การไม่ต้องพบเจอกันเป็นเรื่องดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเพิ่มความทรงจำ เพราะคนที่จำ เจ็บเสมอ...
การไม่ต้องพบเจอกันเป็นเรื่องดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเพิ่มความทรงจำ เพราะคนที่จำ เจ็บเสมอ...
รัมภาดาในชุดเจ้าสาวเปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกจากตัวรถ ร่างเล็กเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ก่อสร้างใกล้จะเสร็จในอีกไม่ช้า แล้วมันก็กำลังจะกลายเป็นเรือนหอของเธอ...
ดวงตากลมโตจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างสูงสามชั้นนั้นแล้วกัดฟันกรอด รวบชายกระโปรงสีขาวที่ยาวเฟื้อยขึ้นสูงเพื่อจะได้เดินถนัด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน
“ฉันมาแล้ว... ต้องการอะไรก็บอกมา...” หญิงสาวกดสวิตช์เปิดไฟจนด้านล่างของบ้านสว่างโร่ สายตากวาดมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เธอจึงมองขึ้นไปยังชั้นบนที่ยังมืดสลัว แล้วตะโกนเรียกหาใครบางคนอีกครั้ง
“แกอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่มีเวลาเล่นตลกกับแกมากนักหรอก ไอ้เศษสวะ” แต่ทุกอย่างยังเงียบสงัด ประหนึ่งว่าเธอกำลังอยู่เดียวดายในบ้านหลังใหญ่ และใครคนที่นัดพบกับเธอนั้น เขาไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง
รัมภาดายิ่งออกอาการโกรธจัด กระทืบเท้าขึ้นบันไดไปยังด้านบน ไล่เปิดไฟทุกดวง ส่งเสียงก่นด่าเกรี้ยวกราด และเดินไปทั่วด้วยความร้อนใจ จนรู้สึกเหนื่อย... แต่ไม่มีอะไรตอบสนองกลับมาเลย ทำให้หญิงสาวคิดว่าตัวเองคงกำลังถูกปั่นหัวเข้าให้เสียแล้ว มันทำให้เธอยิ่งเป็นฟืนเป็นไฟ
“ไอ้สารเลว... มันหลอกเรา เสียเวลาจริงๆ” คิดได้ดังนั้นเธอก็ไม่นึกอยากจะขึ้นไปสำรวจยังชั้นสามของบ้านต่อ แต่ตัดสินใจเดินลงบันไดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด โดยไม่ได้ปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว
สองมือเล็กผลักประตูบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่มันกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย นั่นทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ และออกแรงผลักอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น... ทำไมประตูเปิดไม่ออก” คราวนี้เธอลองใช้กำปั้นทุบจนเจ็บมือทั้งสองข้าง แต่ก็ยังไม่ได้ผล ดรุณีน้อยเริ่มหวั่นใจ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่เรื่องปกติเสียแล้ว เหมือนกับมีใครล็อกประตูบ้านจากด้านนอก ทำให้ไม่สามารถเปิดออกได้
“แกใช่ไหมไอ้บ้า... เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ เปิดเดี๋ยวนี้!” รัมภาดาตะโกนลั่น แต่ก็ยังคงได้ยินเพียงเสียงของตัวเอง เธอเริ่มเครียดกับสงครามประสาทของอีกฝ่าย
“กระเป๋ากับโทรศัพท์ก็อยู่ในรถ โธ่เอ๊ย...” เพราะความใจร้อนทำให้ตอนออกจากรถมาเธอไม่ได้หยิบอะไรติดมือมาด้วยเลย และคิดว่าทุกอย่างคงจะจบง่ายๆ เพียงแค่การเจรจาเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว คนที่นัดเธอมากำลังยั่วโมโหให้เธอเป็นบ้า
โครม!
“กรี๊ด!” แล้วจู่ๆ ของบางอย่างจากชั้นบนก็ล้มลงกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นติดๆ กันหลายครั้ง รัมภาดาเต้นเร่า กรีดร้องอยู่ตรงหน้าประตูบานนั้นด้วยความตกใจและตื่นกลัว... ใช่... ตอนนี้เธอกลัวจนหายใจแรงและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้วยไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์บ้าๆ อย่างนี้เกิดขึ้น
“แกจะทำอะไร... อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ ออกมาสิ... ออกมาคุยกัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของแกนะ” สายตาหวาดหวั่นมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง สองมือกอดตัวเองเอาไว้โดยอัตโนมัติ ตามสัญชาตญาณของคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ
เธอลองผลักประตูอีกครั้ง เมื่อยังไม่ได้ผล หญิงสาวจึงตัดสินใจวิ่งกลับขึ้นไปบนชั้นสอง เพราะลนลานจนทำอะไรไม่ถูก คิดว่าหากขึ้นไปหลบในห้องคงจะปลอดภัยกว่าอยู่ในตัวบ้านโล่งๆ แบบนี้ แต่แล้ว...
“กรี๊ด!”
ไฟทุกดวงพลันดับพรึ่บลงเมื่อเธอพ้นบันไดขึ้นไปถึงชั้นสองของบ้านอย่างที่ตั้งใจ หญิงสาวนั่งทรุดลงกับพื้นด้วยความตกใจกลัว ก่อนจะรีบรวบรวมสติเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ไปให้ได้
กึก... กึก... กึก...
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา หญิงสาวหันกลับไปมองและหยุดชะงัก ในตอนนี้เธอไม่ควรเปิดเผยตัว ไม่ควรอยากพบกับใครแล้ว ต่อให้มีความจำเป็นแค่ไหนก็ตาม เพราะอีกฝ่ายอาจตลบหลัง คิดปองร้ายเธออยู่ก็ได้ ถึงได้สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายมากกว่าจะเป็นผู้ต่อรอง...
รัมภาดาพอจะจำได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงจุดไหน ก็รีบคลำหาตู้โชว์ใบใหญ่แล้วค่อยๆ เดินย่องไปนั่งหลบอยู่หลังตู้ใบนั้น นึกโกรธตัวเองที่รีบร้อนออกจากโรงแรมมา ทั้งที่กำลังลองชุดแต่งงานครั้งสุดท้ายยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดอาจทำให้งานแต่งวันพรุ่งนี้มีปัญหาได้ จึงอยากเคลียร์ให้จบๆ ไป
เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของไอ้คนสารเลวคนนี้ ก็อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับครอบครัวของเธอได้หากทำนิ่งเฉย... แล้วสักวัน เธอจะต้องกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยเสียดแทงใจให้กลัดหนองนี้ออกจากชีวิตให้ได้
แต่เธอคงคิดง่ายเกินไปว่าเรื่องจะจบลงด้วยการจ่ายเงิน ดูเหมือน ‘มัน’ จะต้องการมากกว่านั้น ถึงได้พยายามทำให้เธอกลัว และมันก็ได้ผล ตอนนี้จิตใจของเธอสั่นคลอนไปหมด
บ้านทั้งหลังมืดมิด ประตูบ้านถูกปิดจากด้านนอกจนเธอไม่สามารถหาทางออกไปได้ โทรศัพท์ก็อยู่ในรถ ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใคร ทุกอย่างประจวบเหมาะราวกับถูกวางแผนเอาไว้ ในตอนนี้ที่ทำได้ก็คือต้องซ่อนตัวให้รอดพ้นไปจนถึงวันพรุ่ง หรือจนกว่าจะติดต่อใครได้สักคน
เสียงฝีเท้านั้นเดินผ่านไปแล้ว และ ‘มัน’ ก็กำลังตามหาตัวเธออยู่
ต้องรอ... บอกกับตัวเองให้ใจเย็นๆ ในบ้านหลังใหญ่ที่มืดสลัวทุกทิศทาง อีกฝ่ายก็คงมีปัญหากับการมองเห็นเช่นกัน เพียงซ่อนตัวไม่ให้ถูกพบจนกว่าจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้ ทุกอย่างก็เรียบร้อย รัมภาดา... ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี... “โทรศัพท์...” เธอพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าซึ่งแน่ใจว่ามาจากโทรศัพท์มือถือของเธอเอง “เป็นไปได้ยังไง ก็เราวางไว้ในรถ...” เธอไม่ได้หลงลืมไปแน่ๆ จนกระทั่งเสียงนั้นเงียบไปแล้ว หญิงสาวก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมจนแน่ใจว่าเสียงเดินของผู้บุกรุกหายลับไปทางอื่นแล้ว จึงลุกย่อง ค่อยๆ คลำทางไปยังห้องนอนอันเป็นที่มาของเสียง ก่อนจะเปิดประตูแล้วรีบมองหา พยายามคิดในแง่ดีว่าคนงานที่มาทำบ้านอาจลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ของใคร มันก็เป็นทางรอดของเธอในเวลานี้
“อยู่ตรงไหนกันนะ...” ขณะนั้นเสียงโทรเข้าก็ดังขึ้นอีก เธอกวาดสายตามองไปตามเสียง “ตรงนั้นเอง ที่ระเบียง...” ร้องออกมาด้วยความดีใจ แล้วรีบก้าวเดินตรงไปยังอุปกรณ์สื่อสารที่เป็นที่มาของเสียง
ยังไม่ทันถึงที่ ทันใดนั้นลมก็พัดโชยเข้ามากระทบผิวเนื้อจนเย็นเฉียบ ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวชะงักเล็กน้อย เพราะสิ่งทำให้เธอแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าทำไมประตูระเบียงห้องนอนถึงเปิดค้างอยู่ แต่เป็นเพราะโทรศัพท์ที่วางอยู่บนพื้นระเบียงเครื่องนั้นเป็นโทรศัพท์ของรัมภาดาจริงๆ
ทำไมมันจึงไปอยู่ที่นั่นได้...
หญิงสาวไม่มีเวลาจะสงสัยอีกต่อไป สองเท้ารีบก้าวตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอยังส่องแสงสว่างวาบ พร้อมกับเสียงเรียกเข้าที่บรรเลงอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อได้เห็นเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่บนนั้น ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกโพลง ก่อนสัญชาตญาณจะสั่งให้หันหลังกลับไปมองเงาร่างของคนที่มายืนซ้อนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“แก! ไอ้...”
ตุ้บ!
แรงปะทะที่หนักหน่วง กระแทกเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ในหัวของรัมภาดาอึงอลไปหมด ก่อนจะรู้สึกตัวว่าร่างกายของเธอกำลังพลิกหงายไปทางด้านหลัง
“กรี๊ด!”
ในค่ำคืนอันมืดมิด... เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีดดังก้องอยู่กลางอากาศเวิ้งว้าง ร่างในชุดเจ้าสาวลอยละลิ่วลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ก่อนจะกระตุกสองสามครั้งด้วยความเจ็บปวดแล้วแน่นิ่งไป ปล่อยให้เลือดค่อยๆ ไหลออกมานองพื้น จนชุดแต่งงานสีขาวเปรอะเปื้อนเป็นสีแดงฉาน ไม่มีโอกาสได้สวมใส่มันอีกครั้ง ในวันสำคัญที่แท้จริง ตลอดกาล...
"ไสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนนึงได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวทะมึงถึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นาๆ ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก....
"รัก" คำที่ไร้ซึ่งตัวตนไม่สามารถจับต้องได้แต่กลับสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับทุกคนที่หลงเข้าสู่ห้วงวังวนนั้น ไม่ได้ต่างจากเธอ หญิงสาวซึ่งถูกลวงล่อผูกมัดให้หลงอยู่กับความงดงามเพริดแพร้วหฤหรรษ์ โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านของมันที่มืดมิดทมิฬและเต็มไปด้วยการทำลายล้างจะเผาผลาญเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลีในวันหนึ่ง... เมื่อปฐมบทแห่งการล้างแค้นเปิดฉากขึ้น ความรักอันสวยหรูหวานล้ำ เสน่หาที่ตรึงใจไว้กับร่างกายซึ่งเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเพียงมายาที่ไร้ซึ่งความความจริงใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวจึงมาเยือน "อรุโณรีย์ วรวงค์นุเดช" หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เพราะเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกชายหนุ่มรูปงามนามทอเลเมียส นิโคไลคัส หลอกใช้เป็นเครื่องมือให้คอยประหัตประหารบิดาของเธอเอง ท่ามกลางความพยาบาทที่ร้อนระอุ แม้แต่เสน่หาที่เคยเพียรป้อนให้กันก็ไม่สามารถดับกระหายความแค้นที่ทับถมอยู่ในใจของชายหนุ่มให้บรรเทาเจือจาง
ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ
เนื้อทองเป็นกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ พออายุได้สามขวบพ่อก็พาเข้ามาทำงานที่ไร่ของนายจ้างเก่าซึ่งผันตัวเองจากผู้รับเหมามาทำปลูกผลไม้ปลูกพืชเกตษรส่งออก เด็กสาวถูกเลี้ยงดูโดยผู้ชายตัวโตๆ ก็คือพ่อเพียงลำพัง ได้รับความเมตตาจาก 'นายใหญ่' และ 'นายผู้หญิง' เป็นอย่างดีเพราะเป็นเด็กฉลาด ช่างพูด พออายุได้หกขวบเจ้าของไร่ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ อัศเวทย์หรือนายแทนลูกชายคนเดียวจึงต้องกลับมาจากเมืองนอกกลางคันทั้งที่ยังเรียนไม่จบเพื่อสานต่อความตั้งใจของบิดามารดา ดูแลไร่แห่งนี้ในฐานะเจ้าของไร่คนใหม่อย่างเต็มตัว เนื้อทองเติบโตมาท่ามกลางสังคมของชาวไร่ชาวสวนที่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ หล่อนจึงไม่ใคร่เรียบร้อยนัก กะโหลกแก่นแก้ว แต่ก็มีความอดทนสูงเหมือนพ่อ หล่อนเรียนรู้ทุกอย่างมาจากผู้ให้กำเนิด จนกระทั่งเมื่ออายุได้สิบสองปี พ่อก็พาหล่อนระหกระเหินไปยังถิ่นฐานอื่นอีกครั้ง เนื้อทองไม่อยากจากไร่ ไม่อยากจากทุกคนที่หล่อนรักไปเลย แต่ก็จำใจต้องตามบิดาที่มีเหตุผลส่วนตัวในการจากไปหนนั้น แต่แล้วหกปีต่อมา 'นายแทน' ก็ตามหาตัวหล่อนและพ่อให้กลับมาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าคนงานอีกครั้ง ...พ่อก็ยอมเพื่ออนาคตของหล่อน กลับมาคราวนี้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป นายแทนแต่งงานกับอดีตพยาบาลสาวสวยชื่อพี่หม่อน พี่สาวใจดีที่นิสัยต่างจากนายราวฟ้ากับเหว พี่หม่อน...คือนางฟ้าแสนดีสำหรับเนื้อทอง แต่พี่หม่อนสุขภาพไม่ค่อยดีนายจึงหวงและเป็นห่วงมาก นายรักพี่หม่อน พี่หม่อนก็รักนาย ส่วนเนื้อทอง...เป็นเด็กที่สร้างแต่ความรำคาญหูรำคาญตาให้นายอยู่เสมอจนถูกดุอยู่ร่ำไป แต่ก็ได้พี่หม่อนคอยปกป้องเสมอ การมีพี่หม่อนเป็นช่วงชีวิตที่เนื้อทองรู้สึกมีความสุขที่สุด แต่ความสุขสำหรับหล่อนมันไม่เคยยั่งยืน วันหนึ่งพี่หม่อนก็จากไป...พร้อมๆ กับความเกลียดชังของนายแทนที่มีต่อหล่อนก็ได้ก่อตัวขึ้น เขาพร้อมที่จะทำลายหล่อนเพื่อบรรเทาความคับแค้นในใจอยู่ทุกเวลา... -------------- -------------- “ท้องไส้อยู่ไม่ใช่เหรอ ทำตัวเป็นลิงเป็นค่างให้ดีเถอะ ลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาเธอเดือดร้อนแน่เนื้อทอง” “...” หล่อนอ้าปากค้าง ใจเต้นระส่ำกับคำพูดของแทน เมื่อคืนหล่อนไม่ได้ถามหมอพงศ์ว่ามีใครบ้างที่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของหล่อนบ้าง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องหาคำตอบแล้ว เพราะนอกจากแทน...ก็ไม่มีใครน่ากังวลอีก หรือจะมีก็คงเป็นพ่อของหล่อน ซึ่งเนื้อทองยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อพ่อกลับมา “ถ้ารอดจากกระท่อมร้างท้ายสวนนั้นมาได้...ก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” แม้จะเป็นประโยคสั้นๆ แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความขมขื่นมากมาย ตลอดสามเดือนที่หล่อนต้องอดทนอยู่ที่นั่น มันเหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่งที่ถูกตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนหล่อนไม่ใช่คน... “...” แทนมองด้วยสายตาไม่พอใจนัก แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร “อีกอย่างนะคะนาย ลูกเป็นของเนื้อทองคนเดียวค่ะ” พูดจบหล่อนหันหลังให้เขาแล้วเดินออกจากไป แต่แทนก็คว้าต้นแขนรั้งเอาไว้เสียก่อน “ถึงจะไม่ได้นอนกับเธอแบบนับไม่ถ้วน แต่ฉันก็มั่นใจว่าที่ลูกไปอยู่ในท้องเธอได้เพราะฉันทำ และฉันไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นอย่าแม้แต่คิดทำอะไรโง่ๆ เพราะฉันไม่ยอมแน่”
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY