เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
บทที่ 1 มาเฟียหนุ่มซีนอล
ซีนอล ออตโตนี วัยสามสิบสามปี เจ้าพ่อมาเฟียแห่งลูมินัสลากูน เมืองแห่งทะเลสาบที่ส่องประกายราวกับแสงดาวยามค่ำคืน ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในพื้นที่นี้ ทุกการตัดสินใจของเขาคือกฎเหล็ก
ซีนอล ออตโตนี คือคำจำกัดความของ "ความสมบูรณ์แบบ" ในแบบฉบับชายหนุ่มอิตาลีผู้ทรงอำนาจและน่าหลงใหลจนใคร ๆ ที่ได้เห็นไม่อาจละสายตาได้
คนเราจะโชคดีทั้งทรัพย์สมบัติ อำนาจ และรูปสมบัติให้เป็นที่น่าอิจฉา เขามีร่างสูงใหญ่และสมส่วนอย่างน่าทึ่ง ความสูงที่ร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำให้เขาดูโดดเด่นเหนือทุกคน ดวงตาสีเทาที่ลึก และแค่ได้สบตาก็ทำให้รู้สึกเยือกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
แต่ทว่ากับพลิ้วไหวดุจผืนน้ำของทะเลสาบในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ ซีนอลสามารถสะกดใจทุกคนที่สบตาเข้าโดยตรง และยิ่งจมูกโด่งได้รูป คมชัดราวกับถูกแกะสลักจากหินอ่อน
กรามแข็งแรงที่เน้นอยู่ในกรอบหน้า รับกับมุมปากที่ยกขึ้นเพียงเล็กน้อย หากพิจารณาดี ๆ แล้วในรอยยิ้มหยักนั่น แฝงไปด้วยเสน่ห์อันตรายและความมั่นใจที่ไม่มีใครเทียบได้
รอยเคราที่ปรากฏบาง ๆ บนกรอบหน้าเพิ่มความลึกลับและความเป็นชายอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำสีผม เส้นผมสีดำสนิทของเขาเงางามและจัดทรงอย่างเนี้ยบ
เขาก้าวเข้ามาในห้องแห่งนี้ ทุกสายตาพุ่งเป้าไปที่เขาเป็นตาเดียวกัน
แม้ร่างหนาจะไม่ได้ใส่สูทสีเข้ม ๆ เหมือนเคย แค่เพียงเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำ ที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันประณีต ก็กินขาดบุรุษทุกคนที่อยู่ในห้องนี้
ไหล่กว้างผายตามหลักผู้ชายอกสามศอก หน้าอกที่มีมัดกล้ามเนื้ออย่าสมบูรณ์ บ่งบอกถึงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี
“สวัสดีครับคุณซีนอล เป็นเกียรติแก่ผับของเราครับ”
“วันนี้มีอะไรดี ๆ หรือ” เสียงของเขาที่ทุ้มนุ่มลึกและทรงพลัง ราวกับท่วงทำนองที่ผสานกันระหว่างความเย็นชากับความดึงดูดในเวลาเดียวกัน
“มีแน่นอนครับ ถ้าคุณได้เห็นหน้าของเธอละก็ อาจจะ”
“อย่าโม้มากนะ”
“ไม่มีแน่นอนครับ ผมพูดเรื่องจริงเสมอ” เปาโลเจ้าของผับที่อยู่ภายใต้การดูแลของซีนอล
เปาโลหันไปตบมือเรียกพนักงาน เครื่องดื่ม และอื่น ๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ ก็ถูกลำเลียงออกมาวางตรงหน้าเขา เปาโลผายมืออีกที สาว ๆ สวย ๆ กำลังจะดาหน้าเข้ามานั่ง
“ไม่... วันนี้ฉันอยากจะนั่งอย่างสงบ”
“อ้อ... ครับ ได้ครับคุณซีนอล” เปาโลหันไปสะบัดมือ สาว ๆ ทั้งหลายก็ถอนหายใจกันอย่างเสียดาย และพากันล่าถอยกลับไป
“ทุกคนก็ออกไปด้วย” เขาเอ่ยปากไล่ ทั้งเปาโล และบอดี้การ์ดของเขา
ดวงตาที่สะท้อนความอันตรายราวกับเสือดำที่เฝ้ามองเหยื่อจากเงามืด ความเย็นชาและห่างเหินที่เขาแสดงออก ทำเอาทุกคนขนลุกไปหมด
ซีนอลยกแก้ววิสกี้ขึ้นจรดริมฝีปาก และเทน้ำสีเหลืองอำพันเข้าไปในลำคอ
ใบหน้าของคุณปู่ลอเรนโซวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เรื่องที่ท่านเอ่ยกับเขาในวันนี้
ณ คฤหาสน์ของท่านลอเรนโซ
ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูงชัน เมื่อมองลงไปก็เห็น ลูมินัสลากูน
ทะเลสาบที่เปล่งประกายราวกับอัญมณีเมื่อต้องแสงจันทร์ ตัวคฤหาสน์ถูกออกแบบในสไตล์นีโอคลาสสิกที่งดงามและทรงอำนาจ ผนังหินอ่อนสีขาวสะอาดสะท้อนแสงอ่อน ๆ ยามค่ำคืน หน้าต่างกระจกทรงโค้งสูงเปิดรับลมเย็นจากทะเลสาป
สวนที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยไม้พุ่มตัดแต่งเป็นระเบียบ และน้ำพุหินอ่อนที่มีรูปปั้นเทพเจ้าโรมันตั้งอยู่กลางลานกว้าง เสียงน้ำไหลเพิ่มความสงบให้กับสถานที่แห่งนี้
รั้วเหล็กดัดลายวิจิตรทอดยาวปกป้องคฤหาสน์ดุจดั่งของล้ำค่าหายาก
ที่ระเบียงทอดยาวยื่นไปในทะเล เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นลูมินัสลากูนทั้งผืนก็ว่าได้ ในยามค่ำคืนนี้ แสงที่สาดส่องมาจากเมืองที่อยู่ในฝั่งตรงกันข้าม และแสงจันทร์ดวงกลมโต ที่สะท้อนบนผืนน้ำทำให้ที่นี่ดูราวกับภาพวาดในเทพนิยาย
ซีนอลถอนหายใจลึก ๆ และผินหน้าหันหนี ไม่มองหน้าของคุณปู่ของตนเอง ในสายตาของคุณปู่ลอเรนโซ ชายหนุ่มยังขาดบางสิ่ง... ความรักและความสุขที่แท้จริง
คุณลอเรนโซ ผู้เคยเดินทางชีวิตมาด้วยความแข็งกร้าวเช่นเดียวกับซีนอล ตระหนักดีว่า หากปราศจากคู่ครองที่จะคอยเติมเต็ม ชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ อาจกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
จู่ ๆ คุณปู่ลอเรนโซก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ "ซีนอล แกยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ที่ว่าแกน่ะจะสร้างโลกใบนี้ด้วยมือของตัวเอง อำนาจ ทรัพย์สินล้ำค่า รวมถึงที่ว่าทุกคนยำเกรง เฮ้อ... แต่แกเคยถามตัวเองไหมว่า สิ่งเหล่านั้นเติมเต็มชีวิตของหลานได้จริง ๆ หรือเปล่า?”
น้ำเสียงของชายชราที่ผมเป็นสีดอกเลาแล้ว เต็มไปด้วยความหนักแน่น ซีนอลหันกลับมา ก็พบดวงตาที่อ่อนโยน... แต่ใบหน้าของซีนอลก็ยังเย็นชา และไร้อารมณ์เหมือนเดิม
“ปู่หมายถึงอะไร”
คุณปู่กำลังจะขยับปาก เขาก็รีบยกมือห้ามเสียก่อน ก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ที่อยากจะให้ซีนอลหาผู้หญิงสักคนมาแนบกาย และรักเธอคนนั้นอย่างหมดหัวใจ
“ผมไม่ต้องการสิ่งที่เรียกว่าความรักนะครับ ความสุขของผมคือการได้ครอบครองทุกอย่างในมือ”
“เฮ๊ย! แล้วยังไง มันสุขจนแกน่ะ เคยได้เห็นหน้าของตัวเองในตอนนี้ไหม หน้าตาไม่มีแม้แต่รอยยิ้มน่ะ” อดที่จะว่าให้หลานชายไม่ได้
“รู้ไหมเรื่องเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ มันหายไปจากแกได้ หากมีใครสักคนทรยศหรือหักหลังแก แต่ว่าความรักที่แท้จริงน่ะนะ ไม่มีใครพรากไปจากแกได้...” ซีนอลทำหน้าปุ¬เลี่ยนๆ
คุณปู่ก็ได้แต่หัวเราะรวน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเศร้าหม่น ที่ท่านพูดออกไปแล้วแต่หลานชายไม่เชื่อ
"เอาเถอะ ๆ แกคิดว่าแกแข็งแกร่ง แต่จริง ๆ แล้ว แกน่ะน่าจะเป็นคนที่เปราะบางกว่าที่คิดนะ การมีใครสักคนที่รักอย่างไม่มีเงื่อนไขต่างหาก ที่จะทำให้แกรู้จักความแข็งแกร่งที่แท้จริง" ซีนอลเอาแต่ส่ายหน้า และถอนหายใจยาว ๆ เขายังกอดอก แล้วมองสบตากับคุณปู่
สักพักท่านก็ยักไหล่ แล้วมองออกไปยังทะเลสาบที่อยู่เบื้องหน้า
"ผมเห็นพ่อทำลายตัวเองเพราะความรัก ผมเห็นแม่ร้องไห้จนวันสุดท้ายของชีวิต ผมไม่เชื่อว่าความรักจะนำพาความสุขมาให้ มันมีแต่จะทำลายทุกสิ่ง"
คุณลอเรนโซชักสีหน้านิด ๆ แล้วหันมาวางมือลงบนไหล่ของหลานชาย
“ตอนนี้แกยังไม่เชื่อ แต่สักวันเมื่อความรักมันเข้าตา แล้วจะโงหัวไม่ขึ้น คนอย่างแกน่ะนะ ปู่เชื่อว่า ต้องคลั่งรักมาก ความรักที่แกเชื่อว่าเป็นตัวทำลายล้างนะ มันไม่จริงสักหน่อยซีนอล” ท่านยังแสดงอาการขบขันออกมา พร้อมกับจ้องมองหลานชายตาไม่กะพริบ
ซีนอลก็อยากจะเถียงเหมือนกัน แต่เขาก็ต้องนิ่งเสีย และนั่งนิ่ง ๆ รอฟังสิว่าคุณปู่จะพูดอะไรต่อไป
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด