เพราะการแต่งงานนี้ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของเขา ทำให้ทะเบียนสมรสที่เธอนอนกอดอยู่มีกำหนดหมดอายุ! เธอมีเวลาในฐานะเมียของเขาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น คอยดูเถอะ..ในสามเดือนนี้เธอจะต้องขึ้นเตียงกับเขาให้ได้!
เพราะการแต่งงานนี้ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของเขา ทำให้ทะเบียนสมรสที่เธอนอนกอดอยู่มีกำหนดหมดอายุ! เธอมีเวลาในฐานะเมียของเขาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น คอยดูเถอะ..ในสามเดือนนี้เธอจะต้องขึ้นเตียงกับเขาให้ได้!
“แต่งงาน!” สองเสียงผสานกันด้วยความตกใจ
‘นนท์นธี’ ชายหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างหน้าตาดีวัยสามสิบ ทายาทเพียงคนเดียวของ ‘ไร่แสงตะวัน’ ตีหน้าเครียดขึ้นมาทันตา เขาหันไปมอง ‘หวานเย็น’ หญิงสาวที่อ่อนกว่าเขาห้าปี เธอแก่นแก้วและไม่ค่อยยอมคน แต่ก็เป็นที่เอ็นดูของทุกคนในไร่ หวานเย็นเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านที่สนิทกับครอบครัวของนนท์นธีมาตั้งแต่เล็ก ทั้งคู่จึงเปรียบเสมือนพี่ชายและน้องสาวที่เติบโตมาด้วย
หมายถึง...สำหรับนนท์นธีคนเดียวเท่านั้น
“ใช่แล้ว ตานนท์...หลานก็รู้ว่าย่าอยู่ได้อีกแค่สามเดือน อาการป่วยของย่าก็ทรุดลงเรื่อยๆ ย่าอยากเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงที่เพียบพร้อม”
‘คุณย่าเอื้องฟ้า’ คุณย่าของนนท์นธีเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับมือหลานชายเอาไว้ นนท์นธีอยากจะปฏิเสธแต่ก็หวั่นใจต่ออาการป่วยของคุณย่าเหลือเกิน
“ผู้หญิงคนนั้นก็คือหนูเหรอคะ”
หวานเย็นถามเสียงแจ๋ว เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยอาการที่แสดงถึงความดีอกดีใจจนปิดไม่มิด
จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร ในเมื่อนนท์นธีคือชายหนุ่มในฝันของสาวๆ ทั้งหมู่บ้าน แน่นอนว่ารวมตัวเธอเข้าไปด้วย หวานเย็นแอบรักนนท์นธีมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมแล้ว เธอตกหลุมรักในความใจดีแต่ก็สุขุมนุ่มลึกของเขา แม้ว่าระยะหลังมานี้เขาจะชอบตีตัวออกห่างเธอก็ตามที
“ใช่แล้วจ้ะ หวานเย็นที่ทั้งเรียบร้อย น่ารัก แล้วก็อ่อนหวาน ย่าคงสบายใจถ้านธีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีอย่างหนู”
“แหม คุณย่าล่ะก็ ชมหนูเกินไปแล้วนะ”
หวานเย็นบิดตัวด้วยความเขิน นนท์นธีแอบแค่นยิ้มไม่ให้ใครเห็นพลางมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สลับกับคำพูดที่คุณย่าพูดมาเมื่อครู่
เรียบร้อย...ผู้หญิงที่ไม่เคยใส่กระโปรงเลยนอกจากกระโปรงนักเรียนแถมยังปีนต้นไม้เร็วกว่าลิงแบบนี้น่ะหรือเรียบร้อย?
น่ารัก...กับหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าอายไลน์เนอร์เอาไว้เขียนขอบตาแต่กลับเอามาทาปากอย่างหวานเย็นไม่เหมาะกับคำนี้ที่สุดในโลกแล้ว
สุดท้าย...อ่อนหวาน...ล่าสุดเธอเพิ่งยกพวก (แก๊งเด็กวัดหลังบ้านของเธอ) ไปถล่มกับพวกนักเลงประจำหมู่บ้านจนเนื้อตัวเขียวช้ำไปหมด มองยังไงก็ห่างไกลกับคำว่าอ่อนหวานมากๆ นนท์นธีคิดในใจพลางส่ายหน้า
หากแต่คุณย่าของเขาก็ดูจะถูกใจแม่จอมแก่นคนนี้เสียเหลือเกิน ตั้งแต่เล็กจนโต ลองเขาได้ทำทีเป็นใจร้ายใส่หล่อนเมื่อไหร่ ขี้คร้านจะเป็นเขานี่แหละที่ถูกคุณย่าบ่น
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับคุณย่า”
เขาโต้แย้ง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่ยอมแต่งงานกับเด็กไม่รู้จักโตอย่างหวานเย็นแน่ๆ
“ก็เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ น่ะสิ ย่าถึงได้เลือกหวานเย็นมาเป็นเมีย เอ๊ย ไม่สิ เป็นเจ้าสาวของแก บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะกับแกเท่าหวานเย็นอีกแล้ว เชื่อย่าเถอะ”
“คุณย่าครับ...”
“หนูเชื่อค่ะๆๆๆ หนูเชื่อคุณย่าที่สุดในโลกเลย”
หวานเย็นเอ่ยแทรกขึ้น นนท์นธีหันไปทำตาเขียวใส่เธอ แต่มีหรือที่หญิงสาวจะสน เธอรีบแทรกเข้าไปกอดคุณย่าและเอ่ยรับปาก
“หนูจะทำตามที่คุณย่าพูดทุกอย่างเลยค่ะ เรื่องแต่งงานกับพี่นนท์ หนูก็จะแต่งให้ คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ”
“จริงหรือหวานเย็น หนูจะยอมเป็นเจ้าสาวของหลานย่าจริงๆ หรือ”
“จริงค่ะ คนอย่างหวานเย็น พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”
เธอยักคิ้วด้วยท่าทีแสนซน นนท์นธีถึงกับถอนหายใจชุดใหญ่ เขารีบดึงตัวเธอออกห่างจากคุณย่าเพื่อจะพูดเหตุผลของตัวเอง
“ผมไม่แต่งนะครับคุณย่า จะให้แต่งกับลิงทโมนแบบนี้น่ะหรือ ขออยู่เป็นโสดตลอดชีวิตดีกว่าครับ”
“ละ...ลิงทโมนเลยเหรอ พี่นนท์ใจร้าย! หวานไม่ใช่ลิงสักหน่อย”
“แค่เพราะเธอเรียนหนังสือได้ ไม่ได้แปลว่าเธอไม่ใช่ลิงหรอกนะ จำไว้”
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็เริ่มโกรธ เธอทำแก้มป่อง สองมือกอดอกแล้วเชิดหน้าหนีเขาไปอีกทาง แต่นนท์นธีไม่สนใจ เขาต้องการคุยกับคุณย่าให้จบ
“แปลว่าตานนท์จะไม่ทำตามที่ย่าบอกงั้นรึ”
“ผมทำตามที่คุณย่าบอกได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้ครับ อย่างน้อยก็แค่เรื่องนี้ ให้ผมได้เลือกคู่ชีวิตเองเถอะนะครับ”
นนท์นธีอ้อนวอน เหตุผลหลักๆ ที่เขาไม่อยากแต่งงานกับหวานเย็นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องความรักเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเพราะ...เขามีหญิงสาวในดวงใจอยู่แล้ว หญิงสาวที่เขาคิดจะแต่งงานด้วย
“แกคงอยากเห็นย่าแก่ๆ คนนี้นอนตายตาไม่หลับสินะ”
“คุณย่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น...”
“ออกไป”
“คุณย่า...”
“ถ้าแกไม่ยอมแต่งงานกับหนูหวานเย็น แกก็ไม่ใช่หลานของฉันอีกต่อไป ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปเลย!”
คุณย่าเอื้องฟ้าตะโกนดังขึ้น หวานเย็นเห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงนนท์นธีออกมาจากห้องก่อนที่ความดันของคุณย่าจะพุ่งสูงทะลุเพดานห้องไปเสียก่อน
“ออกมาก่อนพี่นนท์ บอกให้ออกมาไงเล่า”
ในที่สุดหล่อนก็ทำสำเร็จ นนท์นธีถูกดึงออกมาจากห้องได้ หวานเย็นรีบปิดประตูห้องคุณย่าแล้วยืนกางแขนกางขาขวางเอาไว้
“ถอยไปยัยลิง”
“ไม่ถอย คุณย่ากำลังอารมณ์ร้อน พี่อย่าเพิ่งเข้าไปเลยน่า”
“แต่ฉันต้องคุยกับคุณย่าให้รู้เรื่อง ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่”
คำพูดที่ยืนยันอย่างหนักแน่นของเขาทำให้เธอหน้าเสียไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาปั้นหน้าทำตัวปกติ เธอรู้ดีว่านนท์นธีมีนิสัยอย่างไร ความสุขุมนุ่มลึกในตัวของเขามีมากพอๆ กับความดื้อรันหัวชนฝาไม่ยอมใครนั่นแหละ
“เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยตอนที่คุณย่าใจเย็นสิ พี่ก็รู้นิสัยคุณย่า อยากโดนเพ่นกบาลออกมาหรือไง อีกอย่าง...ที่คุณย่ามีความคิดแบบนี้ก็เพราะท่านยังไม่รู้ว่าพี่มีแฟนน่ะสิ” นนท์นธีชะงักเพราะคำพูดของหวานเย็น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อคิดหาหนทางที่ดีได้ สองมือของเขาจับไปที่บ่าของหญิงสาวแล้วเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะยัยลิง เธอทำให้ฉันคิดวิธีดีๆ ออกแล้ว”
“วิธีอะไรเหรอพี่”
“ฉันจะเข้ากรุงเทพฯ”
“เอ๋? ทำไมจู่ๆ ก็...”
“ฝากดูแลคุณย่าสักสองวันนะ ฉันจะไปพาหลานสะใภ้มาหาคุณย่า ท่านจะได้เลิกคิดเรื่องจับคู่ให้เธอกับฉันสักที”
นนท์นธีพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็รีบวิ่งลงบันไดไปด้วยสีหน้าดีใจที่หาทางแก้ปัญหาได้
คล้อยหลังชายหนุ่ม หวานเย็นค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นมองตามเขาตาละห้อย เธอรู้ดีแก่ใจว่าสำหรับเขาเธอเป็นได้แค่น้องสาวเท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน...
ความรักของเธอ...จะไม่มีวันส่งไปถึงเขาอย่างแน่นอน
“คนบ้า ฉันน่ะ...โตเป็นสาวแล้วนะ”
แฟนไม่นอกใจคือลาภอันประเสริฐของหญิงสาว และฉันคือหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้น...ซะเมื่อไหร่! เขาไม่นอกใจแต่กลับนอกกายฉันเป็นว่าเล่น งานนี้ต้องเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ฉันต้องงัดทุกมารยาหญิงมาหยุดเขาให้ได้!
เพราะติดใจความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เธอ...จึงกลายมาเป็นนางฟ้าของเขาในวันนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY