เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
"ข้าจะเก็บสมุนไพรตรงนี้ พวกเจ้าไปหาฝั่งนู้นแล้วกันนะ" ลูกศิษย์สำนักคนหนึ่งเอ่ยบอกกับคนในกลุ่มตน
"ข้าเก็บตรงนี้เอง" ฉินหลิวซีก็เจอกอสมุนไพรหายากแล้วเช่นกัน
มีแต่หลี่เจิ้นหัวคนเดียวที่รู้ว่านางหาสมุนไพรได้เก่งแค่ไหน เขาไม่กลัวที่จะขอร้องนาง
"ฉินหลิวซี หน้าที่เก็บสมุนไพรคงต้องรบกวนเจ้าหนักหน่อยแล้ว"
"ข้ายินดีอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะเก็บให้ได้เยอะ ๆ เลย"
สหายคนอื่นยังไปได้ไม่ไกลจึงทันได้ยินสิ่งที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันท่านเจ้าสำนักเป็นผู้รับรองความสามารถนางด้วยตัวเอง แต่พวกเขายังไม่เคยเห็นจึงไม่รู้ว่านางโดดเด่นด้านไหนกันแน่ การสนทนานี้กลายเป็นสิ่งน่าสนใจสำหรับคนสำนักเซียนกระบี่ขึ้นมา
"นางเป็นนักปรุงยาหรือ" ศิษย์ผู้หนึ่งถามขึ้น
"นางเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดา ย่อมต้องเป็นผู้ใช้โอสถอยู่แล้ว"
ซุนเป่ยฉีเป็นผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยมีใครพบเจอ ลูกศิษย์รุ่นเยาว์ก็ไม่มีใครเคยคุยกับเขา การที่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเชี่ยวชาญอะไรไม่ใช่เรื่องแปลก เคยได้ฟังแต่คำบอกกล่าวจากอาจารย์ของตนเท่านั้น ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยแนะนำตัวให้มากความเพราะนางคิดว่าไม่น่าจะอยู่ที่นี่นาน สนิทสนมกับพวกเขาไปอีกเดี๋ยวก็ลืม
พิกัดเริ่มต้นแต่ละกลุ่มถูกส่งไปแบบสุ่ม หลังจากที่จัดการกับกอสมุนไพรที่บังเอิญพบแห่งแรกนั้นเสร็จพวกเขาก็เดินต่อไปทางทิศตะวันออก
ระหว่างทางนั้นฉินหลิวซีก็ยังเก็บสมุนไพรมาได้อีกหลายต้น เดินต่อมาได้อีกระยะหนึ่งก็พบเข้ากับกอสมุนไพรใหม่ อีกทั้งกอนี้ยังเป็นสมุนไพรที่มีอายุสิบปีขึ้นไปทั้งนั้นอีกด้วย เมื่อเห็นของหายากพวกเขาก็ตั้งท่าระแวดระวังทันที และยกหน้าที่เก็บสมุนไพรเหล่านี้ให้ฉินหลิวซีดูแล
ระหว่างที่กำลังเดินหาและเฝ้ายามไปด้วย หัวหน้ากลุ่มอย่างหลี่เจิ้นหัวก็ส่งสัญญาณมือให้พวกเขาหยุด ยังไม่ทันได้ถามคำตอบก็ดังลั่นมาจากข้างหน้า
"ส่งสมุนไพรในมือเจ้ามา!"
ผู้ใช้โอสถที่กำลังเก็บสมุนไพรอย่างขะมักเขม้นลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น มือหนึ่งจับด้ามกระบี่อ่อนของตนเอาไว้ ในมืออีกข้างยังเหลือต้นสมุนไพรที่พึ่งเก็บขึ้นมา
"พวกดาราจักรนี่เอง" หนึ่งในศิษย์ของสำนักเซียนกระบี่เอ่ยขึ้น
ฉินหลิวซีประเมินด้วยสายตาแล้วก็คิดว่านางคงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่มย่ามให้ศึกครั้งนี้ นางปล่อยมือจากด้ามกระบี่ของตนแล้วยกหน้าที่คุ้มกันให้หลี่เจิ้นหัว เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีเมินเฉยต่อตัวตนของพวกเขา ลูกศิษย์กลุ่มนั้นก็เข้ามาจู่โจมทันที
ดาราจักรมีความเร็วเป็นเลิศ พวกเขาเชี่ยวชาญการใช้กระบี่อ่อน ชำนาญศาสตร์การทายทักกับดวงดาว ต่อให้เป็นคนรูปร่างใหญ่โตจนดูเหมือนเชื่องช้า แต่ถ้าเป็นคนจากสำนักดาราจักรแล้วละก็ ให้ประเมินความเร็วเขาเอาไว้ระดับสูงได้เลย
ทั้งสองกลุ่มเข้าห้ำหั่นกัน เสียงกระบี่ฟาดฟันดังสะท้อนไปทั่ว ฉินหลิวซีปิดหูปิดตาไม่รับรู้ความวุ่นวายด้านหลังของตนเอง นางยังตั้งหน้าตั้งตาเก็บสมุนไพรต่อไป สมุนไพรอายุสิบปีเหล่านี้ต้องมีราคามากและนั่นย่อมส่งผลกับคะแนนในการประเมินด้วย
จำนวนคนของแต่ละฝ่ายต่างกันเพราะคนของดาราจักรตกรอบไปพอสมควรตั้งแต่เมื่อวาน มาวันนี้เลยเสียเปรียบด้านกำลังคนอย่างเห็นได้ชัด
"อย่าทำพวกเขารุนแรง ยั้งมือเอาไว้ด้วย"
หลี่เจิ้นหัวไม่อยากทำร้ายคู่ต่อสู้หนักมือ แต่ฉินหลิวซีมีทางเลือกที่ดีกว่า
"ทำให้พวกเขาสลบแล้วทำลายป้ายชื่อเสียก็จบแล้ว" หลังจากที่เก็บสมุนไพรกอนั้นเสร็จนางก็มายืนข้างหลังกลุ่ม ประโยคนั้นของนางทำให้ฝ่ายตรงข้ามหน้าซีด ที่ผ่านมายังต่อกรกันได้เป็นเพราะพวกเขาออมมือให้หรอกหรือ
"แต่ว่า..."
"อย่างไรก็ต้องหาทางทำลายป้ายชื่อเพื่อให้ได้คะแนน เจ้าคงไม่คิดว่าจะถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ รอพวกเขาหมดแรงเองหรอกใช่ไหม นี่คือการแข่งนะ"
ถึงแม้การแข่งนี้นางจะมาโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้เตรียมตัวก่อน แต่เรื่องอะไรนางต้องแพ้
ด้วยสายตามุ่งมั่นของนางทำให้คนอื่น ๆ ในกลุ่มเริ่มคล้อยตาม พวกเขาหันไปมองหลี่เจิ้นหัวที่เป็นหัวหน้า สุดท้ายเขาก็เห็นด้วยว่าความคิดนั้นถูกต้อง
เมื่อผู้นำส่งสัญญาณอนุญาตคนในกลุ่มก็เริ่มลงมือทันที ไม่กี่กระบวนท่าและด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ดาราจักรพ่ายแพ้และถูกทำลายป้ายชื่อไปทั้งหมด
เมื่อป้ายชื่อหายไปพวกเขาก็ถูกดึงตัวออกจากพื้นที่ทับซ้อน
หลังจากนั้นก็มีการปะทะกับกลุ่มที่สองของศาสตราพิทักษ์ ความโดดเด่นของสำนักนี้คือการที่พวกเขามักจะเก็บอุปกรณ์วิเศษเอาไว้มากมายแทบจะเป็นคลังแสง
"ส่งสมุนไพรของพวกเจ้ามาแล้วพวกข้าจะไม่ยุ่งกับป้ายชื่อ"
"นั่นเป็นคำขู่ที่ดูงี่เง่าสิ้นดี คิดว่าสำนักเซียนกระบี่อย่างเราจะยอมอย่างนั้นหรือ" ศิษย์คนหนึ่งที่เป็นรุ่นน้องของหลี่เจิ้นหัวเอ่ยท้าทายกลับไป
ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองกลุ่มจึงเข้าโจมตีกันโดยฉินหลิวซีไม่ได้ร่วมต่อสู้เหมือนเคย นางมีหน้าที่หลัก ๆ แค่เก็บรักษาสมุนไพรเอาไว้ให้ได้ แต่หากพวกเขาจวนตัวขึ้นมาเมื่อไหร่นางก็จะเข้าไปช่วย
อาวุธของศาสตราพิทักษ์มีลูกเล่นทำให้ยากต่อกร แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะทำให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
ในที่สุดพวกเขาก็ได้คะแนนจากป้ายชื่อห้าอันที่ทำลายไป ดูเหมือนว่าทางฝั่งของพยัคฆ์ทองจะยังไม่เจอกับศัตรูคนไหนเลย ไม่อย่างนั้นคะแนนของพวกนางก็คงไม่ขึ้นมาพรวดพราดแบบนี้
"จะเที่ยงวันอยู่แล้วพวกเราควรพักสักหน่อยนะ" หลี่เจิ้นหัวมองหาร่มไม้หลบแดดให้คนในกลุ่มตน
พวกเขาแบ่งกันออกไปล่าสัตว์และหาผลไม้ในป่าจนได้เสบียงมาพออิ่มท้อง เพราะยังอยู่ระหว่างการแข่งขันจึงต้องกินมื้อเที่ยงไปอย่างระแวดระวัง
"ฉินหลิวซี เจ้าไม่กินอะไรหน่อยหรือ"
"ตรงนี้ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่พวกเจ้ากินไปก่อนเถอะ ข้าเก็บตรงนี้เสร็จแล้วจะไปนั่งพักเอง"
ฉินหลิวซีสัมผัสไม่ได้ว่ามีกลุ่มคนอยู่ใกล้ ๆ ตอนนี้จึงวางใจได้ว่าคงไม่มีใครบุกเข้ามาโจมตี ทำให้นางมีเวลาเพลิดเพลินกับการเก็บสมุนไพรก่อนจะเริ่มศึกใหม่ในช่วงบ่าย
มิติทับซ้อนของสำนักอุดมสมบูรณ์มากเพราะเปิดใช้งานเพียงสิบปีครั้ง อีกทั้งยังไม่เปิดให้ใครเข้ามาระหว่างนั้น สมุนไพรและพืชผลเติบโตได้อย่างเต็มที่ สิบปีที่ไม่มีใครบุกรุกนี้คงมีแต่แมลงที่จะรบกวนพวกมันได้
"ข้าขอไปดูทางนั้นสักครู่เผื่อว่ามีสมุนไพรอื่นอีก" ฉินหลิวซีขอแยกตัวออกมาหลังจากพักร่างกายเสร็จแล้ว เพราะนางไม่ได้ออกมาไกลมาก ยังอยู่ในระยะที่พวกเขาเห็นได้หลี่เจิ้นหัวจึงไม่ได้ว่าอะไร
ฉินหลิวซีเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อนำสมุนไพรบางส่วนเก็บเข้าไปในมิติของตัวเอง สมุนไพรที่หามาได้ต้องแบ่งให้กับคนอื่นเท่า ๆ กัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการนับคะแนนแบบกลุ่ม สมุนไพรหายากเหล่านี้นางก็อยากเก็บไว้เอง เพราะมิตินี้สิบปีจะเข้ามาได้สักครั้ง
ข้าก็ไม่ใช่คนดีเป็นพระโพธิสัตว์อะไรอยู่แล้ว ขอเก็บไว้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็แล้วกัน
ฉินหลิวซีแบ่งสมุนไพรทีละเล็กละน้อยเก็บเข้าไปในมิติของตัวเอง ในโลกของผู้ฝึกตนจะมีเครื่องมือชนิดหนึ่งใช้หาสมุนไพรที่ต้องการ ผู้เข้าแข่งขันในวันนี้ล้วนมีมันอยู่ในมือ เป็นอุปกรณ์คล้าย ๆ กับที่คนเป็นครูในโรงเรียนมักจะมีปากกาเหน็บไว้กับเสื้อ
อุปกรณ์ธรรมดาระดับนั้นนางไม่ใส่ใจมันเลย จนกระทั่งพึ่งมาสังเกตว่ามันตรวจจับได้ ว่านางมีสมุนไพรเก็บอยู่มากน้อยเท่าไร
ถ้าใช้เครื่องนั่นย่อมต้องรู้แน่ว่านางแอบเก็บสมุนไพรเอาไว้ไม่แบ่ง แถมยังไม่เอามารวมกับคะแนนของกลุ่มอีกด้วย
พวกเขาเก็บสมุนไพรตามทางจนมาเจอเข้ากับแม่น้ำสายหนึ่ง แต่ละคนมือเปื้อนดินและฝุ่น มีเศษใบไม้ใบหญ้าติดเต็มเสื้อผ้า พวกเขาลงไปล้างมือริมแม่น้ำ บางคนล้างเสร็จก็ไปนั่งพักเอาแรง
ฉินหลิวซียืนพิงต้นไม้คอยประเมินสถานการณ์อยู่เป็นระยะ
"หลี่เจิ้นหัว"
"ว่าอย่างไร"
"พาพวกลูกศิษย์คนอื่นออกเดินทางต่อกันเถอะ"
"ทำไม เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ"
"เดี๋ยวเราจะต้องปะทะกับกลุ่มที่สามแล้ว เตรียมตัวต่อสู้เสียตั้งแต่ตอนนี้"
ฉินหลิวซีกอดอกทำนิ่งเฉย ทุกคนต่างประหลาดใจว่านางรู้ได้อย่างไร แค่เป็นผู้ฝึกตนถึงจะรับรู้ได้ว่ามีผู้มีวรยุทธ์สูงอยู่ใกล้หรือไม่ก็มีระยะห่างที่จำกัด ถ้าไม่อยู่ในขอบเขตที่สามารถสัมผัสได้ก็แทบจะไม่รู้เลยว่ามีคนอื่น
ฉินหลิวซีรู้ว่าพวกเขาสงสัยอะไรแต่นางไม่คิดจะเฉลย ที่นางรู้เป็นเพราะหงส์ขาวน้อยที่อยู่ในมิติ สัตว์ในตำนานอย่างหงส์แดงเพลิงมีสัมผัสกว้างไกลกว่านายอย่างนาง หงส์แดงเพลิงร้องบอกเจ้านาย ทั้งสองสามารถสื่อสารกันได้ผ่านพันธสัญญาที่ผูกมัดไว้
ลูกศิษย์คนอื่นยังไม่วางใจในตัวสตรีแปลกหน้าผู้นี้ แต่ระดับฝีมือนั้นพวกเขาเชื่อใจนางได้ เพราะฉินหลิวซีก็ทำให้เห็นมาตลอดตั้งแต่เริ่มการแข่งวันที่สอง
"ดีล่ะ ในเมื่อไม่มีเวลาให้พักก็ไม่ต้องพักกันแล้ว ลุยรวดเดียวจบไปเลย!" หนึ่งในกลุ่มของนางเอ่ยขึ้นอย่างฮึกเหิม คงเหนื่อยจนใกล้สติแตกเต็มที
อย่างไรก็เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะหมดวัน นางเห็นด้วยถ้าคิดจะลุยม้วนเดียวจบ
กลุ่มที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแต่พยัคฆ์ทองกับเซียนกระบี่ คงยากจะคาดเดาว่าใครจะชนะ
ความเก่งกาจของพวกพยัคฆ์ทองใช่ว่าจะดูเบาได้ ถึงแม้จะอารมณ์ร้อนไม่กลัวตายทำให้พวกเขาพลาดท่าได้ง่าย แต่ฝีมือเป็นของจริง
"เราจะเจอพวกเขาทันทีเลยหรือเปล่า" หลี่เจิ้นหัวถาม
"ยังไม่ใกล้ขนาดนั้น"
พอมีเวลาให้เก็บสมุนไพรเพิ่มได้อีกนิดหน่อย
ฉินหลิวซีหูตากว้างไกลกับพวกพืชสมุนไพรเป็นอย่างมาก คนอื่นยังไม่ทันรู้ตัวว่ามีนางก็เก็บขึ้นมาแล้ว เรื่องความสามารถของนางไม่เป็นที่กังขา
"เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการแข่งแล้ว เราคงต้องเร่งมือกันหน่อย" ศิษย์สำนักคนหนึ่งเอ่ยขึ้น คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย
"ทางนั้นมีสมุนไพรค่อนข้างมาก เราแวะที่นั่นกันก่อนเถอะ" ฉินหลิวซีชี้ไปทางซ้ายมือของตน ที่ตรงนั้นเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่มีดอกไม้ขึ้นอยู่มากมาย
"เจ้าไปกับหลี่เจิ้นหัวเถอะ พวกข้าจะระวังแถวนี้ให้เอง"
"ใช่แล้ว พวกเราหาสมุนไพรได้ไม่เก่งเท่าเจ้า ทำตัวเป็นผู้รักษาการยังมีประโยชน์มากกว่า ฝากด้วยล่ะหัวหน้า" เขากล่าวประโยคแรกกับนางก่อนจะหันไปตบบ่าสหายแซ่หลี่ในประโยคหลัง
"ถ้าพวกเจ้าว่าอย่างนั้น ก็ได้"
ฉินหลิวซีฟังแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนะ เพราะมันเหมือนกับว่าพวกเขาน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองที่หาของพวกนี้ไม่ได้เก่งเท่านาง การแข่งนี้เป็นของคนในสำนักแท้ ๆ แต่คนนอกอย่างนางกลับหาได้มากกว่าจนต้องหวังพึ่งพิง ถ้านางเป็นคนในสำนักก็คงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
ปล่อยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้สิ
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY