ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
บทที่ 1 การพิสูจน์ตัวตน
เสียงหวีดหวิวของลมหนาวพัดผ่านเข้าไปในซอกหิน ท่ามกลางท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีเทาทึบ
หลินจิ่วเอ๋อร์ยืนอยู่ที่หน้าผา พลางกวาดสายตามองภูเขาที่ทอดยาวออกไปสุดสายตา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนและเหนื่อยล้า ราวกับมีความทรงจำบางอย่างที่ไม่ใช่ของตนเองกำลังก่อตัวขึ้น
นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ที่โลกโบราณแห่งนี้ หรือในร่างของหญิงที่ถูกสามีทอดทิ้ง นางเพียงจำได้ว่าในโลกปัจจุบัน นางเป็นผู้บริหารหญิงที่ทำงานในกรมททหาร มีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียน
ในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้... ภาพความทรงจำของหลิน-จิ่วเอ๋อร์ก็หลั่งไหลเข้ามา
ชีวิตที่เต็มไปด้วยการถูกปฏิเสธจากสามี การถูกเหยียดหยามจากคนในจวนแม่ทัพ และความหวังอันเลือนลางที่จะได้รับความรักจากชายที่ไม่เคยหันมามองนางเลย
“ทำไมชะตาชีวิตถึงต้องเล่นตลกเช่นนี้…” นางพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหดหู่ พลางกำมือแน่น
หลินจิ่วเอ๋อร์ในร่างปัจจุบันมองเงาสะท้อนของตนเองในสายน้ำ ความอ่อนแอและความทุกข์ใจ ที่อดีตท่านของร่างนี้สะสมมานานยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน
“หลินจิ่วเอ๋อร์คนนั้นอาจจะยอมรับโชคชะตาเช่นนี้... แต่ข้าไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”
นางหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก การเดินทางครั้งใหม่นี้ แม้ว่าจะยากลำบาก แต่นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับหลินจิ่วเอ๋อร์คนเดิม
นางสาบานว่าจะแก้ไขทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ถูกขีดไว้ และจะทำให้ซูเหยียนหันมามองเห็นคุณค่าของตน
เวลาล่วงเลยผ่านไป
ในจวนแม่ทัพตระกูลซู ความเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาของผู้คนในบ้าน ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลินจิ่วเอ๋อร์เป็นเพียงภรรยาที่สองที่ไม่มีค่าในสายตาของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่
นางนั่งอยู่ในห้องพักของตน สายตามองออกไปยังสวนที่อยู่ภายนอก ขณะเดียวกันความคิดมากมายก็วิ่งผ่านในหัว นางรู้ว่าหากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตในโลกนี้ นางต้องเริ่มจากการวางแผนอย่างรอบคอบ
“ซูเหยียน... ท่านจะไม่ยอมรับข้า แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกละเลยอีกต่อไป” นางพูดด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะรู้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงใจของท่านแม่ทัพที่ไม่เคยสนใจตน แต่นางจะไม่ยอมแพ้
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องผ่านทางเดินยาวที่ทอดไปสู่ห้องโถง แม่ทัพซูเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจทหาร แววตาของเขาคมกริบและเย็นชา เขาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการเคารพนับถือจากทหารและคนทั่วไป
แต่ในเรื่องส่วนตัว เขาไม่เคยสนใจหลินจิ่วเอ๋อร์ หรือให้คุณค่ากับภรรยาคนที่สองเลย เพราะนางเป็นลูกสาวของอำมาตย์หลินตู้ ที่มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ในสายตาของแม่ทัพซู คนอย่างอำมาตย์หลินทำงานด้วยปาก
พระราชทานสมรสฮูหยินแม่ทัพคนที่สอง โดยแม่ทัพซูได้รับลูกสาวคนโตของอำมาตย์หลินให้มาตบแต่ง แม้จะเป็นอนุภรรยาก็ยอม ซึ่งแม่ทัพซูเกลียดนัก การที่เอาลูกสาวมาผูกติดกับเขาเท่ากับว่า เพิ่มอำนาจให้กับอำมาตย์หลินไปอีกมาก
“ท่านแม่ทัพซูกลับมาแล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เป็นเสียงของเสี่ยวถิงถิง คนรับใช้สาวที่คอยรับใช้เขา และเป็นต้นห้องของฮูหยินซูเหม่ยลี่ ฮูหยินเอกของเขา
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ โดยไม่หันไปมอง เสี่ยวถิงถิงรีบหายตัวไปทันที เพราะต้องไปรายงานและสอพอนายหญิงของตน
ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านห้องของหลินจิ่วเอ๋อร์ สายตาของเขาก็เหลือบเห็นเงาร่างของนาง ที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง นางยังคงเหมือนเดิมสงบและเงียบเฉย
แต่วันนี้พอเขาได้สบตากับนาง ก็มีบางอย่างในแววตาของนางที่ต่างออกไป... ทำให้เขาชะงัก
เขาหันไปมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกที่เห็นแววตาแน่วแน่ของนางยังคงติดอยู่ในใจ
ในค่ำคืนนั้น หลินจิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กภายในห้อง สายตาจ้องมองไปยังแผนการที่นางวาดขึ้นมา บนกระดาษมีคำจารึกถึงการวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง
นางรู้ดีว่า... หากต้องการให้ซูเหยียนหันมามอง นางต้องพิสูจน์คุณค่าของตน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เริ่มที่การพยายามทำให้เขารักนางในทันที นางรู้ว่าแม่ทัพซูเหยียนเป็นคนที่มองเห็นคุณค่าจากความสามารถและความแข็งแกร่ง
ไม่ใช่ความงามหรือการอ้อนวอน นางจะใช้ความรู้จากโลกปัจจุบันมาเป็นประโยชน์ในการวางแผนทั้งในเรื่องการเมือง การค้าขาย และการทหาร เพื่อทำให้เขาเห็นว่านางไม่ใช่เพียงภรรยาที่ไร้ค่า
แต่ถ้าทำให้เขามองเห็นตนเองอยู่ในสายตาของเขาให้ได้ อีกอย่างความต้องการของนางนั้น หากทำสำเร็จ...
หลินจิ่วเอ๋อร์จะขอหย่า... กับท่านแม่ทัพซู
หลายวันต่อมา ในยามเช้าที่จวนแม่ทัพตระกูลซู ที่ห่างจากชายแดนของหลงซาน กับอีกสองแคว้น คือ... แคว้นถังหยุน และแคว้นซงเถา
หลินจิ่วเอ๋อร์เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำกิจวัตรที่เงียบสงบ นางพยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในโลกนี้ และเริ่มเรียนรู้รายละเอียดของบ้านเมืองที่แตกต่างไปจากยุคปัจจุบัน
ก่อนอื่นนางคิดว่า นางต้องรู้จักกับทุกคนในจวนแม่ทัพเสียก่อน ว่าใครดีกับนาง ใครร้ายกับนาง นางจะได้ระมัดระวังตัว
ในทุกย่างก้าวของนางต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ นางค่อย ๆ ทำความรู้จักกับผู้คนในจวนแม่ทัพ เริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบ่าวไพร่ และผู้ติดตามของแม่ทัพ นางวางแผนทุกอย่างอย่างระแวดระวัง เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
บ่าวไพร่ต่างเริ่มสงสัยในการเปลี่ยนแปลงของหลินจิ่วเอ๋อร์ บางคนเห็นว่า นางเริ่มมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น และไม่ได้พยายามอ้อนวอนสามีเหมือนแต่ก่อน
เพราะด้วยความเป็นบุตรสาวคนโตของอำมาตย์หลินตู้ ทำให้นางถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ตอนที่แม่ทัพซูได้รู้ว่าเป็นนาง เขายังไม่อยากจะเข้าใกล้
อนึ่งหลินจิ่วเอ๋อร์ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังชอบเล่นหูเล่นตาแพรวพราว ไม่มีจริตของลูกสาวของผู้รากมากดีเสียเลย ทำให้เขานึกคำปฏิเสธมากมาย แต่พอจะไปพูดดับฮ่องเต้ อำมาตย์หลินตู้ที่เก่งเรื่องวาทศิลป์ก็พูดดักทางแม่ทัพซูทุกทาง
ขนาดเขาบอกว่า แต่งงานกับเขาต้องไปอยู่ชายแดน...
หลินจิ่วเอ๋อร์ยังพร้อมที่จะมา เมื่อก่อนนางจะสู้รบและสร้างความรำคาญใจให้กับทั้งแม่ทัพซู และฮูหยินเอกซูเหม่ยลี่เสมอ จนอยากจะไล่นางออกไปจากชีวิตทั้งสองคน
ทว่าเหม่ยลี่ก็เป็นถึงบุตรสาวคนสุดท้องของราชครูถังเถียนหรง ทำให้เขาแทบกระดิกไม่ได้ ใจของแม่ทัพมีเมียทั้งที่ไม่ได้รักทั้งสองคน ทำให้อยู่กับพวกนางแบบไปวัน ๆ และเอาหูเอาตาของเขาไปติดกับงานในกองทัพอย่างเดียว
หลินจิ่วเอ๋อร์ตระหนักได้ เพราะความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับมาแล้ว
“ข้ารู้ดีว่าท่านแม่ทัพไม่สนใจข้าหรอก แต่สักวันหนึ่งท่านจะต้องหันมามองข้า” นางพึมพำกับตัวเอง พลางยิ้มเล็กน้อย
นางตั้งใจจะทำให้ชีวิตในโลกนี้เป็นไปในทิศทางที่นางต้องการ แม้ว่าเส้นทางนี้จะยากลำบากเพียงใดก็ตาม ในโลกปัจจุบันนางไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ดันมาเป็นเมียน้อย แบบนี้เสียชื่อจริง ๆ
เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY