เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
5 ปีที่แล้ว คฤหาสน์บดินเดชา
"ไม่แต่งนะครับคุณย่าน้อย คุณแม่ครับผมไม่มีทางแต่งงานกับเด็กที่คุณย่ารับมาเลี้ยงเด็ดขาดนะครับ "
"ไม่ได้แกต้องแต่งงานกับหนูนิดให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแกก็ออกจากบ้านของฉันไปและอย่าหวังว่าจะได้อะไรติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว"
คุณหญิงสมรที่เป็นประมุขใหญ่ที่สุดในบ้านเอ่ยกับชายหนุ่มที่เป็นหลานชายวัย 23 ปีที่ตอนนี้โมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"โธ่เว้ย!! เลิกร้องไห้เรียกคะแนนสงสารจากคุณย่าฉันสักที ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายโดนกระทำไม่ใช่เธอยัยเด็กเก็บมาเลี้ยง"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะตานนท์ แกห้ามไปว่าน้องอย่างนั้นเด็ดขาดเลยนะ แกเองไม่ใช่หรือไงที่เมาแล้วลากน้องเข้าห้องไปทำไม่ดีไม่ร้ายแกยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกงั้นเหรอ "
"แต่คุณย่าครับมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆนะครับไม่เชื่อถามเด็กนั้นดูก็ได้ จะมัวแต่ร้องไห้อยู่ทำไมว่ะ พูดออกมาสักทีสิว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย"
"นนท์น้องอายุเพิ่งจะ 17 ปีเข้า 18 ยังไม่ดีเลยนะอย่างน้อยแกก็บรรลุนิติภาวะแล้วสมควรที่จะมีความรับผิดชอบได้แล้วฉันไม่เคยเลี้ยงแกมาให้เป็นคนไม่มีความรับผิดชอบชั่วดีแบบนี้นะ "
คุณหญิงสมรไม่พอใจเป็นอย่างมากที่หลานชายเพียงคนเดียวของเธอทำนิสัยที่แย่เกินที่เธอจะรับได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วณนนท์เมาอย่างหนักหลังจากไปสังสรรค์กับเพื่อนเพื่อเลี้ยงส่งที่เขาจะไปเรียนโทต่อที่ต่างประเทศ
เขาเมามากจนแทบเดินขึ้นบันไดไม่ไหวเลยคิดว่าจะนอนที่ห้องนั่งเล่นมันนี่แหละแต่แล้วเดินเข้าบ้านมาก็เจอกับ หนูนิดหลานสาวคนโปรดของคุณย่าน้อยที่ยืนค่อยเสนอหน้ารอเขาอยู่ ไม่สิต้องบอกว่าคนโปรดของคนทั้งบ้านยกเว้นเขาคนเดียวที่เสน่ห์ของแม่นี่ทำอะไรเขาไม่ได้
เธอชอบทำตัวเป็นผู้ปกครองคอยตามดูแลเขาไม่ว่าจะเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับเขาคุณย่าน้อยและคุณแม่ของณนนท์จะสอนให้เธอทำทุกอย่าง เหมือนกับเตรียมมาเป็นเมียของเขาอย่างนั้นแหละ
แล้วยัยเด็กคนนี้ก็ชอบทำตัวน่าสงสารหาเรื่องให้เขาโดนด่าประจำ เธอจะคอยมายืนรอต้อนรับเขาเวลากลับบ้านทุกครั้งด่าไปก็อ้างแต่ 'คุณย่าน้อยสั่งหนูนิดค่ะ'
เขาโดนคุณย่าบ่นอยู่ประจำว่าชอบสร้างเรื่องให้กับหนูนิดต้องคอยตามดูแลตลอด อย่าว่าหนูนิดนะ อะไรๆก็หนูนิดเขาล่ะรำคาญชื่อนี้เอามากๆ ดีที่สอบติดโทที่ฝรั่งเศสจะได้หนีไปจากยัยเด็กนี่เสียที แต่แล้วเหมือนยิ่งหนีเรื่องมันก็ยิ่งวิ่งตาม
ใครจะไปรู้พอพยุงมาถึงห้องเขาแล้วชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกัน และด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์รึเปล่าไม่รู้ทำให้เขามองเด็กสาวในบ้านที่เขาเคยรังเกียจ แถมยังด่าทอเธออยู่ตลอดว่าเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง
ณนนท์คิดว่าหนูนิดคนดีคนนี้ต้องตั้งใจอ่อยเขาแน่ๆ ทำไมยิ่งมองยิ่งสวยน่ารักอ่อนหวานท่าทีที่อ่อนแอแต่แววตาดื้อรั้นเวลามองมาที่เขานั้นมันช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกินมันทำให้เขาอยากปกป้องและอยากปราบพยศเธอด้วยในที
ไม่รู้อะไรโดนใจให้ณนนท์ก้มลงไปจูบเธออย่างดูดดื่มโดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ด้วยแรงผู้ชายและเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจนั้นดันแก่แดดแก่ลมเกินสาวน้อยวัย 17 ปีไปเสียแล้ว
เขามัวแต่มัวเมากับรสจูบที่หอมหวานดังน้ำผึ้งเดือน 5 ก็ไม่ปานอยู่นั้นเสียงเอะอะโวยวายตรงหน้าประตูก็ดังขึ้น เมื่ออยู่ดีๆผู้เป็นแม่ก็เดินเข้ามาในห้องเขาและเห็นฉากที่เขากำลังทำไม่ดีไม่ร้ายลูกสาวคนโปรดของท่านอยู่ นั่นแหละเรื่องมันเลยมาถึงตรงนี้
"แต่หลานสาวคนโปรดของคุณย่าเข้ามาอ่อยผมถึงในห้องเองนะครับ ทำไมผมถึงจะต้องรับผิดชอบเธอด้วยในเมื่อเรายังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันเลยผมเอาเธอแล้วนะสิว่าไปอย่าง "
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหน้าตายโดยที่ไม่ได้หันไปสนใจสาวน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาอาบสองแก้มนุ่มนิ่มนั้นอย่างน่าสงสาร ที่นั่งอยู่ข้างคุณหญิงสมรเลยแม้แต่นิดเดียว
"เอาเลยสิแกก็ไม่ต้องแต่งสิฉันจะได้ทำตามที่พูด แกจะได้รู้ว่าฉันเอาจริงไหม"
"โถ่คุณย่าครับจะให้อนาคตผมจบลงเพราะเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้จริงๆหรือครับคุณย่า"
"ทำไมจะไม่มีอนาคตแกแต่งแล้วแกก็ไปเรียนได้ จบแล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่บ้านไม่ต้องไปตะลอนหางานที่ไหน แกไม่มีอนาคตตรงไหนแกบอกฉันมาสิ"
"นนท์แม่ว่าฟังคุณย่าน้อยเขาเถอะนะลูกคุณย่าน้อยท่านทำเพื่อลูกนะ "
"เหอะ!!ทำเพื่อผมงั้นเหรอ ได้!ผมจะแต่งงานกับหลานสาวสุดที่รักนอกคอกคนนี้ของคุณย่า แต่หลังจากที่ผมเรียนจบกลับมาผมจะหย่ากับเธอทันที และครั้งนี้คุณย่าเองก็ห้ามผมไม่ได้ด้วย"
พูดจบคนอารมณ์ร้อนก็เดินหนีขึ้นห้องไปเสียงดังตึ้งตั้งจนคนที่เป็นย่าเอามือมากุมหัวใจตัวเองกับความเอาแต่ใจของหลานชายคนเดียวคนนี้จริงๆ
"คุณย่าน้อยขา หนูนิดไม่แต่งไม่ได้เหรอคะคุณย่า " หนูนิดเอ่ยกับผู้มีพระคุณท่วมหัวเธอ
"ทำเพื่อย่านะหนูนิดถือว่าทำเพื่อคนแก่ๆใกล้ตายให้ชื่นใจสักครั้งเถอะนะย่าขอ"
คุณหญิงสมรจับมือของหลานสาวและมองดูใบน่าจิ้มลิ้มนั้นอย่างเอ็นดูพลางคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นภรรยาของณนนท์เท่าเธอคนนี้อีกแล้ว
"ถ้าเป็นความต้องการของคุณย่าหนูนิดก็จะทำให้ค่ะ"
หนูนิดตอบรับคำคุณหญิงสมรด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอชอบณนนท์มานานแสนนานเพียงแค่คิดว่าได้ดูเขาอยู่ห่างๆ ก็เพียงพอแล้วแต่นี่เธอได้แต่งงานกับเขาแถมเขายังเกลียดเธอมากกว่าเดิมอีก เธอจะต้องดีใจหรือเสียใจดีที่ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาแบบนี้
เช้าวันต่อมาคุณหญิงสมรและคุณสุดารัตน์แม่ของณนนท์ก็ไปหาฤกษ์แต่งงานกับพระอาจารย์ที่ครอบครัวนับถือกันแต่เช้าตรู่
"มาทำอะไรแต่เช้าล่ะโยมน้อย" พระอาจารย์ทักขึ้น
"อิฉันจะมาดูฤกษ์แต่งงานให้หลานชายและหลานสาวเจ้าค่ะ อยากได้แบบเร็วๆ วันที่ดีที่ทั้งสองอยู่กันจนแก่เฒ่าเลยเจ้าค่ะ"
"ฤกษ์ดีคือฤกษ์สะดวกนะโยม มันไม่มีหรอกฤกษ์ที่โยมว่ามา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มีกรรมเป็นตัวกำหนด หมดกรรมก็เลิกกันถ้ายังมีกรรมต่อกันก็ยังอยู่ด้วยกันแค่นั้น "
พระอาจารย์บอกกับทั้งสามแล้วกลับไปนั่งสมาธิเช่นเดิมไม่ได้พูดอะไรต่อ จนคุณหญิงสมรก็ไม่อยากกวนท่านแล้วคงต้องเอาฤกษ์สะดวกนั่นแหละ
"งั้นเราก็แต่งหลังวันเกิดหนูนิดต้นเดือนเลยแล้วกัน คงเตรียมงานทันอีกอย่างหนูนิดอายุพอที่จะจดทะเบียนสมรสได้ด้วย"
คุณหญิงสมรหันมาพูดกับลูกสะใภ้ที่คอยดูแลท่านมาอย่างดีตั้งแต่พ่อของณนนท์เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง เธอก็อยู่ดูแลแม่สามีตลอดมาตามที่ผู้เป็นสามีร้องขอก่อนสิ้นใจ
"ค่ะคุณแม่ หนูนิดล่ะลูกเตรียมตัวทันไหมอีกแค่สองอาทิตย์เอง"
คุณสุดารัตน์หันมาหาลูกสาวคนโปรดและกำลังจะเลื่อนขั้นมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ
"หนูนิดยังไงก็ได้ค่ะแล้วแต่คุณย่าน้อยกับคุณแม่เลย"
"แม่ดาไม่ต้องกลัวจะเตรียมตัวไม่ทันหรอกเราก็จ้างทีมงานเก่งๆที่เขาสามารถทำงานได้ตามเวลาที่เรากำหนดมาทำสิ อีกอย่างงานเราก็ไม่ได้จัดอะไรใหญ่โตจัดแค่คนรู้จักและคนในครอบครัวเท่านั้น มันคงจะไม่ยุ่งยากจนเกินไปหรอกนะ"
"ค่ะคุณแม่"
เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
"กล้ามากเลยนะเอยที่นอกใจฉัน กล้ามากที่พามันมาถึงที่นี่แถมยืนจูบกันอยู่หน้าห้องไม่อายฟ้าดินแบบนี้" "เอยไม่ได้จูบนะคะ เอยจะล้มคุณนทีเลยพยุงหน้าเลยใกล้กันแบบนั้น " เจ้าขาอธิบายตามความจริง "ทำไมโทรมาไม่รับ ข้อความอ่านแล้วก็ไม่ตอบเธออยากให้ฉันเป็นบ้าเหรอเอย" เขาถามเธอเสียงเครียดไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง มันทั้งคิดถึงโหยหาแต่ก็กลัวเธอจะหาว่าเขาพูดเกินจริง นอกจากเธอจะไม่เชื่อแถมมองว่าเขาบ้าอีกเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใครดีมากจนเขานึกอายเรื่องที่ผ่านมา แม้มันไม่ใช่ความผิดเขาในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่ทำสัญญาและรู้สึกแบนนี้กับเธอ "เอยไม่คิดว่าคุณขุนจะคิดมากขนาดนี้ ก็เห็นวันก่อนบอกจะเรียกสาวๆ มาแก้เหงาไงคะ" เธอยังน้อยใจเรื่องนี้ไม่หายแม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขา "เธอก็รู้ว่าตั้งแต่มีเธอฉันก็ไม่เคยเรียกใครมาอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอฉันติดเธอแค่ไหนทำไมเธอถึงมองไม่เห็นหรือตั้งใจจะมองข้ามมันคิดว่าฉันเป็นของเล่น" ......................................................................................................................................... "อื้อ! " มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกจนหมดอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่มือเล็กจะไล้ลงมาที่เข็มขัดราคาแพงของเขา แกร๊ก! "ถ้ารีบปล่อยมันออกมาเดี๋ยวก็ควบคุมไม่อยู่" "เอยคิดถึงคุณขุนมากนะคะ อื้อ!! " ได้ยินแบบนั้นคนที่ใจตรงกับเธอก็ก้มลงจูบปากฉ่ำหวานอีกรอบ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนความหวานในนั้นด้วยความตะกละตะกลาม
สาวแสนสวยสุดมั่นแต่ก็ยังโดนทิ้งตลอดไม่ว่าจะคบหากับใครยิ่งคนล่าสุดที่เธอคาดหวังเอาไว้มากๆว่าคือชายที่จะแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังทิ้งเธอเพียงคำง่ายๆว่าเธอหวงตัวเกินไป งานนี้ต้องลำบากเพื่อนสนิทอย่างแทนไท ที่บังคับกึงขอร้องให้มาสอนบทรักที่เร่าร้อนให้จะได้ไม่โดนดูถูกแต่ทำไมเธอถึงลืมคืนนั้นไม่ลง แถมเพื่อนสนิทก็ยังมีท่าทีว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกด้วย "อื้ออ อย่ามากวนคนจะนอน " "แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ จะทำอะไรก็ได้" หญิงสาวที่ยังหลับสนิทไม่รู้ตัวเพียงแค่ละเมอบอกปัดอย่างลำคาญเพียงเท่านั้น มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนนุ่มไปมาอย่างหลงไหลปากหนาเองก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานซึ้งยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ความอดทนอดกลั้นที่มีมา 4-5ปีพังทลายลงเพราะคืนเดียว ไอ้ที่ปากเก่งว่าลืมเธอได้แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น "อื้อ แทนบอกแล้วไงว่าอย่ามากวนแพร คนบ้า" เสียงแว้ดของเธอทำให้แทนไทต้องผงกหัวขึ้นมาดู ปรากฏว่าแม่เสือสาวของเขาเพียงแค่ละเมอแว้ดออกมาเพียงทำนั้น "ดีนะที่พูดชื่อผัวตัวเองถ้าพูดชื่อคนอื่นพ่อจะเอาให้จมเตียงทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไปไหนได้เลย" อีโรติก
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY