความสูงกว่า 180 ซ.ม. ยกเว้นก็แต่สีผิวที่ดูจะคล้ำขึ้นจากการกรำแดด อันเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพนักโบราณคดี อาชีพที่เขารักและทำให้เขามีโอกาสได้ไปเยือนประเทศอียิปต์อีกครั้งในวันนี้
ตอนที่ 1
ไม่นานรถยุโรปสีขาวมุกของชนะชนก็แล่นออกจากคอนโดมิเนียมไปบนถนน มุ่งหน้าไปยังบ้านสวนหลังเก่าสถานที่ซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ก่อนที่ท่านทั้งคู่จะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อรอรับลูกพี่ลูกน้องบุตรสาวของผู้เป็นอาซึ่งจะเป็นคนขับรถของเขากลับมา และขับไปจอดไว้ให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้งในวันที่เขาเดินทางกลับ เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศ
“มาตรงเวลาเป๊ะๆ เหมือนเดิมเลยนะ”
เสียงทักทายของนิศรา ปลุกชนะชนที่กำลังนั่งมองบ้านในความทรงจำหลังเก่าให้ตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มพึ่งขับรถมาจอดเทียบตรงหน้าประตูรั้วไม่ถึง 2 นาที แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วกับการได้เห็นสภาพบ้านที่ยังคงได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี รั้วอิฐและประตูรั้วเหล็กดัดทาสีใหม่ตามรอยเดิมจนสวยงาม เช่นเดียวกับตัวบ้าน 2 ชั้นทรงตะวันตก ส่วนต้นไม้ดอกไม้ก็มีการตัดแต่งดูแลเอาใจใส่ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ผิดเพี้ยน
“คงเพราะยังเช้าอยู่ รถไม่ติด เลยทำให้มาถึงตรงเวลามั้งครับ” ชายหนุ่มหันไปยิ้มรับลูกพี่ลูกน้องสาวซึ่งเปิดประตูรถขึ้นมานั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ และอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงขายาวสีดำ เตรียมพร้อมสำหรับการไปทำงานในเช้าวันใหม่
“ต่อให้รถติดยาวเหยียด 3 ชั่วโมง พี่ก็เห็นชนม์มาตรงเวลาทุกที” นิศรายิ้มล้อนิสัยประจำตัวของเขา จนชนะชนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ รับ เป็นโอกาสให้หญิงสาวได้พูดต่อ “นี่! แม่พี่แพ็คน้ำพริกฝากมาให้ด้วยนะ เผื่ออยู่ที่นั่นหลายวันจะคิดถึงอาหารไทยกัน” เธอพูดพลางอวดถุงผ้าปักลายช้างไทยในมือ
“ผมคงต้องฝากพี่นิดขอบคุณคุณอาไปก่อนแล้วล่ะครับ เช้าขนาดนี้จะเข้าไปเองก็ดูจะเป็นการรบกวนมากกว่า”
“ดูพูดเข้า พวกพี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวนชนม์มาตลอด ทุกคนรู้แล้วก็เข้าใจดีอยู่แล้ว รีบไปได้แล้วล่ะน่า เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก!”
คราวนี้ชนะชนเป็นฝ่ายยิ้มขบขันบ้าง เมื่อถูกนิศราดุเหมือนที่เธอดุน้องชายตัวแสบทั้ง 3 คนของเธอ ชายหนุ่มลอบมองบ้านแสนรักอีกครั้ง ก่อนจะขับรถออกไป ขณะที่นิศราลอบมองเขายิ้มๆ คำพูดที่เธอพูดทุกคำล้วนออกมาจากใจ
...ครอบครัวของเธอเป็นหนี้บุญคุณชนะชน เพราะทั้งที่ควรจะเป็นเขาที่ได้พักอาศัยอย่างสุขสบายในบ้านหลังนี้ แต่เขากลับเห็นแก่พวกเธอซึ่งตอนนั้นถูกเวนคืนที่ดินจากทางการ และกำลังเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถหาบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงานของทุกๆ คนเหมือนอย่างเช่นบ้านหลังเก่าได้ แน่นอนว่าครอบครัวใหญ่ของเธอทำให้บ้านหลังนี้คับแคบ เป็นเหตุให้ชนะชนต้องเก็บข้าวของออกมาอยู่คอนโดมิเนียมสร้างใหม่ใกล้ที่ทำงาน โดยปฏิเสธความคิดของใครต่อใครที่จะให้ตัดถางต้นไม้ดอกไม้บนพื้นที่กว่า 2 งาน ไว้ใช้สำหรับก่อสร้างบ้านอีกหลัง ด้วยเหตุผลที่อยากรักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยคุณตา ให้คงอยู่ในสภาพเดิมนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขับรถดีๆ นะครับพี่นิด คนเริ่มจะออกไปทำงานกันแล้ว” ชนะชนเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน หลังจากขับรถมาถึงอาคารผู้โดยสารขาออก สนามบินสุวรรณภูมิ และขนสัมภาระลงจากรถเรียบร้อยแล้ว
“จ้ะ ขอบใจที่เป็นห่วง ชนม์เองก็เดินทางปลอดภัยนะ” นิศรายิ้มให้ชนะชน แล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ก่อนที่รถจะค่อยๆ แล่นออกไป โดยมีสายตาของชนะชนมองตามหลัง พลางนิ่วหน้าครุ่นคิด
...จริงอยู่ที่ต้นตระกูลของคุณปู่สืบเชื้อสายมาจากชาวอาหรับ แต่ในบรรดาลูกหลานรุ่นหลังก็มีเพียงเขาและนิศราเท่านั้นที่ปรากฏยีนของบรรพบุรุษเมื่อหลายร้อยปีก่อนเด่นชัด นิศราเองก็เป็นสาวนัยน์ตากลมโต จมูกโด่ง ผมปล่อยยาวดำขลับเป็นเงางาม และเพราะอาชีพวิศวกรคุมไซต์งาน ทำให้ผิวของเธอคล้ำลงพอๆ กับเขา จนหลายคนเอ่ยปากแซวว่า ยิ่งดูยิ่งคล้ายพี่น้องท้องเดียวคลานตามกันมา
“คงไม่ใช่ว่า...” ชนะชนกำลังคิดว่า บางทีทั้งเขา นิศรา และผู้หญิงในฝัน อาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน ในเมื่อเธอคนนั้นก็มีส่วนละม้ายคล้ายชาวอาหรับ ชื่อ ‘มิรา’ ของเธอก็เป็นภาษาอียิปต์โบราณ รวมทั้งการแต่งกายก็เป็นแบบชนชั้นสูงในยุคที่ฟาโรห์เป็นจักรพรรดิ แน่นอนว่าการที่เขาเพียรพยายามศึกษาค้นคว้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับอาณาจักรอียิปต์โบราณ ก็มีสาเหตุมาจาก ‘เธอ’ อีกเช่นกัน
“คิดมากไปเองมั้ง” ชายหนุ่มสลัดหน้าไล่ความคิดเหล่านั้น แล้วลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ตรงไปยังจุดนัดพบซึ่งผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี หัวหน้าคณะในการเดินทางในครั้งนี้ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
...วันนี้ชนะชนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีคราม กางเกงขายาวสีดำ คาดเข็มขัดหนัง และสวมรองเท้าหนังสีดำมันวับ เข้ากับกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลข้างตัว ท่าทางขรึมๆ หากแต่แลดูสง่างาม ยิ่งเสริมให้เขาโดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนภายในสนามบิน สะดุดตาคนที่กำลังรอคอยเขาโดยไม่ต้องกวาดตามองหา
“เฮ้! ชนม์ๆ” ใครคนหนึ่งเรียกพลางโบกมือพลาง กระทั่งชนะชนม์หันไปเห็นและเดินยิ้มเข้าไปหา
“ผอ.มาเช้าจังครับ” ชนะชนยกมือไหว้ผู้อาวุโสร่างท้วม ผมบาง ท่าทางใจดี ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี ซึ่งยืนยิ้มยู่ข้างๆ เจ้าของเสียงเรียกเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กของชนะชน
“พอดีรถเสียกะทันหัน ก็เลยขอติดรถจตุรงค์มาด้วย แต่แหม...” ผอ.สำนักโบราณคดีซึ่งอยู่ในชุดสูทสากลเต็มยศ ตอบพลางปาดเหงื่อบนใบหน้า
“ฉันเห็นว่าป๋ารีบ ก็เลยให้เจ้าเจนจบเป็นคนมาส่งน่ะ” จตุรงค์เจ้าของนัยน์ตาคม จมูกโด่งอย่างลูกครึ่งอาหรับ กับผิวสีแทนจากการจงใจอาบแดดเสริมหล่อ ผู้ถูก ‘ป๋า’ ผอ.สำนักโบราณคดีพาดพิงถึง ขยายความหน้าระรื่น
“น้องสุดท้องตีนผีประจำบ้านเลยล่ะครับ ผอ.” ชนะชนหันไปบอกผู้อาวุโสพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ ตาชำเลืองมองจตุรงค์ จะว่าไปคนที่ยีนลูกครึ่งเด่นชัดผิดพี่ผิดน้องก็ยังมีหมอนี่อีกคน แต่เขากลับลืมนึกถึงไปซะได้
“มิน่า ขับทีหัวใจแทบวาย” คนเป็นผอ.ส่ายหน้าพลางปาดเหงื่ออีกรอบ เมื่อนึกถึงลีลาการขับปาดซ้ายปาดขวาของโชเฟอร์
“จะว่าไปเจ๊แหม่มไปนานจังนะครับเนี่ย” จตุรงค์เปลี่ยนเรื่อง ด้วยการทำทีเป็นมองหาผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้อาวุโสรองจากหัวหน้าคณะ ซึ่งออกไปรับสมาชิกอีก 2 คนที่มีเค้าว่าจะเดินหลงอยู่ภายในสนามบิน
“คงยังหาเด็ก 2 คนนั้นไม่เจอล่ะมั้ง สนามบินตั้งกว้างนี่” ผอ.สำนักโบราณคดีตอบ และพลอยกวาดตามองหาไปด้วยอีกคน
“ก็ผมบอกแล้วว่าผมจะออกไปรับให้ เจ๊แหม่มก็ไม่เอา”
“ตุ อย่าไปเรียกเจ๊ เรียกป๋าต่อหน้าเจ้าหน้าที่คนอื่นเขานะ เดี๋ยวเขาก็เอาไปเรียกตามกันหมด มันไม่ดีรู้หรือเปล่า” ชนะชนเอ่ยเตือนเพื่อนสนิท
“คุณหัวหน้าเองก็เลิกเรียกผม ตุ สักทีสิครับ ผมก็บอกแล้วว่าให้เรียกรงค์” จตุรงค์ย้อนงอนๆ
“ครับ ทราบแล้วล่ะครับว่ากลัวสาวๆ เมิน คุณเพื่อนก็เลิกเรียกผมหัวหน้า นอกเวลางานเสียทีสิครับ” ชนะชนยิ้มขำท่าทางของจตุรงค์
“ครับ ทราบเหมือนกันแหละครับว่า กลัวสาวๆ จะรุมตอมเพราะตำแหน่ง” จตุรงค์ดักคอกลับอย่างเพื่อนสนิทที่ต่างรู้ทันกัน จนแม้แต่ผู้อาวุโสอย่างผอ.สำนักโบราณคดียังอดอมยิ้มไม่ได้
“โอ... มากันครบแล้วหรือคะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอค่ะ” ผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ฉายา ‘เจ๊แหม่ม’ เจ้าของสรีระอ้วนเตี้ย ในชุดเสื้อลูกไม้แขนยาว กระโปรงบาน รองเท้าคัทชูสีหวาน และสวมหมวกปีกบานติดดอกไม้ คล้ายหลุดออกมาจากยุคจอมพล.ป พิบูลสงคราม เดินนำหญิงสาว 2 คนเข้ามาตรงที่พวกชนะชนยืนอยู่ นั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงัก
...ไม่ใช่เพราะลีลาการเลือกเครื่องแต่งกายของเจ๊แหม่ม แต่เป็นหญิงสาว 1 ใน 2 คนซึ่งเดินตามหลังมา และใบหน้าถอดแบบ ‘ มิรา ’ ผู้หญิงในความฝันของเขาออกมาราวกับพิมพ์เดียวกัน
จากยมทูตสู่หัวหน้าแก๊งมาเฟีย ผู้วางแผนยึดครองกะลาแลนด์ด้วยอำนาจแห่งความกาว ภาคต่อของเมื่อผมตาย... แล้วกลายเป็นยมทูต ที่ไม่จำเป็นต้องอ่านต่อกัน
เขาคืออดีตมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงแสนแพงใน กทม. และวันนี้เขากลับมายังประเทศไทยในฐานะ... ยมทูต!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับการก่อตัวขึ้นของระเบิดเพลิงลูกมโหฬารตระการตา แบบที่ดาวเหนือไม่มีโอกาสจะได้พบเห็นง่ายๆ ในชีวิตการเป็นมนุษย์ ทำเอาหนุ่มน้อยถึงกับวิ่งสี่คูณร้อยหนีตายเอาชีวิตรอด ราวกับหลงลืมว่าตัวเองเป็นยมทูต และตายไปนานแล้ว "กลับมานี่เด็กใหม่ เอาเหยื่อนั่นไปส่งสูทแดงซะ!"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
"พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน ""เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก"" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง ""ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า""" พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน "เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง "ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า"
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY