เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
“ที่นี่นอกจากจะมีสัตว์อสูรมากแล้ว วัตถุดิบทำอาหารก็เยอะพอสมควรเลยนะเนี่ย” ฉินหลิวซีเดินเก็บวัตถุดิบพลางสำรวจเส้นทางไปด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดของเวลานี้คือการหาที่ค้างแรม
ฉินหลิวซีสำรวจเส้นทางโดยรอบจนกระทั่งพบเข้ากับถ้ำแห่งหนึ่ง
“ไม่เลวนี่ คืนนี้ใช้ที่นี่แล้วกัน” นางเดินเข้าไปและเริ่มก่อกองไฟไว้ใกล้ปากถ้ำ นำใบไม้ใบหญ้ามาปูทำที่นอนให้ตัวเอง
ฉินหลิวซีจัดการเตรียมพื้นที่ค้างแรมให้ตัวเองไปได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงกระบี่ฟาดฟันกันอยู่ด้านนอก
มองออกไปเห็นกลุ่มคนกำลังประมือกัน นางไม่ได้ใส่ใจ
แค่ระวังไม่ให้ลมจากการปะทะพัดมาจนกองไฟนางดับก็พอ หลังจากคนพวกนั้นไล่ตามกันไปไกลจากจุดที่นางอยู่ นางก็ออกมาสำรวจด้านนอก
กิจวัตรของนางน่าเบื่อหน่ายจึงไม่มีอะไรถ่ายทอดไปถึงฝั่งผู้ชม
โอ๊ะโอ ไม่นึกว่าข้าจะโชคดีเจอเหยื่อเร็วถึงเพียงนี้
เด็กหญิงกลิ้งตัวหลบเข้าไปในพุ่มไม้ทันทีที่เห็นเงาสัตว์อสูรตนหนึ่ง สายตาของนางเพ่งมองไปที่มัน สัตว์อสูรตนนั้นได้รับบาดเจ็บ ระดับของมันอยู่เพียงขั้นที่สอง คงจะโดนจอมยุทธ์คนอื่นเล่นงานมา ดูจากบาดแผลแล้วอย่างไรก็คงไม่รอด คงหนีมาไกลมากทีเดียวจึงได้มาหมดแรงอยู่ตรงนี้
ครั้งนี้คงต้องขอแก่นอสูรของแกไปละนะ
ฉินหลิวซีใช้มีดสั้นปลิดชีพมันในดาบเดียว ไม่ให้ต้องทรมานนาน ถึงนางจะต้องการใช้ประโยชน์จากมันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันทุรนทุรายก่อนจะตาย หลังจากได้แก่น
อสูรมานางก็เก็บไว้ในถุงเฉียนคุนก่อนจะเดินสำรวจเส้นทางอื่นต่อ
ป่าแห่งนี้สมชื่อกับการแข่งล่าสัตว์อสูร มีสัตว์อสูรระดับต่ำไปจนถึงสูงมากมาย ที่เดินมานี้นางก็ได้พบสัตว์อสูรหลายตัวแล้ว แต่พวกมันตัวเล็กจิ๋วและว่องไว นางยังจับไม่ทัน กระทั่งบังเอิญเจอสัตว์อสูรระดับหนึ่งสามตัว ฉินหลิวซีตาเป็นประกายวาววับ ด้วยระดับฝึกตนที่แข็งแกร่งขึ้นใช้เวลาเพียงไม่นานนางก็จัดการได้
ได้แก่นอสูรหนึ่งชิ้นก็เหมือนได้รางวัล แต่ก้มมองเสื้อผ้าตัวเองก็ต้องย่นคิ้ว ตัวนางเลอะคราบเลือดเสียจนสกปรกไปหมด ไหนจะฝุ่นดินที่ไปกลิ้งคลุกมาอีก
“เลอะเทอะอะไรขนาดนี้เนี่ย ข้านึกว่าตัวเองออกแรงไม่ได้มากขนาดนั้นแล้วเชียวนะ” ดูเหมือนว่านางจะยังกะแรงต่อระดับขั้นของสัตว์อสูรไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับมือกับพวกที่มีฝีมือกว่าตัวเองทั้งนั้น
“ให้ตายสิ ข้าน่าจะลองสำรวจดูอีกสักหน่อยก่อนจะหาถ้ำนะเนี่ย”
เด็กหญิงเดินต่อไปเพื่อหาแหล่งน้ำ กระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหลก็รีบมุ่งไปด้านหน้าตามทิศทางเสียง นางดีดตัวขึ้นบนกิ่งไม้ ยืนมองบริเวณโดยรอบจากมุมสูง แม่น้ำสายนี้มีขนาดเล็ก และที่ไกลออกไปไม่มากนักก็มองเห็นเป็นสระใหญ่น่าจะเป็นต้นน้ำของบริเวณนี้ พวกสัตว์และพวกจอมยุทธ์ที่เข้าแข่งขันคงจะไปที่นั่นกันมากกว่า แม่น้ำที่อยู่ไกลสายตานี้จึงปลอดคน
“ใช้ที่นี่ได้สินะ”
นางถอดชุดตัวนอกออกเหลือแต่ชุดซับด้านในแล้วลงไปล้างตัว ไหน ๆ แล้วก็ล้างคราบเลือดคราบฝุ่นที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าออกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องรอพวกมันแห้ง นางเปลี่ยนชุดเป็นชุดใหม่และนั่งก่อไฟใกล้แม่น้ำ
สิ่งที่นางเรียนรู้จากอาจารย์ถูกนำมาใช้ทั้งหมด
ฉินหลิวซีนำสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ถูกบดเป็นผงโรยไว้รอบ ๆ คุณสมบัติของมันคือช่วยขับไล่สัตว์อสูรไม่ให้เข้าใกล้บริเวณนี้ สูตรนี้นางคิดค้นขึ้นเองจากการเรียนรู้ที่ได้อาจารย์ช่วยพร่ำสอน ต่อให้เป็นสัตว์อสูรที่มีระดับสูงก็ได้ผลเช่นกัน
นางนำเนื้อที่พึ่งล่ามาได้ไม่นานออกมาทำอาหารกิน ถึงแม้กลางวันนางจะไม่ค่อยได้ออกแรงอะไรนอกจากล่าสัตว์ แต่กลางคืนก็ไม่ได้หมายความว่านางจะปลอดภัย ต้องมีจอมยุทธ์หลายกลุ่มที่เลือกเคลื่อนไหวตอนกลางคืนแน่
“พอเวลาจำกัดแล้วก็ทำอะไรได้ยุ่งยากจริง ๆ จะให้เวลาต้มเนื้อนานกว่านี้จนนุ่มหน่อยก็ไม่ได้”
นางบ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจ เนื้อหยาบ ๆ แบบนี้กินไปก็ไม่อร่อยเลย ถึงจะมีหลายครั้งที่ต้องทน แต่ใครบ้างจะอยากกินของไม่อร่อยไปเรื่อย ๆ หลังจากเสร็จการแข่งนี้นางจะทำอาหารชุดใหญ่ฉลองเลยเชียว น้องชายนางต้องได้กินเนื้อนุ่ม ๆ อาจารย์ต้องได้กินน้ำแกงรสดี
ข้าจะล่าให้ได้เยอะ ๆ และเก็บเงินให้ได้มาก ๆ !
ไม่ว่ายุคสมัยใดเงินก็เป็นสิ่งสำคัญราวกับพระเจ้า เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเงินชีวิตลำบากแน่
อาจเพราะน้ำแกงเปล่าทำพิษ นางจึงฝังใจต่อความยากจนนัก ถึงที่ผ่านมาเมื่อชีวิตที่แล้วนางจะไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดนี้...ไม่สิ นึกดูดี ๆ แล้วก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันเลย
ข้าต้องหาเงิน!
คิดไปด้วยใจมุ่งมั่นพลางแทะเนื้อติดกระดูกที่เหลืออยู่ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว อีกไม่นานรัตติกาลจะกลืนกินนภาอย่างแน่นอน นางจัดการถมกองไฟที่จุดไว้และใช้พลังธาตุไม้ในการสานเปลนอนอยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ
ฉินหลิวซีขึ้นไปแล้วใช้น้ำหนักขย่ม ดูแล้วแข็งแรงดีมากจึงได้เหวี่ยงตัวขึ้นไปนอน ท้องนางอิ่มแล้วถึงเวลาต้องพักผ่อน ความสงบเงียบยามค่ำคืนมิได้มีอยู่ที่นี่ เสียงคำรามสัตว์อสูรดังกึกก้องมาจากหลายทิศทาง บางพวกออกล่าตอนกลางคืนทั้งพวกจอมยุทธ์และสัตว์พวกนั้นเองก็เหมือนกัน มีการปะทะเกิดขึ้นหลายกลุ่ม
นางชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกางข่ายมนตร์ตามที่อาจารย์เคยสอนบริเวณที่นางอยู่ เป็นไปได้สูงว่านางจะถูกรบกวนตอนกลางคืนระหว่างหลับ ไม่คนก็สัตว์อย่างใดอย่างหนึ่ง หากเข้ามาตอนนางตื่นไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ถ้าหากเข้ามาตอนนางเผลอหลับไปแล้วละก็ได้มีคนเจ็บตัวแน่
เด็กหญิงใจลอยคล้อยหลับไปยามมองพระจันทร์เบื้องบน ล่วงเข้ายามดึกจากเสียงคำรามลั่นและกระบี่ฟาดฟันกันก็เงียบสงัด ฝีเท้าหลายคู่ย่างเข้ามาใกล้จนลํ้ำเข้ามาในเขตที่นางวางข่ายมนตร์เอาไว้ จับฝีเท้าดูดี ๆ แล้วพบว่ามากันสามคน
“กับเด็กก็จะลงมือด้วยรึ?”
“ข้าว่าความคิดนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“พวกเจ้าจะกลัวอะไรกันก็แค่เด็กคนเดียว”
“เด็กคนเดียวที่ลงแข่งขันลำพังได้ ข้าไม่คิดว่านางจะธรรมดาหรอก” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้นอย่างระแวง
“ถึงจะเก่งพอล้มสัตว์อสูรได้ แต่ก็คงไม่คณามือพวกเราหรอก นางอาจจะเข้ามาเก็บกวาดแค่สัตว์อสูรระดับต่ำเพื่อหาแก่นอสูรระดับล่างก็เป็นได้ ตัดคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ”
“เราลงมือกับพวกอ่อนแอคนอื่นก็ได้ไม่ใช่หรือ
พวกที่ตัวเท่ากันน่ะ” ในกลุ่มนั้นคนหนึ่งตัวสั่นตลอดเวลา
ทั้งขลาดกลัวและยังขี้ตกใจ เขามองซ้ายขวาสายตาล่อกแล่ก กลัวว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาตลบหลัง อีกคนก็เดินใจลอยยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นทีคนที่ตั้งใจจะมาเล่นงานฉินหลิวซีอย่างจริงจังจะมีแค่คนเดียว
“เจ้านี่มันปอดแหกจริง ๆ แค่เด็กคนเดียวก็กลัวเสียแล้ว”
“ข้าไม่ได้กลัวเด็ก ข้ากลัวความอำมหิตของเจ้ามากกว่า เด็กคนเดียวก็ลงมือได้ลงคอ”
“พูดมากเปลืองน้ำลาย หากไม่ทำก็ไสหัวไปให้พ้น!” เขาตวาดลั่นก่อนอีกสองคนจะพร้อมใจกันร้องชู่วบอกให้เงียบเสียงลง
ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็จับพลัดจับผลูลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีแต่ต้องลงมือไปตามคนที่แข็งแกร่งกว่า
ตอนแรกนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจจอมยุทธ์น้อย
แต่ตอนที่ฉินหลิวซีสำรวจถ้ำ พวกเขาก็บังเอิญเห็นนางใช้ถุงเฉียนคุน ตั้งแต่นั้นจึงได้แอบติดตามมา นอกจากนี้ฝีมือของนางก็โดดเด่นจนน่าใจหาย นางล้มสัตว์อสูรได้ แต่กลับไม่ยอมต่อสู้กับจอมยุทธ์ด้วยกัน ทำให้หนึ่งในกลุ่มนั้นคิดว่านางคงต่อสู้ไม่เก่งแค่ล่าสัตว์ได้โดดเด่นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะแย่งแก่นอสูรมาได้ก็ดูจะมากขึ้น
พวกเขาเห็นนางมีความสามารถ แต่ก็ดูแคลนว่านางเป็นเด็ก พวกเขาจึงคิดแย่งชิงแก่นอสูรจากนางรวมถึงของวิเศษอื่น ๆ ด้วย
พวกเขาจับกระบี่ในมือมั่น ดีดตัวขึ้นไปเหนือพื้น
หันคมกระบี่ลงเบื้องล่าง ตั้งใจสังหารนางอย่างไร้เมตตา กระบี่ปักลงบนวัตถุนั้นอย่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ พลันแผ่นหลังก็เย็นวาบราวกับถูกมัจจุราชจับจ้อง เขาพลิกตัวตั้งท่าป้องกัน เหล็กกระทบกันดังจนเกิดประกายไฟจากการเสียดสีอย่างรุนแรง
เคร้ง!
พริบตาที่แสงจันทร์สาดแสงลงมา จึงได้เห็นว่าตรงที่ตนปักกระบี่ลงไปเป็นแค่เปลไม้เปล่า ส่วนตัวคนทำเปลลอยอยู่เหนือพวกเขา
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็รู้สึกเจ็บที่สีข้าง รู้ตัวอีกทีก็มีเลือดไหลซึมออกมา พวกเขายังไม่ทันตั้งกระบวนท่าก็โดนกระบี่สั้นตัดเฉือนเข้าเนื้อไปหลายแผล ก่อนฝ่าเท้าของเด็กหญิงที่ตนปรามาสไว้จะทุ่มน้ำหนักลงมากลางหน้าท้อง พวกเขาเจ็บจุกจนหน้าถอดสีตกลงจากต้นไม้
อะไรกันเนี่ย เป็นผู้ใหญ่สามคนมารุมเด็กคนเดียว ทำให้ข้าบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผม พวกนี้น่าสมเพชเกินไปแล้ว
พวกมันยังไม่ทันตั้งตัวได้นางก็เตะซ้ำเข้าไปอีกคนละที เด็กหญิงตัวเบาโหวงราวกับเหินร่อนบนอากาศ เดินได้บนฟ้า ดั่งขนนกไร้น้ำหนัก มือหนึ่งถือกระบี่ร่อนลงไปตรงหน้า อัดลมปราณเข้ากระแทกหน้าอกจนคนหนึ่งกระอักเลือด
“สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดชัด ๆ นี่มันพละกำลังของมนุษย์แน่หรือ!” เขาตะเกียกตะกายวิ่งหนีไม่สนข้าวของที่หล่นไปจากตัว กรีดร้องเสียงหลงไปตลอดทาง
ฉินหลิวซีไม่ปล่อยให้เขาหนี นางพลิกกระบี่เขวี้ยงด้ามของมันมุ่งหน้าไปซัดอัดเข้าไปซ้ำจนด้ามจับกระแทกเข้ากับแผ่นหลังคนผู้นั้นจนล้มกลิ้งและสลบไปทันทีด้วยความผวาตกใจ
ชายสองคนมองนางด้วยสายตาหวาดกลัว แต่อีกคนก็ยังทำใจดีสู้เสือ
“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ออกไปให้พ้น!”
“ข้าไม่ได้อัญเชิญผู้ใดเข้ามา เป็นพวกท่านอาวุโสเองไม่ใช่หรือที่ตั้งใจจะลงมือกับข้า” นางเอ่ยเสียงเนิบช้าไม่รีบร้อนจัดการ
“เห็นข้าเป็นเด็กอย่างนี้ก็ไม่ได้ใจดีหรือใสซื่อหรอกนะ” คนแค่สามคนรับมือง่ายกว่าฝูงซอมบี้ตั้งมาก เจ้าพวกศพเดินได้พวกนั้นจึงจัดการได้ยุ่งยากกว่านี้เสียอีก พวกมันไม่มีสมองคิด จู่โจมเข้ามาอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง จุดมุ่งหมายเดียวคือแพร่เชื้อใส่คนอื่น พวกมันไม่สนวิธีการและไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดจึงทำให้รับมือได้ยาก
นางทนชีวิตแบบนั้นมาไม่รู้กี่ปีต่อปี มนุษย์สามคนที่มีวิชาปราณระดับพื้นฐานจะเอาชนะนางได้อย่างไร ต่อให้ร่างกายของฉินหลิวซีไร้พรสวรรค์ แต่เมื่อนางเติบโตขึ้นเป็นสาวเต็มตัว เรื่องธาตุไม้ในกายก็เป็นพลังให้นางได้แน่นอนอยู่แล้วไม่มีทางที่จะแพ้คนเหล่านี้ได้หรอก
เด็กหญิงจัดการเอาคืนคนเหล่านั้นและแย่งแก่นอสูรมา มัดพวกเขาแล้วผูกเอาไว้บนต้นไม้ รวมแล้วสิ่งที่ยึดมาได้คือแก่นอสูรระดับหนึ่งเจ็ดอัน แก่นอสูรระดับสามห้าอัน และแก่นอสูรก่อกำเนิดสามอัน
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY